ถ้าให้นิยามแบรนด์ “เศรษฐสิริ” เรามองว่าที่นี่เค้าทำให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย หลังจากที่ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศจริงในโครงการ มันทำให้เราเข้าใจได้ทันทีเลยว่า ทำไมแบรนด์นี้ถึงได้รับผลตอบรับที่ดีมาโดยตลอด  ครั้งนี้เราอยู่กันที่ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน (Setthasiri Ngamwongwan) ชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยสุดเอ็กคลูซีฟ บนทำเล Prime Location ใจกลางงามวงศ์วาน คำนิยามของ “บ้าน” ที่สะท้อนความสำเร็จของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างงดงาม

ซึ่งการกลับมาของ Setthasiri งามวงศ์วาน ครั้งนี้ เค้าได้หยิบยกเอาเอกลักษณ์สไตล์ Georgian Architecture มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เน้นรูปแบบอาคารที่ดูโอ่โถง ผสานเข้ากับเส้นสายที่ดูสมมาตร ตลอดจนการวาง Landscape ที่ทำให้ภาพรวมของโครงการนั้นออกมาดูยิ่งใหญ่ อลังการ สมฐานะ สะท้อนภาพแนวคิด “Portrait Of Success” ออกมาในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น สะท้อนรสนิยมของผู้อาศัยได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลโครงการ

เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน

Setthasiri Ngamwongwan

LOCATION : ทำเลโครงการ

Setthasiri Ngamwongwan

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องทำเล ที่จะเรียกว่าเป็น Prime Location ในโซนนี้ก็ว่าได้ เพราะการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างหลากหลายทั้ง ถนนประชาชื่น, รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ และวิภาวดี-รังสิต ซึ่งตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดซอยงามวงศ์วาน 21  ถนนที่วิ่งเลียบแนวทางด่วนศรีรัช เชื่อมระหว่างถนนงามวงศ์วานและถนนสามัคคี

สำหรับเรื่องการเดินทางเข้าเมือง โซนนี้ก็เรียกว่าสะดวกสบายค่ะ โดยเราสามารถวิ่งจากหน้าโครงการไปชนเส้นงามวงศ์วาน บริเวณนั้นจะเป็นจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช  ซึ่งเป็นระยะที่ขับมาจากโครงการได้ใกล้มาก ๆ

หรือสำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้า จุดที่ตั้งโครงการก็ใกล้กับ Interchange สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เลือกขึ้นได้ทั้ง รถไฟฟ้าสายชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีม่วง หรือถ้าเราวิ่งไปเส้นงามวงศ์วานเราก็สามารถไปขึ้น รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางเขน ได้ในระยะทางพอ ๆ กัน  ซึ่งรัศมีรอบโครงการก็รายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ราชการนนทบุรี อีกด้วยค่ะ

เมื่อเจาะลึกเข้ามา เราจะเห็นว่าตัวโครงการสามารถเข้าได้จากหลายซอยทั้งจาก ซอยงามวงศ์วาน 21 หรือจะเข้าจาก ซอยงามวงศ์วาน 23 และ 25 ก็ได้เหมือนกันค่ะ เราจะเห็นว่ารอบโครงการเนี่ยก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแบบที่สามารถขับรถไปได้ในระยะที่ไม่ไกลเลย อย่างตรงเส้นงามวงศ์วานก็มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อย่าง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน ที่อยู่ห่างจากโครงการแค่ 3 กม.

ส่วนตรงช่วงถนนสามัคคีจะเป็นแหล่งชุมชนที่มีความคึกคักสูง โดยโครงการแนวราบส่วนใหญ่ในย่านนี้จะอยู่ในช่วงระดับราคาที่สูง ทำให้โซนนี้มีโรงเรียนนานาชาติกระจายตัวอยู่หลายแห่ง ตอบรับดีมานด์ของครอบครัวที่อยู่อาศัยในย่าน ไม่ว่าจะเป็น MYIS (Magic Years), ISB, St.Andraws, The Country School, Hampton และ Harrow  บ้านไหนที่ลูกเรียนในโซน ๆ นี้ ไม่ต้องตื่นเช้ามาก ก็ไปเรียนได้ทันค่ะ

พามาดูศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โครงการมาก ๆ อย่าง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน จะซื้อของกินหรือของใช้ มาที่นี่คือครบจบในที่เดียว ขับรถมาจากโครงการได้ประมาณ 10 นาที

สำหรับใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้า ก็เลือกได้เลยว่าจะขึ้นสายไหน โดยถ้าเราวิ่งเข้าถนนสามัคคีไปชนจุดตัดกับถนนติวานนท์ ตรงนั้นจะมี Interchange สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เลือกขึ้นได้ทั้ง รถไฟฟ้าสายชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีม่วง 

นอกจากนี้ก็มีอีกหนึ่งทางเลือก ถ้าเราวิ่งจากหน้าโครงการตรงเข้าเส้นงามวงศ์วาน ตรงนั้นจะใกล้ SRT สถานีบางเขน ในระยะที่สามารถขับรถมาได้ในระยะทางประมาณ 7 กม.

THE PROJECT

สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยสุดเอ็กคลูซีฟ ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 48 ครอบครัว ซึ่งครั้งนี้ก็ยังคงดำเนินตามคอนเซ็ปต์หลักของแบรนด์ “Portrait Of Success” ผ่านการหยิบยกเอาเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรม Georgian  ผสานกับการวาง Landscape ที่ออกแบบมารับกันได้อย่างลงตัว สะท้อนความภาคสำเร็จของผู้ที่ได้ครอบครองอย่างแท้จริง

พามาเริ่มกันที่ Main Gate ของโครงการ บริเวณปากทางเข้าจะมีป้ายโครงการต้อนรับก่อนเข้าสู่ Main Gate เราจะเห็นว่าจุดนี้จะมีระยะร่นจากแนวถนนพอสมควร เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านและช่วยกันเรื่องเสียงรบกวนจากแนวถนน  เรียกว่าแทบไม่ได้ยินเสียงจากรถและทางด่วนที่ผ่านด้านหน้าโครงการเลย

Main Gate ของที่นี่เค้าทำออกมาได้อย่างอลังการเลยค่ะ การออกแบบดึงเอาเอกลักษณ์สไตล์ Georgian คงคอนเซ็ปต์โครงการได้เป็นอย่างดี มีการใช้เสากลมมาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบ ให้ความรู้สึกที่เหมือนเป็น Grand Entrance ขนาดใหญ่ต้อนรับการกลับมาของลูกบ้านในโครงการ

ระหว่างทางที่ขับเข้ามาเราก็จะมีการประดับด้วยต้นไม้และไม้พุ่มสีเขียว ได้บรรยากาศที่ดูผ่อนคลายเหมาะแก่การพักผ่อน

และแน่นอนว่าความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โครงการนี้ให้ความสำคัญ ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยของ LIV-24 ตามมาตรฐานของแสนสิริ โดยโครงการเลือกใช้ประตูรั้วอัตโนมัติ Main Gate แยกการใช้งานส่วนของ Residence และ Visitor

ฝั่งลูกบ้านเข้าออกรวดเร็วด้วยระบบ LPR (License Plate Recognition) ระบบอ่านป้ายทะเบียนเข้า-ออกโครงการได้แบบอัตโนมัติ

ในส่วนของผู้มาติดต่อ จะมีระบบบันทึกข้อมูลของผู้มาติดต่อผ่านระบบ VMS (Visitor Management System) บันทึกข้อมูลของผู้มาติดต่อได้รวดเร็วและแม่นยำโดยไม่ต้องแลกบัตร

ซึ่งภายในโครงการก็จะมี CCTV-Video Analytics ระบบวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเหตุการณ์ต่างๆ

นอกจากนี้ก็ยังมี Real-Time Guard Tour ให้เราสามารถตรวจสอบสถานะการเดินตรวจของ รปภ. ได้แบบ Real-Time เพิ่มความมั่นใจให้ลูกบ้านไร้กังวลตลอด 24 ชั่วโมง

FACILITIES : พื้นที่ส่วนกลาง

ขับผ่าน Main Gate มาก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่มองเข้ามาก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจในการวาง Landscape ของพื้นที่สวน ที่รับกับดีไซน์ของตัวคลับเฮาส์ได้เป็นอย่างดี จะมองมุมไหนก็จะดู Symmetric และมีความสมมาตร

ส่วนตัวเรามองว่าส่วนกลางของที่นี่เค้าทำออกมาดูยิ่งใหญ่สมฐานะ เมื่อเทียบกับสเกลลูกบ้านด้วยแล้วคือสามารถใช้งานกันได้แบบเต็มอิ่มเลยค่ะ

สำหรับการออกแบบพื้นที่สวนทั้งสองด้านก็จะเน้นการวางรูปแบบที่ดูมีความสมมาตร ตลอดทั้งสองฝั่งมีการใช้ต้นไม้ ไม้พุ่ม และไม้ดอกหลากสีในการตกแต่ง ทำให้พื้นที่สวนดูมีชีวิตชีวาและร่มรื่น

ด้านข้างวางเป็นซุ้มที่นั่งแบบ Outdoor เอาไว้ให้ทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวา เปิดรับมุมมองสีเขียวจากพื้นที่สวนได้แบบเต็มที่

มีพื้นที่ Playground ให้เด็ก ๆ ได้มาเล่นสนุกกันพร้อมกับเสริมสร้างพัฒนาการไปในตัว มีการเลือกใช้คู่โทนสีที่ตัดกัน ให้ความรู้สึกที่ตื่นตัวและดูสนุกสนาน

ส่วนนี้มีทั้งแทรมโพลีน สไลเดอร์ ซึ่งตัวพื้นเค้าปูเป็นหญ้าเทียม สีสันสดใส ให้น้อง ๆ เล่นซนกันได้อย่างเต็มที่

ฝั่งตรงข้ามจะแยกเป็นส่วน Pet Park สำหรับน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงแสนรัก จุดนี้ก็จะมี Station สำหรับการล้างทำความสะอาด และที่จัดเก็บขยะมาให้เรียบร้อย

ปิดจบพื้นที่กลางแจ้งด้วยสวน Sansiri Backyard แปลงพืชผักสวนครัวประจำโครงการ

มาเจาะดีเทลงานดีไซน์ของตัวคลับเฮาส์กันบ้างค่ะ การออกแบบตัวอาคารหน้ากว้างโอโถ่งรับกับบานหน้าต่างสี่เหลี่ยมที่ดูสมมาตร มีการเพิ่มลูกเล่นบนหลังคาด้วย Dormer หน้าต่างบนหลังคา  และมี Shutter ตรงบ้านหน้าต่าง ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของงานดีไซน์ในแบบของ Georgian Architecture

ด้านข้างคลับเฮาส์ จะมีที่จอดรถและ Ramp ทางลาดสำหรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ เชื่อมต่อเข้าไปในคลับเฮาส์ได้สะดวก

เดี๋ยวเราพาเข้าไปดูในตัวคลับเฮาส์กันค่ะ

เข้ามาชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ Living Area มีหลายมุมเลือกนั่งกันได้ตามชอบ จะมานั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือ หรือจะพาเพื่อนมานั่งคุยเล่นกันเพลิน ๆ ก็ทำได้เต็มที่

เข้ามาด้านในก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นพร้อมโถงแบบ Double Volume ส่วนนี้เราจะได้เห็นประโยชน์ที่แท้จริงของตัวหน้าต่างที่เราเห็นด้านนอกคลับเฮาส์ที่ส่งเสริมให้สเปซตรงนี้รับแสงธรรมชาติได้ดี ดูโปร่งโล่งและน่าใช้งาน

ขึ้นมาชั้น 2 ก็จะเป็นส่วนของ Fitness และ Meeting Room

ขึ้นมาบริเวณชานพัก เค้าจัดเป็นอีกหนึ่งมุมนั่งเล่น ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อยก็สามารถมานั่งมุมนี้ได้

ติดกับมุมนั่งเล่นก็จะเป็นห้อง Fitness

ห้อง Fitness มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน รองรับการออกกำลังกายทุกรูปแบบมีทั้งเครื่องปั่นจักรยาน ลู่วิ่ง และ Weight Training

มาถึงห้องสุดท้ายอย่าง Meeting room ซึ่งห้องนี้ก็จะเป็นบรรยากาศที่ Private ขึ้นมาเหมาะกับการนั่งประชุม หรือคุยงาน

ต่อเนื่องลงไปยังโซนพื้นที่กลางแจ้ง สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 20 x 8 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจัง

จากมุมมองนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่าโครงการแห่งนี้ให้ความสำคัญในเรื่องการวาง Landscape ขนาดไหน จะมีกี่โครงการที่เทควิวสวนเต็มตา ระหว่างที่เราแช่น้ำเพลิน ๆ ส่วนตัวเราว่ามุมนี้สะท้อนนิยามคำว่า Portrait of Success ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

ด้านข้างเค้าก็เตรียมที่นั่งไว้ให้มีทั้งแบบ Outdoor และ มุมที่นั่งและมุม Sunbed กระจายอยู่รอบสระเลือกนั่งตามมุมที่ชอบได้เลย

ด้านข้างมีแบ่งแยกสระเด็กไว้อย่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย พร้อมดีไซน์ด้วยน้ำพุแบ่งคั่นกลาง

และด้านข้างที่อยู่ติดกันจะเป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ

มี Accessible Bathroom แยกรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้วีลแชร์

HOME TYPE : แบบบ้าน เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน

แบบบ้านของโครงการ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน ได้นำจุดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบ Georgian Architecture มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เน้นให้สเปซภายในดูโอโถ่งและรับแสงธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง เป็นเอกลักษณ์ด้วยทางเข้าบ้านแบบ Grand Entrance ประดับด้วยเสาและหน้าต่างแบบซุ้มโค้งรับกับพื้นที่โถงภายในบ้าน ผสานฟังก์ชันการใช้งานที่โดดเด่น รองรับตั้งแต่ครอบครัวขนาดกลางไปจนถึงครอบครัวขนาดใหญ่

แบบบ้าน LAWRENCE

4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 247 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.ว.

มาเริ่มกันที่บ้านขนาดเริ่มต้นกันก่อน แต่บอกเลยว่าพื้นที่ของบ้านหลังนี้ก็ใหญ่มาก ๆ จัดสรรฟังก์ชันเป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัว และที่สำคัญรองรับที่จอดได้ถึง 3 คันเลย เพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน

แปลนชั้น 1 สามารถเข้าได้จากทั้งจากประตูทางเข้าหลักและจากฝั่งโรงรถ จัดฟังก์ชันมาได้อย่างน่าสนใจแบ่งโซนการใช้งานหลักและโซน Service ออกจากกันอย่างชัดเจน

เมื่อเข้าจากฝั่งประตูหลักจะเจอกับพื้นที่ Common Area แบบ Open Plan วางตำแหน่งของบันไดไว้คั่นตรงกลางบ้าน อีกฝั่งวางห้องนอนชั้นล่างไว้ฝั่งหน้าบ้านติดกับห้องน้ำเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และด้านหลังจะเป็นโซน Service วางห้องครัวไว้ติดกับส่วนของแม่บ้านห้องแม่บ้าน โดยชั้นนี้จะได้ Floor to Ceiling 2.7 เมตร

ในส่วนของชั้น 2 จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน โดยฝั่งนึงจะเป็นห้อง Master Bedroom ที่เชื่อมกับพื้นที่ระเบียงได้ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอน 2 และ 3 ซึ่งทุกห้องมาพร้อมพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet และมีห้องน้ำมาให้ในตัวทุกห้อง โดย Floor to Ceiling ของชั้นบนจะได้ถึง 2.9 เมตร

การออกแบบสไตล์ Georgian เป็นเอกลักษณ์ด้วยทางเข้าแบบ Grand Entrance มีกรอบหน้าต่างลายตาราง พร้อมบาน Shutter ที่สมมาตร ตัวบ้านใช้จะโทนสีขาวเป็นหลัก ทำให้ภาพรวมออกมาดูคลาสสิกสวยงามเฉพาะตัว

โรงจอดรถรองรับได้ทั้งหมด 3 คัน  จึงตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่เหมาะกับที่ตั้งโครงการที่อยู่ใกล้ทางด่วน เดินทางเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้สะดวกสบาย  ในส่วนของโรงจอดรถจะมีหลังคาคลุมมาให้เลยลูกบ้านไม่ต้องต่อเติมเอง  ช่วยรักษาภาพรวมของโครงการให้เรียบร้อยสวยงามในระยะยาว  โดยส่วนนี้ก็จะมีประตูทางเข้ารองและตู้เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เอาไว้ให้

จุดนี้เค้าเดินไฟ 3 เฟส ไว้ให้ รองรับสำหรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถไฟฟ้า

บ้านตัวอย่างหลังนี้มีพื้นที่พอสมควรเลยค่ะ จัดเป็นสวนหน้าบ้านได้ตามความชอบ

ฝั่งประตูทางเข้าหลักดูโอโถ่ง จุดนี้เค้าทำคงทำเป็น Grand Entrance ในลักษณะที่มีเสาคู่ทำให้ประตูหลักนั้นดูมีความแกรนด์

ประตูหน้าบ้านเป็นประตูบานเปิดกระจก กรอบอะลูมิเนียมพาวเดอร์โค้ท ดูเรียบเนียบดูแพงรับกับตัวบ้านสีขาวเป็นอย่างดี

เข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่ Living Area แบบ Open Plan ยาวเชื่อมต่อไปจนสุดด้านหลังบ้าน เราจะเห็นว่าเค้าวางหน้าต่างไว้เต็มฝั่งด้านข้างเลย ทำให้พื้นที่ในโซนนี้รับแสงธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง โดยพื้นของชั้นนี้ปูเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ 60 x 120 ซม. สี White Travertine ที่นอกจากจะทำให้ห้องดูสว่างแล้วยังดูแพงอีกด้วย

โซน Living มีสเปซอยู่เยอะพอสมควรเลยค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างยืดหยุ่น จะวางเป็นโซฟาแยกแบบนี้หรือจะวางเป็นโซฟารูปตัว L เข้ามุมก็จัดสรรได้ตามชอบ

มุมตรงนี้ก็รับแสงได้ดีทั้งจากฝั่งหน้าบ้านและจากด้านข้าง ส่วนตัวเราชอบ Mood & Tone ของตัวบ้านที่รับกับพื้นที่สีเขียวด้านข้างบ้านได้อย่างดีเลยค่ะ

ถัดมาเป็นโซน Dining จัดวางโต๊ะทานข้าวขนาด 6 ที่นั่งได้แบบที่ยังเดินได้สบาย ๆ โดยที่ด้านหลังก็ยังเหลือพื้นที่ทำเป็น Built-in จัดเป็นมุมชงกาแฟ หรือมุมมินิบาร์แบบนี้ก็ดูเข้าท่า

เดี๋ยวเราไปต่อกันที่อีกฝั่งของบ้าน

ส่วนประตูทางเข้ารองตรงนี้เค้าทำเป็นมุมใส่รองเท้า ด้านข้างทำเป็น Built-in ตู้ แบ่งฝั่งนึงเป็นตู้เก็บรองเท้า และอีกฝั่งก็ทำเป็นตู้ไฟและแผงควบคุม Solar cell มาให้ดูเรียบร้อยดีค่ะ

ในแบบบ้านทุกหลังจะมีการติดตั้ง Pad ควบคุมระบบสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic และ Motion sensor ของ inim มาให้ 2 จุด จุดแรกคือชั้น 1 บริเวณทางเข้ารองแบบนี้ และอีกจุดจะอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านค่ะ

ส่วนพื้นที่ใต้บันไดเค้าก็ไม่ได้ปล่อยให้เสียเปล่าทำเป็นห้องเก็บของไว้มีพื้นที่เยอะพอสมควรค่ะ เอาไว้เก็บกระเป๋าเดินทางหรือของอื่น ๆ ได้

ถัดมาจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง โครงการทำเป็นห้องทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดีย จะทำเป็นห้องนอนก็เหมาะค่ะ หรือจะจัดเป็นฟังก์ชันอื่นก็ทำได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบ้านเลย

เค้าวางตำแหน่งห้องน้ำไว้ติดกับห้องนอนเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน แถมให้สุขภัณฑ์ครบมาครบ ได้อ่างล้างหน้าฝังเคาน์เตอร์ โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ มาพร้อมสเต็ปแยกโซนแห้ง-เปียกสามารถนำฉากกั้นมาติดตั้งภายหลังได้

มาถึงส่วนครัวกันแล้วค่ะ บอกเลยว่าที่นี่พิเศษมากเพราะเค้าทำ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้แบบเต็ม 2 ฝั่ง มาพร้อมตู้เก็บของด้านบนและติดหน้าบานสีน้ำเงินมาให้ดูสวยงาม ซิงค์ล้างจาน เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า 2 หัว และเตาแก๊ส 2 หัว จากแบรนด์ Teka มาให้แบบนี้เลย

ส่วนของแม่บ้านจะแยกออกมาอยู่ด้านข้างตัวบ้านค่ะ วางตำแหน่งไว้ติดกับห้องครัวค่ะสามารถเดินถึงกันได้สะดวก

เดี๋ยวเราพาไปชมชั้น 2 กันต่อ

ขึ้นมาถึงชั้น 2 ชั้นนี้จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องน้ำในตัวมาให้ทุกห้องแยกความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน ซึ่งพื้นของชั้นนี้จะปูเป็นลามิเนต 12 มม. ให้ Texture ที่ซอฟและดูอบอุ่นเหมาะกับการพักผ่อน

เราขอพามาเริ่มกันที่ห้อง Master Bedroom ห้องนี้ขนาดกว้างมากพื้นที่ลากยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปถึงหลังบ้าน  มีพื้นที่มากพอที่จะจัดวางอีกหนึ่งฟังก์ชันภายในห้อง ซึ่งห้องนี้ก็จะเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้ด้วย

ห้องนี้รับแสงธรรมชาติได้ดีทั้งจากฝั่งระเบียงหน้าบ้าน และด้านข้างตัวบ้านมีการวางช่องแสงไว้ในจุดต่าง ๆ เพื่อให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งและน่าอยู่

พื้นที่โซนส่วนพักผ่อนวางเตียง 6 ฟุตได้ โดยที่ด้านข้างก็ยังมีสเปซเหลือที่จะจัดวางเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันจะทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบบ้านตัวอย่างหรือจะทำเป็นมุมนั่งทำงานภายในห้องก็จัดสรรได้ตามชอบ

พื้นที่ระเบียงตรงนี้เราสามารถเอาต้นไม้มาวางเพิ่มพื้นที่สีเขียวในห้องนอนได้

ฝั่งหลังบ้านเป็นพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet โดยที่ฝั่งนึงเราสามารถทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบสุดเพดาน ขณะที่ฝั่งตรงข้ามก็ยังเหลือพื้นที่จัดวางโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้ได้

ห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบ โครงการให้อ่างล้างหน้าแบบฝังเคาน์เตอร์และโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ

ถัดมาจะเป็นห้องนอน 2 ที่อยู่ฝั่งหลังบ้านต้องบอกว่าถึงจะเป็นห้องนอน 2 แต่ก็ขนาดไม่ได้เล็กเลยค่ะ ถ้าจะทำเป็นห้องเด็กแบบนี้ก็มีพื้นที่เหลือพอที่จะรองรับการเติบโตของน้อง ๆ ได้

แต่ถึงห้องนี้จะอยู่ฝั่งหลังบ้านเค้าก็ยังรับแสงได้ดีค่ะ ยังคงวางหน้าต่างไว้ทั้งด้านข้างและด้านหลังตัวบ้าน ทำให้ห้องดูโปร่งและน่าอยู่

ซึ่งห้องนี้วางแปลนคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ทำให้เราสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้แบบที่ด้านข้างก็มีสเปซเหลือจัดวางได้อีกหนึ่งฟังก์ชัน จะวางเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมนั่งทำงานก็จัดสรรได้ตามชอบเลย

ผนังด้านข้างเราก็สามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ได้

ห้องน้ำให้อุปกรณ์มาครบ มีสเต็ปแยกโซนแห้ง-เปียกสามารถนำฉากกั้นอาบน้ำมาติดตั้งภายหลังได้

มาถึงห้องสุดท้ายกันแล้ว ห้องนี้จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านค่ะ ขนาดก็ไม่ต่างกับห้องเมื่อกี้มากแต่จะวางแแปลนเป็นแบบห้องหน้ากว้างแทน

ซึ่งแน่นอนว่าห้องนี้ก็รับแสงได้ดี ห้องนี้วางเตียงใหญ่ได้  มีพื้นที่มุมปลายเตียงและด้านข้างเหลือก็สามารถวางเป็นตู้เก็บของและโต๊ะเครื่องแป้งเข้ามุมแบบนี้้ก็ยังเดินได้สะดวกค่ะ

มีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet แบบเป็นสัดส่วน เก็บเสื้อผ้าได้พอสมควรเลย

ส่วนด้านข้างก็จะเป็นห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบเหมือนกับห้องที่แล้ว

แบบบ้าน AUSTEN

4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 310 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 75 ตร.ว.

ขยับไซส์ขึ้นมา พามาดูบ้านขนาดกลางของโครงการ บอกเลยว่าหลังนี้จัดฟังก์ชันออกมาได้อย่างน่าสนใจบวกกับสเปซภายในที่ดูโปร่งโล่ง ใครที่ต้องการบ้านหลังใหญ่พื้นที่ใช้สอยเยอะเราว่าหลังนี้ทำออกมาได้อย่างตอบโจทย์เลยค่ะ

แบบบ้านหลังนี้ก็เข้าได้จากทั้งทางประตูหลักและฝั่งโรงจอดรถ เข้ามาจากประตูหลักจะเจอโถง Foyer แบบ Double Volume สูง 6.5 ม.  พื้นที่ Common area จะแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนนั่งเล่นด้านหน้าซึ่งเราสามารถกั้นประตูแยกออกมาเป็นห้องส่วนตัวเลยก็ได้  และอีกจุดคือพื้นที่โล่งด้านในสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร

ห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุจะมีห้องน้ำในตัวเลย  ใช้งานได้สะดวกสบายโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน  ส่วนตรงโถงกลางก็จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ให้อีกห้องหนึ่งด้วย

ในส่วนของพื้นที่ครัวจะเชื่อมต่อกับโซนซักล้างและส่วนของแม่บ้านได้  แยกโซนเป็นสัดส่วนไม่รบกวนการอยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน  สำหรับความสูงถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 2.9 ม. เลย

ชั้น 2 ขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่ Family Area ก่อน ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน ทุกห้องมาพร้อมพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และมีห้องน้ำในตัว โดยฝั่งนึงเป็นห้อง Master Bedroom ในห้องน้ำมาพร้อม Bathtub และอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ส่วนอีกฝั่งของบ้านจะเป็นส่วนห้องนอน 2 และ 3  เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ทุกห้อง  รองรับการอยู่อาศัยของลูก ๆ ได้ตั้งแต่เด็กจนโตเลย  สำหรับความสูงถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 3.1 ม.

มาเริ่มกันที่หน้าบ้าน การออกแบบหลังนี้ก็จะยังคงเอกลักษณ์สไตล์ Georgian

ซึ่งความพิเศษของหลังนี้คือทางเข้าแบบ Grand Entrance มีการใช้ Arches Window กระจกหน้าต่างทรงโค้งบานสูงเชื่อมต่อรับกับพื้นที่โถง Double Volume ด้านในบ้าน ทำให้ดูแกรนด์มากขึ้นแม้จะมองจากหน้าบ้าน

โรงจอดรถรองรับได้ทั้งหมด 3 คัน มาพร้อมตู้เก็บของด้านนข้างสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวน พร้อมติดตั้ง EV Charger มาให้รองรับลูกบ้านที่ใช้รถไฟฟ้า

ต้อนรับการกลับบ้านด้วยโถงแบบ Double Volume ที่สูงถึง 6.5 ม. จุดนี้เป็นคีย์หลักที่ทำให้บรรยากาศในบ้านนั้นยิ่งดูโอ่โถ่ง ประกอบกับการติด Chandelier ทำให้จุดนี้ดูแกรนด์เข้าไปอีกค่ะ

เค้าวางโซน Living Area ไว้ฝั่งหน้าบ้านมีการวางช่องแสงไว้ล้อมรอบทำให้จุดนี้รับแสงได้ดี

บริเวณนี้มีสเปซพอสมควร สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างยืดหยุ่น

ติดกันจะเป็นห้องนอนชั้นล่าง ทำเป็นพื้นแบบ Non-Step เหมาะกับการทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ หรือบ้านไหนไม่มีผู้สูงอายุจะทำเป็นห้องทำงานหรือห้อง Studio ก็สามารถดัดแปลงได้ตามชอบเลยค่ะ

ถึงจะอยู่ฝั่งหลังบ้านแต่ห้องนี้ก็ยังรับแสงได้ดีค่ะ มีสเปซพอสมควรวางเตียง 5 ฟุต จัดฟังก์ชันได้ครบ และยังเหลือพื้นที่สำหรับจัดเป็นฟังก์ชันอื่น ๆ ภายในห้องนอนได้

ผนังด้านข้างถ้าเราทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ก็ได้

ห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบเลยค่ะ ได้ทุกอย่างตามนี้เลยใช้เป็นของ Kohler มีสเต็ปแบ่งพื้นที่โซนแห้ง-เปียกมาให้เรียบร้อย

ต่อมาเป็นโซน Dining ตรงนี้เค้าให้พื้นที่มากว้างมาก วางโต๊ะทานข้าวขนาด 6-8 ที่นั่งแบบที่ยังเดินได้สะดวก และด้านข้างยังมีสเปซเหลือที่จะวาง Island จัดเป็นมุม Pantry ได้ด้วย

ส่วนตัวเราชอบ Mood & Tone ของบ้านหลังนี้ ที่ให้ไวป์ที่ดูมีความภูมิฐานขึ้นมาหน่อย เน้นใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งดูมีความอบอุ่น จุดนี้พิสูจน์ให้เห็นเลยว่าการที่โครงการปูกระเบื้องสี White Travertine จะแต่งบ้านแบบไหนก็ดูดี ดูเข้ากันได้อย่างกลมกลืน

จากมุมนี้เราจะเห็นว่าประตูทางเข้ารองจะอยู่ใกล้กับโซน Service เลย เวลาซื้อของเข้าบ้านก็สามารถขนของได้สะดวก และพื้นที่ด้านข้างก็ทำเป็น Built-in ตู้เก็บของหรือตู้เก็บรองเท้าได้

โซน Pantry ตรงนี้เราสามารถทำเป็นมุมชงกาแฟหรือมินิบาร์แบบนี้ก็ดูเข้าท่าค่ะ

เค้าเลือกวางห้องน้ำแบบ Powder room ไว้หลบมุมเพื่อความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน ซึ่งห้องนี้เค้าจะติดตั้งโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติมาให้ด้วย

