ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการดำเนินงานโดยสรุปของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับปี 2565 รวมทั้งแผนงานของปี 2566

· 2 min read

บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายแผนการดำเนินงาน ในปี 2566 โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย (Booking) 35,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท ส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7,150 ล้านบาท

L&H
THE BANGKOK Thonglor

 

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์

และการดำเนินงานโดยสรุปของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับปี 2565 รวมทั้งแผนงานของปี 2566 ดังนี้

  • ในปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯยังคงมีความแข็งแรงต่อเนื่อง หากพิจารณาตัวเลขจำนวนหน่วยบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่สร้างโดยผู้ประกอบการและจดทะเบียนในกทม.และปริมณฑล ในช่วงเดือน ม.ค. – ต.ค. 2565 จะเห็นว่าเติบโตประมาณ 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
  • ในขณะที่ จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ของสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ย. 2565 มีจำนวน 22,855 หน่วย ซึ่งเติบโตเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำ
  • ในปี 2565 บริษัทฯเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,460 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบทั้งหมด เทียบกับแผนเดิมที่ตั้งไว้ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท
  •  ปี 2565 บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ประมาณ 4,400 ล้านบาท
  • สัดส่วนยอดขายแบ่งตามประเภทสินค้า ในปี 2565 ของบริษัทฯ มีดังนี้

 

ประเภทที่อยู่อาศัย สัดส่วน
บ้านเดี่ยว 84%
ทาวน์เฮ้าส์ 8%
คอนโดมิเนียม 8%
รวม 100%
สัดส่วนใน กทม.และปริมณฑล 90%
สัดส่วนต่างจังหวัด 10%

 

  • ในปี 2565 สินค้าประเภทบ้านแนวราบ ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนการขายของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม คือ 92%:8%
  • เมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลเปรียบเทียบกับยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 90%:10%
  • สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่สูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนประมาณ 54% ของยอดขาย
  • จำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2565 – 2566

 

ณ ต้น ม.ค. ปี 2565 2566*e
จำนวนโครงการ ณ ต้นปี
⦁ กทม. และปริมณฑล
⦁ ต่างจังหวัด
74
44
30
70
41
29
โครงการเปิดใหม่ระหว่างปี
⦁ กทม. และปริมณฑล
⦁ ต่างจังหวัด
มูลค่าโครงการ (ล้านบาท)
15
12
3
32,460
17
13
4
34,960
รวมโครงการที่ดำเนินการทั้งหมดในปี 89 87

 

  •  ณ ต้นปี 2565 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 74 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 44 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ
  • โครงการที่เปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,460 ล้านบาท
  • รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2565 มีจำนวนทั้งหมด 89 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 19 โครงการ
  • ดังนั้น ณ สิ้นปี 2565 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2566 เป็นจำนวน 70 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 56,300 ล้านบาท
  • ณ ต้นปี 2566 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งสิ้น 70 โครงการ
    • เป็นโครงการแนวราบ 62 โครงการ มูลค่า 47,983 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 8,375 ล้านบาท
  • บริษัทฯ มีแผน ที่จะเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 34,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565
    •  เป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 4 โครงการ
    • เป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท
    • เมื่อแยกตามประเภทสินค้า จะประกอบด้วย
      (บางโครงการมีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท)

      • โครงการบ้านเดี่ยว 15 โครงการ
      • โครงการบ้านแฝด 1 โครงการ
      • โครงการทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ
      • โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
  • ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2566 มีทั้งหมดประมาณ 87 โครงการ เป็นมูลค่า 91,320 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 78 โครงการ มูลค่า 76,450 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่า 14,870 ล้านบาท

ประมาณราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2566 เท่ากับ 8.8 ล้านบาท (ปี 2565 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 8.8 ล้านบาท)

คุณวัชริน กสิณฤกษ์
นายวัชริน กสิณฤกษ์กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร

L&H
โครงการ NANTAWAN ปิ่นเกล้า – กาญจนา

L&H
นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด

 

นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด เปิดเผยภาพตลาดและข้อมูลสินค้าคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ดังนี้

