ออริจิ้น โชว์แผน NEXT LEVEL เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 20,000 ล้าน พร้อมจับมือพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่ Logistics Center-Healthcare-AMC
· 1 min readออริจิ้น กางแผน ORIGIN NEXT LEVEL สู่อีกระดับแห่งวงการอสังหาฯ ทั้งด้าน Business Expansion และ Living Solutions เปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้าน พร้อมแบรนด์ใหม่ Origin Plug & Play, Brixton, Hampton, Original ตอบโจทย์คนหลากกลุ่มเพิ่มขึ้น เดินหน้าจับมือหลากพันธมิตร ขยายพอร์ตสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ นำร่องด้วย Logistics Center, Healthcare, บริหารสินทรัพย์ วางเป้ายอดขาย 29,000 ล้าน สูงสุดในประวัติการณ์ พร้อมเป้ารายได้รวม 14,000 ล้าน
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปี 2563 บริษัทได้เรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง จนได้รับประสบการณ์ มุมมอง และแนวคิดใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นปีที่บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก สำหรับปี 2564 จะไม่ใช่แค่ปีที่บริษัทเติบโตขึ้น บริษัทจะนำทุกองค์ความรู้ที่ได้รับตลอดปี 2563 ประกอบกับ Disruptor Mindset ซึ่งเป็น DNA ของทีมงานออริจิ้น พาบริษัทก้าวสู่อีกระดับในทุกด้านภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่สามารถดูแลผู้บริโภคได้อย่างครบวงจรในทุกช่วงเวลาของชีวิต
สำหรับแนวคิด ORIGIN NEXT LEVEL ประกอบด้วย 2 แกนหลัก ได้แก่
1.Next Level of Business Expansion ขยายธุรกิจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกด้วยทำเลใหม่ (New Location) แบรนด์ใหม่ (New Brand) กลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) ความร่วมมือใหม่ (New Collaboration) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ (New Target Segmentation) โดยกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยจะมีการเปิดตัวใหม่ในปีนี้ 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท
2.Next Level of Living Solutions สร้างสรรค์ทั้งฟังก์ชั่นใหม่ (New Function) และบริการใหม่ (New Services) ในบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนยุค Now Normal ไปจนถึง Next Normal ซึ่งบริษัทจึงได้จับมือกับพันธมิตรด้านสุขภาพจำนวนมาก เพื่อดูแลลูกบ้าน อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรด้านโรงพยาบาลเสมือนจริง (Virtual Hospital) และมอบบัตร Origin Samitivej Club เข้ามาบริการตรวจสุขภาพ ให้คำปรึกษาถึงที่ หรือเป็น Hospital at Home อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคไม่ต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังคงจับมือกับโรงพยาบาลใกล้เคียงแต่ละโครงการ (Local Hospital) เช่น โรงพยาบาลสินแพทย์ อำนวยความสะดวกอีกทางหนึ่ง รวมถึงมี Let’s Relax เข้ามาให้บริการสปาผ่อนคลาย
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยแผนการก้าวไปข้างหน้าแบบ Next Level จะสร้างรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคงให้แก่บริษัทในระยะยาว และส่งผลให้บริษัทมียอดขายในปี 2564 ถึง 29,000 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทหรือเป็น All Time High และมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้าน
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ออริจิ้น ถือเป็น New S Curve ของเครือที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสินค้าคุณภาพ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค สามารถปิดการขายโครงการบ้านจัดสรรหลายโครงการได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีครึ่ง และสามารถขยายแบรนด์บ้านจัดสรรออกมาถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บริทาเนีย (Britania) และไบรตัน (Brighton) ครอบคลุมตลาดตั้งแต่ระดับ 2.5-50 ล้านบาท
ในปี 2564 นี้ บริษัทเดินหน้า เปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,400 ล้านบาท สูงติดระดับท็อปของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแนวราบในปีนี้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และการขยายตลาดในปีนี้ มุ่งเน้นการเติบโตในทำเลใหม่ๆ โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯที่ยังมีดีมานด์สูง เพื่อเป็นรากฐานสู่การเปิดโครงการสะสมจนครอบคลุม 10 จังหวัดในปี 2565 ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อแสดงตัวตนและสื่อถึงความเป็นผู้ประกอบการที่มีการปรับตัวให้ทันสมัยต่อสถานการณ์ในยุคนี้
ส่วนกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้น เตรียมพัฒนาคอนโดใหม่ทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,600 ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้า และ EEC โดยมีแบรนด์ใหม่ถึง 4 แบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ได้แก่
- ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) เจาะตลาดกลุ่ม Gen Y และ Gen Z โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำสตาร์ทอัพของตัวเอง โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับคนกลุ่มดังกล่าว
- บริกซ์ตัน (Brixton) แบรนด์ราคาเข้าถึงง่าย สำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Affordable Niche) คอนเซ็ปต์แต่ละโครงการ อาจเจาะลูกค้าแตกต่างกันไป เช่น เจาะกลุ่มนักศึกษา-คนทำงานใกล้มหาวิทยาลัย (Campus) เจาะกลุ่มคนรักสัตว์ (Pet Lover)
- แฮมป์ตัน (Hampton) แบรนด์คอนโดเจาะตลาดนักลงทุนโดยเฉพาะ โดยมีสิทธิพิเศษและการันตีผลตอบแทนแก่ผู้ซื้อ นำร่องใน ศรีราชาและระยอง
- ออริจินอล (Original) คอนโดสำหรับเจาะตลาดผู้สูงอายุ (Silver Age)
นอกจากนี้ ปี 2564 เครือ ออริจิ้น จะก้าวไปแบบ Next Level กับธุรกิจใหม่อีก 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) อาทิ กลุ่มธุรกิจเสริมความงาม กลุ่มศูนย์บริการสุขภาพ กลุ่มแพลทฟอร์มให้บริการสุขภาพออนไลน์และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ
- กลุ่มธุรกิจศูนย์ โลจิสติกส์ (Logistic Center) ดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจร่วมกันได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้
- กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company หรือ AMC) นำรากฐานองค์ความรู้และความพร้อมในเครือบริษัท มาต่อยอดสู่การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างเข้มแข็งและครบวงจร ร่วมกันบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้บริโภค การคัดกรองทรัพย์ การพัฒนาโครงการ การรีโนเวท การขาย การตลาด มาเพิ่มมิติในการดูแลผู้บริโภคและมิติการเติบโตสู่อีกระดับของเครือ คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจและพันธมิตรได้เร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยในปีนี้จะพัฒนาโครงการวัน ออริจิ้น สนามเป้า (One Origin Sanampao) เป็นโครงการอาคารสำนักงาน ขนาดพื้นที่กว่า 56,100 ตร.ม. ติด BTS สนามเป้า ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการอาคารสำนักงานในฝั่งกรุงเทพฯตอนเหนือที่ยังคงขยายตัวได้ดี เชื่อมั่นว่าสินค้าและบริการของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จะตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่นในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
- ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 81 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 125,000 ล้านบาท
- ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
- ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร