พาชมข้อมูลต่างๆ และตำแหน่งที่ตั้งพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกกันไปแล้ว คราวนี้เราจะพาชมข้างในโครงการ Maru เอกมัย กันบ้างค่ะ แอบกระซิบบอกนิดนึงว่าที่นี่จะตกแต่งสไตล์ Minimal มีความญี่ปุ่นผสมผสานอยู่ด้วย ให้ความอบอุ่น เหมือนอยู่บ้านเลยแหละ
CONDO TOUR
มาเริ่มกันจากด้านหน้าโครงการกันเลยยยยย ตัวโครงการตกแต่งด้วยสีขาวเป็นส่วนใหญ่ สลับกับสีเทาทำให้ตัวอาคารมีมิติเพิ่มมากขึ้นทั้งยังไม่ทำให้รู้สึกซ้ำซาก จำเจอีกด้วย
เดินเข้ามาด้านใน ใครเป็นสายนักปั่นตรงนี้มีที่จอดจักรยานด้วยนะคะ ออกแบบมาให้เป็นหลังคาคลุมกันแดดและฝน แล้วยังมีที่ล็อกจักรยานติดตั้งเอาไว้ให้อีกด้วย
ที่ชั้น 1 จะมีสวนส่วนกลาง ให้เราสามารถพาสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่น วิ่งเล่นตรงนี้ได้
ในพื้นที่เดียวกันยังมีจุดนั่งเล่นและศาลาให้มาพักผ่อนอีกหลายจุดอยู่ด้วย ซึ่งเรามองว่าการตกแต่งออกมาในสไตล์นี้ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานสวนได้มากขึ้น ทั้งยังบรรยากาศเป็นกันเองเหมือนสวนในบ้านเลยทีเดียว
ส่วนถ้าใครขับรถมา เข้ามาด้านในอีกหน่อยจะเจอกับจุด Drop-Off พร้อมหลังคาคลุม หมดกังวลเรื่องแดดและฝนไปเลยค่ะ เราชอบจุดนี้ เพราะบางโครงการจุด Drop-Off เป็นแบบ Outdoor ทำให้ขึ้นลงรถไม่สะดวกเท่าไหร่ และจุด Drop-Off ยังเชื่อมต่อกับทางเดินเข้าสู่โถงต้อนรับด้านในอาคารได้ทันทีอีกด้วยค่า
เข้ามาด้านในก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Co-Living Space ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งพักผ่อน คุยเล่น หรือนัดเพื่อนตรงนี้ได้ โครงการได้จัดเตรียมชุดเก้าอี้ไว้รองรับหลายชุด ส่วนด้านในเป็น Sunken Living Room เหมาะสำหรับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหน่อย รองรับกลุ่มคนจำนวนเยอะๆ ได้ค่ะ
และอีกหนึ่งห้องที่เราว่าสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้จริงคือ Meeting Room ที่นี่จะให้มาเป็นห้องกระจกแบบปิด พร้อมโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ตรงนี้ดีนะ เพราะปกติส่วนใหญ่ห้องประชุมตามคอนโดจะไปอยู่ชั้นบนๆ ของอาคาร แต่ที่นี่คืออยู่ข้างล่าง เหมาะกับนัดคนนอกเข้ามาคุยงานและยังสามารถรักษาความปลอดภัยในส่วนของห้องพักและลูกบ้านคนอื่นๆ เอาไว้ได้
Mail Room จะตั้งอยู่ระหว่างทางเดินไปยังโถงบันได คราวนี้แหละไม่มีทางลืมหยิบจดหมายแน่นอน!
มาต่อกันที่ Infinity Edge Swimming Pool โดยเราพากระโดดสูงงงงงง ขึ้นมาถึงชั้น 31 เลยค่ะ ตัวสระว่ายน้ำนี้จะมีทั้งสระของผู้ใหญ่ สระเด็ก และ Warm Pool แยกส่วนกันไว้ วาง Daybed เอาไว้ที่ด้านข้างสระว่ายน้ำ นี่เป็นอีกจุดนึงที่ชิลล์มากของ Maru Ekkamai 2 เลย
แน่นอนว่าการว่ายน้ำบางคนจะกลัวผิวเสีย หรือโดนแดดจนผิวคล้ำขึ้นมา ที่นี่เลยจัดให้เลยค่ะ เป็นสระว่ายน้ำแบบ Semi-Outdoor ใครชอบว่ายน้ำกลางแดด เทควิวเมืองก็มี หรือใครชอบว่ายน้ำในร่ม ก็มีพื้นที่ส่วนนี้ตอบสนองความต้องการเช่นเดียวกัน
ส่วนใครไม่จอยเรื่องออกกำลังกายแต่อยากนั่งชมวิวสวยๆ กลางเมือง ที่ชั้น 31 ก็มีตอบโจทย์เหมือนกันน้า อย่างในรูปจะเป็น Sunset Balcony มองเห็นวิวเมืองได้ไกลมากๆ ใครสายโซเชียล ไอจี เฟซบุ๊ก ตรงนี้เลยยยน้า
สายทำอาหารไม่ต้องน้อยใจไป ทางโครงการมีพื้นที่สำหรับ Outdoor Co-Kitchen Terrace เอาไว้ให้ด้วยแหละ มาทำอาหารกุ๊กกิ๊กๆ ตรงนี้ได้จ้า
หรือถ้าอยากทำอาหารจริงจังสามารถทำได้ที่ Co-Creation Space ตั้งอยู่ติดกับ Terrace เมื่อกี้เลย ทำเสร็จก็ยกไปกินได้เหมือนกันค่า
ถัดมานิดหน่อยจะเป็น Quiet Room ห้องนี้คนมาใช้งานต้อง เงียบ น้า .. เป็นห้องที่สามารถนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ชิลล์ๆ คนที่ WFH หรือนักศึกษาน่าจะถูกใจห้องนี้เป็นพิเศษ และเราคิดว่านี่น่าจะเป็นอีกห้องที่มีลูกบ้านมาใช้งานกันบ่อย
และใครเป็นสายกิจกรรมไม่ต้องน้อยใจไปค่า! 2 ห้องสุดท้ายในชั้น 31 นี้ เป็นห้องที่สายกิจกรรมจะต้องถูกใจมากๆ แน่นอน นั่นคือ Karaoke Room และ Music Rehearsal Room เห้ยแกรรรร มีคอนโดไหนบ้างที่จะให้ห้องคาราโอเกะมาร้องเพลงกับเพื่อนและห้องซ้อมดนตรีบ้างอ่าาาาา เก๋มากค่า
เดินวนบันไดขึ้นมาที่ชั้น 32 เราจะเจอฟิตเนสที่ความสูงฝ้าเพดานและวิวอลังการสุดๆ มันดีมากจริงๆ นะทุกคนนนน
Aerial Yoga Room หรือห้อง Flying Yoga ก็ดีไม่แพ้กัน วิวดีแบบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
… อ้อลืมบอกไปว่าที่ชั้น 32 นี้ยังเป็นที่ตั้งของ Lounge อีกด้วยน้า แต่ทางเราไม่ได้เก็บภาพมาฝากเนื่องจากคนหนาแน่นห้องมากๆ เลยค่า ใครที่อยากชมห้องนี้แวะเข้าเยี่ยมชมได้ที่โครงการเลยน้า
และแล้วววว เราก็มาถึงส่วนกลางชั้นสุดท้ายของโครงการนี้คือที่ Rooftop นั่นเอง ที่นี่ตกแต่งดาดฟ้าในสไตล์ Camping อ่ะ น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ มีจุดที่เราสามารถทำ BBQ ได้อีกด้วยน้า และเทรนด์แคมปิ้งตอนนี้กำลังมาด้วย แค่ขึ้นมาเดินเล่น นั่งชิลล์ก็ฟินแล้ว
.. บ้านใครที่มีเด็กๆ ไม่รู้จะพาไปปล่อยพลังที่ไหน ด้านบนนี้มีสนามเด็กเล่น (Children’s Play Forest) ด้วยนะคะ พร้อมราวกั้นที่สูงเอาการ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ค่ะ