  • ในช่วงปี 2562 – 2564 ตลาดคอนโดมิเนียมหดตัวลงอย่างต่อเนื่องทั้งในด้าน demand (จำนวนหน่วยที่ขายได้) และ supply (จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่) อันเป็นผลมาจากมาตรการ LTV ที่บังคับใช้ในช่วงเมษายน 2562 ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
  • อย่างไรก็ตาม การชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นผลดีต่อตลาดโดยรวม เนื่องจากเป็นการช่วยระบายสินค้าคงเหลือที่ค้างอยู่ในตลาด โดยจำนวนหน่วยคงเหลือของคอนโดมิเนียมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในปี 2563 และลดลงต่อเนื่องในปี 2564
  • ในปี 2565 เมื่อสถานกาณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว ทิศทางของตลาดคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยสะท้อนจากจำนวนหน่วยที่ขายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นถึง 137% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564 (ที่มา: AREA) และจำนวนหน่วยจดทะเบียนในช่วงเดือน ม.ค. – ต.ค. 2565 อยู่ที่ 32,909 หน่วย เติบโตประมาณ 16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 (ที่มา: REIC)
  • นอกจากนี้ ผู้ประกอบการก็มีความเชื่อมั่นในการเปิดโครงการใหม่ โดยจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ย. 2565 มีทั้งหมด 52,000 หน่วย เติบโต 128% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564
  • แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2564 แต่ตลาดคอนโดมิเนียมก็ยังมีความเปราะบาง และยังไม่กลับสู่สภาวะปกติอย่างแท้จริง บริษัทจึงยังคงระมัดระวังการเปิดโครงการประเภทคอนโดมิเนียม
  • ปี 2565 บริษัทฯ ไม่ได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ เนื่องจากสภาพตลาดและบริษัทฯ ต้องการดำเนินการระบายสินค้าที่มีอยู่ในมือ อย่างไรก็ตาม ยอดขายคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ในปี 2565 เติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำ ( ปี 2565 = 2,240 ล้านบาท)
  • สำหรับปี 2566 คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 โดยจะเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง demand ในประเทศให้แข็งแกร่ง รวมถึง demand จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่น่าจะทยอยกลับมาตามการเปิดประเทศ และการเดินทางที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ
  • ในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท คือโครงการ The Key ศรีนครินทร์ ซึ่งจะเปิดขายในไตรมาสที่ 3 โดยเป็นการเริ่มเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ นับตั้งแต่ปี 2563
L&H
นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน ได้เปิดเผยฐานะการเงินของบริษัทฯ และการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ดังนี้

  • ในปี 2565 บริษัทฯ ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท อายุ 2-3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.61% ต่อปี
  • ณ สิ้นปี 2565 คาดว่าหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 51,000 ล้านบาท โดยมี
    • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 96%
    • ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.24%
  • สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าปี 2565 เป็นปีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของบริษัทฯ ทั้งในส่วนโรงแรม อะพาร์ตเมนต์ และห้างสรรพสินค้าทั้งในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา
  • ในปี 2565 บริษัทฯลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,700 ล้านบาท ประกอบด้วย
    • พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3,350 ล้านบาท
    • พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ 3,350 ล้านบาท
  • ปี 2565 บริษัท LHMH ได้เปิดดำเนินโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point Space Pattayaและศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 ในไตรมาสที่ 3 และ4 ตามลำดับ
  • อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่ได้ขายอะพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกาตามแผนที่ตั้งไว้ เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ FED ดำเนินนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนคาดหวังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อมายังราคาขาย
  • ในปี 2566 บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
    • งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท
    • งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 3,000 ล้านบาท
  • ปัจจุบัน บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 11 โครงการ ด้านบริษัท LH USA มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 4 โครงการ
  • บริษัทฯ มีแผน ที่จะขายโรงแรมในประเทศไทยเข้ากอง REIT
  • บริษัทฯ มีแผน ที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%

รายละเอียดโครงการเปิดใหม่ในปี 2566

โครงการ ประเภท ขนาดโครงการ
(ไร่)
จำนวนหลัง
ทั้งหมด
ราคาเฉลี่ยต่อหลังล้านบาท มูลค่า โครงการ
ล้านบาท
ไตรมาส
ที่เปิดขาย
1. inizio ศรีนครินทร์ บ้านแฝด 27.1 176 5.5 970 Q1
2. ชัยพฤกษ์ 2 ซีรีน เลค บ้านเดี่ยว 4.1 9 10.4 94 Q1
3. ชัยพฤกษ์ 1 ซีรีน เลค บ้านเดี่ยว 4.1 10 9.8 98 Q2
4. มัณฑนา กาญจนา – บางบอน 5 บ้านเดี่ยว 97.8 200 17.0 3,400 Q2
5. ชัยพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยว 74.5 233 11.7 2,730 Q2
6. ชัยพฤกษ์ 3 ซีรีน เลค บ้านเดี่ยว 10.1 20 10.2 203 Q3
7. VIVE กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยว 19.4 49 41.8 2,050 Q3
8. VIVE บางนา กม. 13 บ้านเดี่ยว 40.4 95 33.2 3,150 Q3
9. The Key ศรีนครินทร์ คอนโด 12.3 805 8.1 6,500 Q3
10. ชัยพฤกษ์ พรานนก – สาย 2 บ้านเดี่ยว 25.7 56 19.3 1,080 Q3
11. Villaggio 3 ศรีนครินทร์ – บางนา บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮ้าส์ 66.3 358 5.6 2,010 Q4
12. ชัยพฤกษ์ รังสิต คลอง 4 บ้านเดี่ยว 99.6 324 11.4 3,700 Q4
13. ชัยพฤกษ์ เพชรเกษม 69 บ้านเดี่ยว 94.3 219 12.8 2,800 Q4
14. ชัยพฤกษ์ บางนา กม. 13 บ้านเดี่ยว 53.7 170 13.5 2,300 Q4
15. พฤกษ์ลดา ปิ่นเกล้า – ศาลายา บ้านเดี่ยว 36.7 142 7.2 1,025 Q4
16. มัณฑนา มอเตอร์เวย์ – พระราม 9 บ้านเดี่ยว 22.6 52 15.4 800 Q4
17. มัณฑนา มะลิวัลย์ – ขอนแก่น บ้านเดี่ยว 66.7 182 11.3 2,050 Q4
รวมทั้งหมด 755.4 3,100 11.3 34,960

 

L&H
NANTAWAN ปิ่นเกล้า – กาญจนา

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชมอลล์แอนด์โฮเทล (LHMH) และธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้ชื่อบริษัท แอลเอชยูเอสเอ (LHUSA) โดยประกอบด้วยโครงการห้างสรรพสินค้า โรงแรม อะพาร์ตเมนต์และพื้นที่สำนักงานให้เช่า รายละเอียดของโครงการทั้งหมดที่แสดงเป็นรายได้ค่าเช่าในงบกำไรขาดทุน ปรากฎดังตารางต่อไปนี้

 

โครงการในประเทศไทย

ลำดับ โครงการ

มูลค่าการพัฒนา

(ล้านบาท)

เจ้าของ ประเภท ทำเลที่ตั้ง ปีที่คาดว่าจะเปิด/ดำเนินงาน
1 Grande Centre Point Ploenchit 1,500 LHPFII โรงแรม กรุงเทพ ดำเนินงานแล้ว
2 Grande Centre Point Ratchadamri 2,800 LHHOTEL โรงแรม กรุงเทพ ดำเนินงานแล้ว
3 Grande Centre Point Terminal 21 2,000 LHHOTEL โรงแรม กรุงเทพ ดำเนินงานแล้ว
4 Grande Centre Point Sukhumvit 55 2,000 LHHOTEL โรงแรม กรุงเทพ ดำเนินงานแล้ว
5 Terminal 21 Pattaya 3,300 LHMH ศูนย์การค้า พัทยา ดำเนินงานแล้ว
6 Grande Centre Point Pattaya 1,600 LHMH โรงแรม พัทยา ดำเนินงานแล้ว
7 Grande Centre Point Space Pattaya 3,400 LHMH โรงแรม พัทยา ดำเนินงานแล้ว
8 Terminal 21 Rama 3 4,500 LHMH ศูนย์การค้า กรุงเทพ ดำเนินงานแล้ว
9 Grande Centre Point Surawongse 2,300 LHMH โรงแรม กรุงเทพ Q4’66
10 Grande Centre Point Lumpini 4,800 LHMH Mixed-use กรุงเทพ Q4’67
11 Grande Centre Point Ratchadamri 2 4,600 LHMH โรงแรม กรุงเทพ Q4’69
รวมมูลค่าเงินพัฒนาโครงการ 32,800

 

โครงการในสหรัฐอเมริกา (USD) 

ลำดับ โครงการ

มูลค่าการพัฒนา

(ล้านเหรียญ) 

ประเภท ทำเลที่ตั้ง ปีที่คาดว่าจะเปิด/ดำเนินงาน
1 Parc 135 อะพาร์ตเมนต์ Campbell, California ดำเนินงานแล้ว
2 Yard 127 อะพาร์ตเมนต์ Portland, Oregon ดำเนินงานแล้ว
3 Revere 119 อะพาร์ตเมนต์ Campbell, California ดำเนินงานแล้ว
4 SpringHill 31 อะพาร์ตเมนต์ Anaheim, California ดำเนินงานแล้ว
รวมมูลค่าเงินพัฒนาโครงการ 32,800

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
icon-yusabuy-titleRELATED ARTICLE
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก