“อรสิริน” ผู้พัฒนาอสังหาฯ บนทำเลศักยภาพ จ.เชียงใหม่ ก้าวสู่ผู้นำอสังหาฯ ระดับกลาง-บน ของภาคเหนือ เตรียมพัฒนาโครงการคุณภาพในปี 2566 – 2567 มูลค่ารวม 5,165 ล้านบาท โดยเร่งเปิดโครงการใหม่ปีนี้ ทั้งแนวราบ-สูง รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,225 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ขยายตลาดบนทำเลคุณภาพ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ควบคู่กลยุทธ์การก่อสร้าง ควบคุมต้นทุน เตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 66 เสริมศักยภาพการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) ในฐานะผู้ก่อตั้ง “อรสิริน” กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง และอาคารพาณิชย์บนทำเลคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทย และต่างชาติมาโดยตลอด ส่งผลให้โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของอรสิริน ได้รับความนิยมต่อเนื่องมากว่า 17 ปี โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขาย ณ ปี 2565 รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 15,505 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่ารวม 8,348 ล้านบาท แนวสูง 7 โครงการ มูลค่ารวม 7,157 ล้านบาท โดยคงเหลือเพื่อขายมูลค่ารวม 6,385 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบมูลค่า 4,679 ล้านบาท และโครงการแนวสูงมูลค่า 1,706 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาฯ ระดับกลาง-บน ของภาคเหนือภายใน 3 ปี
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทพัฒนาโครงการอสังหาแนวราบและแนวสูงภายใต้แบรนด์
ได้แก่โครงการ
- THE ESCAPE
- HABITAT
- BELIVE
- ORNSIRIN
- ORNSIRIN VILLE
- URBAN MYX
- THE ASTRA
- ARISE
- THE NEXT
บริษัทกำหนดแผนธุรกิจในปี 2566 เตรียมเปิดโครงการใหม่แนวราบ-แนวสูง รวม 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,225 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 1,940 ล้านบาท และแนวสูงอีก 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,285 ล้านบาท คาดจะเริ่มพัฒนาโครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2566
นาย อรรคเดช อุดมศิริธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ยังคงได้รับความนิยมจากชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์
เป็นการเติบโตทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและ โครงการเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากแผนการเปิดโครงการใหม่ อีกทั้ง ปัจจัยสนับสนุนจากกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น รวมถึง นโยบายมาตรการภาครัฐ อาทิ การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมาตรการผ่อนคลาย LTV (Loan To Value Ratio)
ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เร่งขยายตลาดบนทำเลคุณภาพ ชูกลยุทธ์พัฒนาที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน นอกจากนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนเพื่อการซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมในปี 2566 ไว้ที่ 1,735 ล้านบาท และวางเป้ายอดโอนรวมไว้ที่ 1,471 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารักษาการเติบโตของยอดขาย ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี