รีวิวนี้เราพามาดูคอนโดน้องใหม่ อย่างโครงการ Supalai BLU Sathorn-Ratchaphruek (ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์) และต้องบอกก่อนว่าที่นี่อยู่ห่างจากคอนโดรุ่นพี่อย่าง Supalai Loft สาทร-ราชพฤกษ์ เพียง 100 เมตร โดยครั้งนี้เค้ามาในคอนเซ็ปต์ “BLUniverse of yourself” ดีไซน์ที่โดดเด่นในธีมอวกาศดึงเอาองค์ประกอบต่าง ๆ มาใช้เป็น Inspire ในการออกแบบ

สำหรับเรื่องราคาของที่นี่ก็ทำมาได้โดดเด่นไม่แพ้รุ่นพี่เลยค่ะ ด้วยราคาเปิดตัวที่สูงกว่าไม่มาก แต่ได้ทั้งฟังก์ชันและพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม ส่วนทำเลนั้นก็ไม่ธรรมดา เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกเชื่อมต่อเข้าสาทรได้ง่ายทั้งการขับรถเองหรือใช้รถไฟฟ้า เพราะนอกจากนี้ก็ใกล้ Interchange บางหว้า เพียง 570 เมตร แล้วยังมี Shuttle Bus รับ-ส่ง และทั้งหมดที่พูดมานี่มาในราคาที่เริ่มไม่ถึง 2 ล้าน จะซื้ออยู่เองหรือลงทุนก็คุ้มค่าค่ะ

โครงการ Supalai BLU สาทร-ราชพฤกษ์ พัฒนาบนที่ดินประมาณ 4.5 ไร่ เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน  1 อาคาร รวมทั้งสิ้น 767 ยูนิตและมีร้านค้า 4 ยูนิต สัดส่วนที่จอดรถ 56% ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับคอนโดในแนวรถไฟฟ้าที่ราคาจับต้องง่าย

ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการขอ EIA โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี 2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปี 2571 งั้นเดี๋ยวเราพาไปดูรายละเอียดของโครงการนี้ในแต่ละส่วนกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์

Supalai BLU Sathorn Ratchaphruek

LOCATION : Supalai BLU สาทร-ราชพฤกษ์

สำหรับที่ตั้งของโครงการ ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์ นั้นตั้งอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ในช่วงต้นเลยค่ะ ถนนเส้นหลักที่เชื่อมกับถนนสายสำคัญได้หลายเส้นไม่ว่าจะเป็นถนนเพชรเกษม ถนนกัลปพฤกษ์และถนนรัชดาภิเษก การเดินทางเข้าเมืองจากโซนนี้คือเรียกว่าสะดวกสุด ๆ สามารถวิ่งตรงเข้าโซนสาทรได้ง่ายมาก ๆ

และตัวโครงการก็อยู่ใกล้ Interchange สถานีบางหว้า เพียง 570 เมตร เชื่อมต่อระหว่าง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งตัวโครงการเค้ามีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง 2 จุด ได้แก่ BTS บางหว้า และ BTS วุฒากาศ ไม่ต้องมาเดินเองให้เมื่อย

ซึ่งย่านนี้ก็เดินทางไปย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิกอย่าง เจริญกรุง และเจริญนคร ได้แบบสบาย ๆ เลยค่ะ มีทั้งห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่อย่าง ICONSIAM ซึ่งตรงแนวริมเจ้าพระยาเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น River City ที่สามารถมาเดินเสพงานอาร์ตฮีลใจกันได้เพลิน ๆ หรือจะตรงเจริญกรุงตอนนี้ก็ค่อนข้างคึกคักเลย เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ชื่อดังไว้อีกมากมาย

เมื่อเจาะลึกเข้ามาเราจะเห็นว่าตัวโครงการ Supalai BLU Sathorn-Ratchaphruek นั้นสามารถเข้าได้จากหลายเส้นทาง ไม่ว่ามาจากฝั่งกัลปพฤกษ์ และฝั่งราชพฤกษ์ นอกจากนี้ก็สามารถใช้ถนนเทอดไทลัดไปออกถนนเพชรเกษมได้ ซึ่งตัวถนนเทอดไปจุดนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนค่ะ มีร้านอาหารตามสั่งสามารถกดแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารมาทานได้

พามาแวะดูสิ่งอำนวยความสะดวกกันสักหน่อย เริ่มที่ Interchange สถานีบางหว้า เชื่อมระหว่าง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน ที่อยู่ห่างจากโครงการแค่ 570 เมตร นั่ง Shuttle Service มาจากโครงการได้เลยสะดวกมาก

ส่วนโรงพยาบาลที่ใกล้โครงการก็จะมี โรงพยาบาลพญาไท 3 และ โรงพยาบาลบางไผ่ ซึ่งทั้งสองโรงพยาบาลนี้คือใกล้โครงการมากค่ะ เวลาเจ็บป่วยนี่ไม่ต้องกังวลเลย สามารถขับรถมาได้แบบแป๊บเดียวถึง

ปิดท้ายด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ใกล้โครงการมากที่สุด อย่าง The Mall Liftstore ท่าพระ ที่สามารถขับรถมาจากโครงการในระยะแค่ 2 กม. หาซื้อของกินของใช้ได้ครบจบในที่เดียว

THE PROJECT

โครงการ ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์ พัฒนาภายใต้แนวคิด “BLUniverse of yourself ออกแบบจักรวาลที่ชอบ ให้โคจรรอบตัวคุณ” ฟังแค่คอนเซ็ปต์ก็ต้องเดาออกได้เลยว่าดีไซน์นั้นจะต้องให้ Mood & Tone ที่ดูมีความเป็นอวกาศ

สำหรับการออกแบบโครงการเน้นใช้โทนสีน้ำเงินเป็นหลักให้ความรู้สึกที่สื่อถึงจักรวาลที่มีความสงบและเป็นอิสระ มีการใช้ลูกเล่นด้วนเส้นสายลายโค้ง และประกายระยิบระยับที่สื่อถึงดวงดาว ซึ่ง Detail เล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะสอดแทรกอยู่ทั่วโครงการตั้งแต่การออกแบบตัวตึกไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางเลยค่ะ

มาดูรูปแบบตัวตึกกันก่อน อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าดีไซน์ครั้งนี้เค้าทำออกมาได้โดดเด่นมาก อาจจะเป็นเพราะการใช้โทนสีที่โดดเด่นอย่างสีน้ำเงิน ผสานกับการออกแบบ Facade ที่เน้นการลวดลายเส้นโค้งและมีกิมมิคด้วยประกายระยิบระยับจากดวงดาว สื่อถึงความเป็นอวกาศได้อย่างดีเลยค่ะ

ซึ่งภายในโครงการก็มีนวัตกรรม Modern Living ที่จะมาช่วยลูกบ้านอำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drop Delivery และ Food Drop เป็นต้น มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยติดตั้งกล้อง CCTV ไว้ทั่วโครงการ ควบคู่กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

พาแวะมาดูพื้นที่ Sales Gallery กันสักหน่อยค่ะ การออกแบบก็จะให้ไวป์เหมือนกับตัวตึกจริง เป็นอาคารสีน้ำเงินดูอวกาศ ๆ ต่างจากคาร์เร็คเตอร์ต่างจากทุกโครงการของศุภาลัยก่อนหน้านี้เลย และตอนกลางคืนจะมีเปิดไฟระยิบระยับเหมือนแสงดวงดาวคงธีมคอนเซ็ปต์ของโครงการ

เทียบกันชัด ๆ กับตีกรุ่นพี่อย่าง LOFT คือแทบจะเป็นโลเคชั่นเดียวกัน ซึ่งตัวตึกเค้าก็ออกแบบและคำนวณมาแล้ว ได้มุมมองที่ไม่บังกันแน่นอน

เราเก็บภาพบรรยากาศภายในสำนักงานขายมาฝากเพื่อน ๆ กันด้วยค่ะ ขนาดด้านในก็ยังเลือกใช้โทนสีขาว เทา น้ำเงิน คุ้มธีมโครงการได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้เค้ากั้นพื้นที่ก่อสร้างเรียบร้อยแล้วค่ะ อยู่ในช่วงระหว่างขอ EIA คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างในช่วงกลางปี 2568 และเสร็จในช่วงปี 2571

FACILITIES

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่นี่ก็ให้มาแบบจัดเต็มเลยค่ะ หลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้น 1, ชั้น 6 และชั้น 32 ที่เป็นพื้นที่สวนจัดไว้ให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่นพักผ่อน

สำหรับชั้น 1 จะประกอบไปด้วย Lobby, สนามเด็กเล่น, พื้นที่สวน และ Blu Storage พื้นที่เก็บของที่แยกออกมาจากห้องพัก สำหรับลูกบ้านที่ต้องการพื้นที่เก็บของเพิ่มก็สามารถมาซื้อกรรมสิทธิ์พื้นที่นี้ได้ และจากแปลนเราจะเห็นว่ามีการใช้เส้นลายโค้งมาเป็นจุดนำสายตาตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงจุด Drop-off เลยค่ะ คุมธีมอวกาศได้ดี

บริเวณจุด Drop-off พื้นที่ตรงด้านข้างเค้าจะทำเป็นพื้นที่สวนเอาไว้ให้ มีกิมมิคเป็นบ่อน้ำพุและมีการจัดสวน  ได้บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายแต่ไม่น่าเบื่อค่ะ

เข้ามาด้านในจะเป็น Starry Lobby พื้นที่โซนรับแขกที่แบ่งโซนการใช้งานไว้หลายฟังก์ชัน ทั้งพื้นที่พักผ่อน พื้นที่ทำงาน โซนประชุมขนาดเล็ก และด้านในสุดจะเป็นห้อง Mailbox

มาต่อกันที่ชั้น 6 จะเป็นส่วนของ Facilities หลัก แบ่งออกเป็นพื้นที่โซน Outdoor, Semi Outdoor และ Indoor จัดฟังก์ชันการใช้งานเอาไว้รองรับหลากหลายกิจกรรม

สำหรับพื้นที่ในส่วน Outdoor แบ่งการใช้งานเป็นแบบ Passive และ Active อย่างชัดเจนโดยฝั่งนึงจะเป็น Blu Aqua Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 50 เมตร ว่ายออกกำลังกายกันได้ยาว ๆ มีแยกสระเด็กเอาไว้ให้ด้านข้างน้อง ๆ เล่นน้ำกันได้อย่างปลอดภัย ส่วนอีกฝั่งจะเป็น Orbit Garden พื้นที่สวนให้ลูกบ้านจัดที่นั่งไว้หลายแบบให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อนได้

สำหรับพื้นที่ Semi-Outdoor อย่าง BLU Terrestrial ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำกิจกรรม มีหลากหลายมุมให้เลือกนั่ง ทั้งมุมชิงช้า มุมนั่งเล่น และ มุมนั่งทำงาน ซึ่งส่วนนี้ก็จะเทควิวสระว่ายน้ำได้แบบเต็ม ๆ  ด้านข้างมีมุมปีนหน้าผาจำลองไว้ให้ซ้อมมือด้วย

มาถึงโซน Indoor กันบ้าง ส่วนแรกเราพามาดู BLU Active Gym ห้องออกกำลังกายที่ให้อุปกรณ์มาครบ ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นเลยคือห้องนี้เลือกใช้กระจกรอบด้านเทควิวเมืองและสระว่ายน้ำได้ขณะออกกำลังกาย

มีห้องฟังก์ชันพิเศษอย่าง Hybrid club พื้นที่แสดงความเป็นตัวเอง ที่จัดออกมารองรับหลากหลายฟังก์ชันทั้ง ห้องไฟล์สด, Co-kitchen และพื้นที่ Co-Working Space สำหรับนั่งคุยงานหรืออ่านหนังสือก็ทำได้เต็มที่

นอกจากนี้ในชั้นนี้ก็จะมีพื้นที่สำหรับรองรับกิจกรรมอื่น ๆ อย่าง Galaxy Theater ห้องดูหนังอีกด้วยค่ะ

มาถึงชั้น 32 กันแล้ว ซึ่งชั้นนี้ก็จะประกอบด้วย พื้นที่โซนที่อยู่อาศัยยูนิตพิเศษทั้งหมด 7 ยูนิต และด้านข้างจะเป็นพื้นที่สวนซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมกับสวนชั้น Rooftop ด้านบน

จากมุมนี้เราก็จะเห็นภาพรวมของส่วนกลางในชั้นนี้ทั้งหมด โดยจะมีพื้นที่สวนอย่าง Sky Garden เหมาะกับการพักผ่อนที่มาพร้อมจุดนั่งชมวิว

ถัดเข้ามาจะเป็น Stella Lounge พื้นที่พักผ่อนที่เทควิวเมืองได้แบบพาโนราม่า

จุดสุดท้ายจะเป็นพื้นที่ Sky Jogging Track ยาว 100 เมตร ที่เดินเชื่อมต่อไปยังจุดชมวิวด้านบน Roof top เพิ่มความท้าทายในการเดินออกกำลังกาย

ROOM TYPE : Supalai Blu Sathorn-Ratchaphruek

โครงการ ศุภาลัย บลูสาทร-ราชพฤกษ์ จะมีห้องทั้งหมด 4 ไทป์ด้วยกัน ได้แก่ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และ 3 Bedroom เป็นการขายแบบ Fully Fitted ได้ทั้งห้องน้ำและชุดครัว นอกจากนี้โครงการนี้ก็มาพร้อมดีไซน์ใหม่ระเบียงแบบเฉียงเพื่อเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น และทำให้ตัวตึกภายนอกมี texture ที่น่าสนใจ

สำหรับห้องตัวอย่างจะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ 1 Bedroom Type 1A1 ขนาด 29 ตร.ม. และ ห้อง 1 Bedroom Plus Type PA1 ขนาด 44 ตร.ม. แต่เราต้องขอบอกก่อนว่าด้วยความที่ตึกสำนักงานขายนั้นเป็นตึกเก่าที่ได้นำมารีโนเวทใหม่ เลยทำให้ห้องตัวอย่างนั้นมีข้อจำกัดของความสูงฝ้าเพดานที่จะมีความแตกต่างจากห้องจริงเล็กน้อย

ห้องแบบ 1 Bedroom

Type 1A1 พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม.

พามาเริ่มกันที่ห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ Supalai BLU สาทร-ราชพฤกษ์ วางแปลนเป็นห้องตอนลึกเลือกวางฟังก์ชันห้องน้ำและห้องครัวไว้ด้านหน้า ถัดเข้ามาจะเป็นโซนนั่งเล่น มีบานกระจกสไลด์มาให้กั้นสัดส่วนกับห้องนอนที่เชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้

เข้ามาในห้องก็จะเจอกับส่วนครัวก่อนเลย ห้องนี้จะเป็นครัวแบบเปิดกว้าง 1.2 ม. ส่วนพื้นเค้าปูเป็นกระเบื้อง SPC Click Lock ลายไม้แบบนี้มาให้

สำหรับชุดครัวจะได้แบบนี้เลยค่ะ คือจะมีในส่วนของเคาน์เตอร์ สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ มีตู้เก็บของให้ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele ติดตั้งมาให้เลย

สำหรับตัวเคาน์เตอร์เค้าทำช่องไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ สามารถซื้อมาวางเพิ่มเองได้ ส่วนผนังครัวติดกระเบื้อง ขนาด 30×60 ซม. มาให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ

ห้องน้ำปูเป็นกระเบื้อง Porcelain 60×60 ซม. มาให้ มีสุขภัณฑ์ครบใช้เป็นของ Cotto ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแยกโซนแห้ง-เปียกมาให้เรียบร้อยเลย

ภายในโซนเปียกติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นและ Rain Shower ของ Hafele มาให้พร้อมใช้งาน

ถัดมาจะเป็นโซน Living ซึ่งส่วนนี้จะมีบานกระจกสไลด์กั้นแยกสัดส่วนการใช้งานกับส่วนของห้องนอน จุดนี้เราจะวางเป็นมุมนั่งเล่น ติดตั้งโซฟา ขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้หรือจะติดตั้ง Sofa Bed ก็ดูเข้าท่าค่ะ

และด้านในสุดจะเป็นห้องนอนขนาดกำลังพอดี เค้าจัดออกมาจัดฟังก์ชันออกมาได้ครบ จัดสรรค์พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งห้องนี้ก็จะเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้

เราจะวางเป็นเตียง Queen Size แบบนี้ก็ยังเหลือพื้นที่เดินรอบเตียงได้สะดวก

ฝั่งปลายเตียงก็จะจัดทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเต็มพื้นที่ไปเลยหรือจะแบ่งพื้นที่ทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้ก็ดูน่าใช้งาน

มุมข้างเตียงเป็น Favorite Corner เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งทำงานภายในห้องนอนแบบนี้ได้ ส่วนนี้เราสามารถดัดแปลงได้ตามชอบเลยค่ะ

พื้นที่ระเบียงออกแบบเป็นแนวเฉียงเพื่อให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ส่วนนี้เค้าจะติดตั้งคอมเพลสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยแบบเต็มพื้นที่

มุมนี้มีพื้นที่พอสมควรเลยสามารถนำต้นไม้มาปลูกเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็นมุมพักสายตาในห้องก็ดูเข้าท่า

ห้องแบบ 1 Bedroom Plus

Type PA1 พื้นที่ใช้สอย 44 ตร.ม.

สำหรับห้องไทป์ 1 Bedroom Plus จะมีแปลนแค่แบบนี้แบบเดียวเลยค่ะ ซึ่งห้องนี้จะได้ห้องครัวแบบปิดหมดกังวลเรื่องกลิ่นรบกวนขณะทำอาหาร ส่วนตัวมองว่าห้องนี้เป็นสเปซที่เพียงพอต่อการใช้งานได้แบบสบาย ๆ ไม่อึดอัด และยังได้ห้องอเนกประสงค์ที่จัดฟังก์ชันการใช้งานได้แบบหลากหลายอีกด้วยค่ะ

เข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่ Common Area ที่จัดวางได้ถึง 2 ฟังก์ชันการใช้งาน อย่างห้องตัวอย่างเค้าเลือกวางมุมรับประทานอาหารไว้ข้างหน้าและโซนนั่งเล่นไว้ด้านใน

โดยโซนรับประทานอาหารจะเป็นส่วนที่ติดกับประตูทางเข้าเลยค่ะ จัดวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง มุมด้านข้างสามารถทำเป็น Built-in แบบนี้จะเอาไว้วางของตกแต่งหรือ Art toy ก็ดูเข้าท่า

ซึ่งประตูทางเข้าเค้าก็ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ในทุกแบบห้องเลยค่ะ

ถัดมาเป็นโซนนั่งเล่นจุดนี้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้แบบเหลือ ๆ ตรงปลายโซฟา จัดเป็นที่วางทีวีแบบนี้ก็ไม่คับแคบค่ะอยู่ในระยะที่พอดีสายตา

ถัดมาจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของห้องไทป์นี้เลยค่ะ จะทำเป็นมุมนั่งทำงานอดิเรกแบบนี้ก็ดูเข้าท่าจัดทำเป็น Favorite Corner สะท้อนความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่

หรือใครเป็นสายคอนเทนต์จะจัดเป็นห้อง Studio ส่วนตัวก็ดูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เข้าท่าค่ะ

ซึ่งส่วนนี้เค้าติดตั้งบานกระจกสไลด์มาให้เลย แยกสัดส่วนการใช้งานกับพื้นที่บริเวณ Common Area

ห้องนี้เค้าแยกโซน Service และห้องนอนไว้ให้ด้านข้างแบบนี้

แน่นอนว่าห้องน้ำก็ให้สุขภัณฑ์มาครบค่ะ ติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Cotto  พร้อมติดตั้งฉากกั้นแยกโซนแห้ง-เปียก เครื่องทำน้ำอุ่น และ Rain Shower ของ Hafele มาให้เลย

ถัดมาจะเป็นส่วนของห้องครัว ซึ่งห้องไทป์นี้เค้าทำเป็นครัวแบบปิดมาให้ค่ะ เวลาทำอาหารก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน

แน่นอนว่าห้องนี้เค้าทำเคาน์เตอร์ครัวพร้อมติดตั้งซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele มาให้เลย

สำหรับห้องนอนก็จะเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้ ซึ่งห้องนี้ก็ขนาดไม่ได้เล็กเลยนะจัดฟังก์ชันการใช้งานได้ครบ

ห้องนี้สามารถวางเตียง Queen Size ได้ แบบมีพื้นที่เหลือเดินได้สบาย

พื้นที่ด้านข้างสามารถจัดวางเป็นมุมตู้เสื้อผ้าและวางโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้ก็ดูเข้าท่า

และแน่นอนว่าระเบียงห้องนี้ก็เป็นแบบเฉียงค่ะ แถมมีพื้นที่กว้างพอสมควรเลย โดยตัวคอมเพรสเซอร์แอร์เค้าจะแขวนไว้ด้านบนเพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่  ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ด้านล่างได้อย่างคุ้มค่าจะวางราวตากผ้าหรือจะทำเป็นมุมปลูกต้นไม้เพิ่มมุมสีเขียวก็ทำได้ตามชอบเลยค่ะ

Room Plan : 1 Bedroom

สำหรับห้อง 1 Bedroom จะมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราพาไปดูก่อนหน้าคือห้องขนาดเริ่มต้นคือขนาด 29 ตร.ม.  นอกจากนี้ก็จะมีขนาด 35 ตร.ม. ให้เลือกอีก 3 แบบ วางฟังก์ชันมาครบและมีครัวแบบปิดแยกสัดส่วน มีให้เลือกทั้งแบบห้องแนวยาวและห้องหน้ากว้าง ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบการวางเลย์เอ้าท์แบบไหน

Room Plan : 2 Bedroom

ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะมีทั้งหมด 5 แบบ แตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่ม 50 – 75.5 ตร.ม. สำหรับห้องขนาด 50 และ 51.5 จะมีแค่ 1 ห้องน้ำค่ะจัดวางฟังก์ชันไว้คล้าย ๆ กัน ส่วนห้องขนาด 62.5 ขึ้นไป จะมี 2 ห้องน้ำ มาพร้อมห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ และมีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet แตกต่างกันทั้งขนาดพื้นที่ใช้สอยและการวางเลย์เอ้าท์

Room Plan : 3 Bedroom

แบบสุดท้ายเป็นห้อง 3 Bedroom ที่ถือว่าเป็นแรร์ไอเทมของโครงการเลยค่ะ จะมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 89.5-122.5 ตร.ม. แน่นอนว่าภายในห้องคือจัดฟังก์ชันมาให้ครบ มีทั้งแบบ 2 ห้องน้ำ และ 3 ห้องน้ำ วางเลย์เอ้าท์ไว้ต่างกันสามารถเลือกตามแบบที่ชอบได้เลย

ราคา ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์

สำหรับราคาเริ่มต้นของ Supalai BLU Sathorn-Ratchaphruek จะเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท* ราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการจะอยู่ประมาณ 74,500 บาท/ตารางเมตร

โดยครั้งนี้แบบห้องที่เราพาไปดูคือ

• ห้อง 1 Bedroom Type 1A1 ขนาด 29 ตร.ม. เริ่ม 1.89 ล้านบาท*
• ห้อง 1 Bedroom Plus Type PA1 ขนาด 44 ตร.ม. เริ่ม 3.35 ล้านบาท*

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

• ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน
• ค่ากองทุนส่วนกลาง 400 บาท/ตร.ม.

*หมายเหตุ : ข้อมูลรีวิวเป็นข้อมูลที่ทางทีมงานรวบรวมมา ณ วันเขียนบทคววามเท่านั้น โปรดสอบถามรายละเอียดโดยตรงจากโครงการอีกครั้ง

SUMMARY

ภาพรวมโครงการ

• โครงการ Supalai BLU Sathorn-Ratchphruek เป็นคอนโด High Rise ราคาคุ้มค่า บนทำเลใกล้รถไฟฟ้า เดินทางเข้าสู่สาทรได้สะดวก
• segment เดียวกับ Supalai Loft ข้าง ๆ แต่จะอัปเกรดสเปควัสดุขึ้น ราคาต่างกันไม่มากแต่ได้ส่วนกลางคุ้ม
• มาในคอนเซ็ปต์ “BLUniverse of Yourself” โดดเด่นด้วยการออกแบบในธีมอวกาศ
• แบบห้องมีให้เลือก 4 ไทป์ ได้แก่ 1 Bedroom – 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 29-122.5 ตร.ม.
• ขายห้องแบบ Fitted  ได้ห้องน้ำสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นของ Cotto มีฉากกั้นอาบน้ำให้ ได้ชุดครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele มีเครื่องปรับอากาศ Digital Door Lock และวอลเปเปอร์
• ไฮไลท์ระเบียงดีไซน์ใหม่แบบเฉียงได้มุมมองที่กว้างกว่า
• ส่วนกลางจัดเต็มแบ่งเป็น 3 ชั้น ที่จัดฟังก์ชันมาให้ครบรองรับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมพื้นที่สวนให้ลูกบ้านรู้สึกผ่อนคลาย

ทำเลโครงการ

• โครงการ ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ติดถนนราชพฤกษ์ ห่างจากรุ่นพี่อย่าง LOFT เพียง 100 เมตร
• เชื่อมต่อถนนได้หลายสายทั้งกัลปพฤกษ์-รัชดาภิเษก และยังใช้ถนนเทอดไทลัดไปออกถนนเพชรเกษมได้อีกด้วย
• เข้าสาทรได้เพียง 10 นาที
• ใกล้ Interchange สถานีบางหว้า เพียง 570 เมตร เชื่อม BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน
• มี Shuttle Bus รับ-ส่ง 2 จุด ทั้ง BTS สถานีบางหว้า และ BTS สถานีวุฒากาศ
• ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ โรงพยาบาล และสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ในระยะที่ขับรถไปได้ไม่ไกล

เหมาะกับใคร

• กลุ่มคนที่ทำงานในเมืองต้องการคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ในราคาคุ้มค่า
• กลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว คู่รัก
• กลุ่มนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า
• กลุ่มคนมีรายได้ต่อเดือน 40,000 ขึ้นไป
• กลุ่มคนที่มีงบประมาณล้านปลาย ๆ ขึ้นไปในการซื้อคอนโด