วัน ออริจิ้น (One Origin) ในเครือ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property) วางแผนระยะยาวด้วยการลงทุนพัฒนาโรงแรม-ออฟฟิศ-รีเทล ในทำเลศักยภาพ ทั้งโรงแรม, พื้นที่ออฟฟิศ และพื้นที่ค้าปลีก ในกรุงเทพ และโซน EEC มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2566 พร้อมตอบรับโลก Digital Disruption ด้วย “Open Platform : เติบโตไปด้วยกัน”
One Origin (วัน ออริจิ้น) มองการณ์ไกล เข้าใจธุรกิจ กับการวางแผนระยะยาว รับโลก Digital Disruption ด้วย “Open Platform : เติบโตไปด้วยกัน”
· 2 min readนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานกรรมการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มองเห็นโอกาสที่ดีในการลงทุน จากแนวคิดธุรกิจใหม่ คือ โมเดล “โอเพ่น แพลทฟอร์ม : เติบโตไปด้วยกัน” และมุ่งมั่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก
หนึ่งในปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ คือ การผลักดันนโยบายอีอีซีของรัฐบาล, การมอบสิทธิประโยชน์ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ตลอดจนต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ต่ำลงในช่วงเศรษฐกิจปรับฐาน
ทั้งนี้ แผนการลงทุนระยะยาวกับพันธมิตร เรียกว่าเป็นโมเดลแบบ Win-Win Situation ที่ทำให้บริษัทได้คู่คิดมาช่วยกันพัฒนา และสร้างสรรค์แต่ละโครงการให้มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย โดยพันธมิตรเปิดกว้างสำหรับบริษัทอื่น ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ หลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- 1.การลงทุนในลักษณะพันธมิตรร่วมทุน (JV Partner)
- 2.การเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมในเครือ (Hotel Operator)
- 3.การเข้ามาเป็นผู้เช่าพื้นที่ (Tenant)
- 4.ผู้บริหารพื้นที่เช่า (Property Leasing and Management)
- 5.เจ้าของที่ดิน (Land Owner) ที่มีที่ดินพร้อมร่วมลงทุนพัฒนากับวัน ออริจิ้น
เพื่อให้บริษัทสามารถก้าวไปได้อย่างมั่นคง จึงนำโมเดลโอเพ่น แพลทฟอร์ม ที่เปิดกว้างเรื่อง Synergy มาผสมผสานกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ หรือ Business Purpose ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต
ด้านนายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า สำหรับธุรกิจพื้นที่พาณิชย์ (Commercial Space) ของวัน ออริจิ้น อันได้แก่ พื้นที่อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาและสรรหาพันธมิตร ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในยุค Lazy Economy ไม่ว่าจะเป็น
- นักลงทุน (Investor)
- กลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner)
- กลุ่มร้านอาหารขนาดใหญ่ (Mega Food Chain)
- กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต (Hypermart)
- กลุ่มบริการพื้นที่สำนักงาน (Office service and co-working space)
- กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (Outlet)
- กลุ่มร้านสะดวกซื้อ (Convenience store)
- กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ (Delivery and Logistics)
ด้านนายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และทยอยเปิดให้บริการจนถึงปี 2566 รวมไม่น้อยกว่า 11 โครงการ ในหลากหลายทำเลสำคัญ รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท (ประมาณการมูลค่าสินทรัพย์รวม) ประกอบด้วย
- 1.โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ รวมไม่น้อยกว่า 3,420 ห้องพัก ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ มุ่งเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (Business Purpose) และกลุ่ม Budget Hotel
- 2.กลุ่ม Commercial Space เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก รวมกว่า 16,000 ตร.ม. โดยโครงการส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ Mixed-use ผสมผสานการใช้ประโยชน์ด้วยอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท
พร้อมทั้งเผยอีกว่า ภายใต้แผนการพัฒนาโครงการมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท (ประมาณการมูลค่าสินทรัพย์รวม) มีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการแบบ Soft Opening แล้ว 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง รวม 650 ห้องพัก
ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญของทั้งบริษัทและพันธมิตรดั้งเดิมอย่างบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่น และ Hotel Operator ชั้นนำของโลกอย่างเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG)
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่รอการพัฒนาและอยู่ระหว่างการพัฒนาในหลากทำเล อาทิ พญาไท สุขุมวิท รามอินทรา ศรีราชา ระยอง ฯลฯ โดยมีพันธมิตรใหม่สนใจร่วมลงทุนเพิ่มใน 3 โครงการ ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมองหาโอกาสการควบรวมและ/หรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อช่วยสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย
จากแผนงานของบริษัทฯ ภายในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างกำไรให้กับกลุ่มได้ 500 ล้านบาทต่อปีตามแผน ผู้สนใจร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ investment@oneorigin.co.th
ทางด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จในยุค Digital Disruption เพราะการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ไม่ได้เกิดจาก Owner เพียงเจ้าเดียว แต่เป็นลักษณะการร่วมทุนหรือการสร้างความร่วมมือ (Synergy) ระหว่างพันธมิตรต่างธุรกิจต่างเซ็กเตอร์มากขึ้น เพื่อให้เกิดความหลากหลายและแปลกใหม่ในการพัฒนา