และแน่นอนว่าห้องครัวเราก็จะได้แบบนี้เลยค่ะ ได้เคาน์เตอร์ครัวปูนพร้อมบานเก็บของ ซิงค์ล้างจานแบบ 2 หลุม หัวเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควันของ Teka ครบ ๆ แบบนี้เลย

โซนซักล้างเค้าเดินท่อน้ำทิ้งสามารถนำเครื่องซักผ้ามาวางได้เลย

ซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมต่อกับส่วนของแม่บ้าน ให้แม่บ้านสามารถทำงานได้สะดวกแยกพื้นที่เป็นสัดส่วนไม่รบกวนส่วนของเจ้าของบ้าน

เดี๋ยวเราพาขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อค่ะ

ขึ้นมาเราจะเจอส่วนพื้นที่ Family Area ก่อน ส่วนนี้เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่น หรือมุมทำงานก็ดัดแปลงได้ตามชอบ

แบ่งห้องนอน Master Bedroom ไว้ฝั่งนึงของบ้าน และอีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องนอน 2 และ 3 ทุกห้องมาพร้อมพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และมีห้องน้ำในตัวแยกความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน

พามาเริ่มที่ห้อง Master Bedroom กันก่อน ห้องนี้กว้างขวางมากค่ะ พื้นที่ลากยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน

ซึ่งห้องนี้เราสามารถวางเตียง King Size ได้แบบเหลือ ๆ มีพื้นที่ข้างเตียงที่จัดวางได้อีกหนึ่งฟังก์ชันจะทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมนั่งทำงานภายในห้องไปเลยก็ยังได้ และห้องนี้ก็เชื่อมต่อออกไปพื้นที่ระเบียงที่เราเห็นหน้าบ้านได้ด้วยค่ะ

ระเบียงตรงนี้เราสามารถนำต้นไม้มาวางเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในห้องนอนได้

ด้านในทำเป็นพื้นที่ Walk-in Closet เราสามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเต็มพื้นที่แบบนี้แล้ววางโต๊ะเครื่องแป้งเข้าด้านในสุดแบบนี้ก็ดูน่าใช้งาน

ซึ่งไฮไลท์เค้าอยู่ที่ห้องน้ำขนาดกว้างขวางมาก มี Bathtub แบบลอยตัว มาพร้อมอ้างล้างหน้าแบบ His&Her ใช้ห้องน้ำร่วมกันได้ในเวลาเร่งเรีบ

ห้องนี้ให้โถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ

ถัดมาเป็นห้องนอน 2 ฝั่งหน้าบ้าน ห้องนี้ให้พื้นที่มากว้างเลยนะ เรียกว่าจัดฟังก์ชันได้เพียงพอต่อการใช้งาน มีการกระจายตำแหน่งของหน้าต่างให้ภายในห้องทำให้รับแสงธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง

ห้องนี้วางเตียง 5 ฟุตก็ยังมีพื้นที่เหลือ ๆ จะจัดเป็นมุมทำงานภายในห้องแบบนี้เลยก็ยังได้ แถมยังมีสเปซด้านข้างเหลือวางเป็นเก้าอี้เดี่ยวเป็นที่นั่งพักได้อีกด้วย

ผนังด้านข้างก็สามารถทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าเข้ามุมแบบนี้ได้

ส่วนห้องน้ำก็ให้สุขภัณฑ์มาครบค่ะ มีสเต็ปแยกโซนแห้ง-เปียกมาให้เรียบร้อย สามารถนำฉากกั้นมาติดตั้งเองได้เลย

มาถึงห้องนอน 3 ที่แม้จะอยู่ฝั่งหลังบ้านแต่ก็ยังรับแสงได้ดีไม่แพ้ห้องฝั่งหน้าบ้านเลย สเปซห้องนี้ก็มีพื้นที่เท่า ๆ กับห้องที่แล้วสามารถจัดวางได้วางฟังก์ชันได้ตามชอบเลยค่ะ

แต่สิ่งที่ชอบของห้องนี้เลยคือมุม Walk-in Closet ที่เราสามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเต็มพื้นที่หรือใครที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าเยอะเราก็สามารถแบ่งพื้นที่อีกฝั่งทำเป็นตู้โชว์วางของสะสม บอกเลยว่าสายโมเดล Art Toy นี่ เจอมุมนี้เข้าไป มีโดนตกกันบ้างแน่นอน

ห้องน้ำสุขภัณฑ์ครบให้มาเหมือนห้องที่แล้ว

แบบบ้าน MASEFIELD

5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 390 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 98.6 ตร.ว.

มาถึงหลังสุดท้ายกันแล้ว กับแบบบ้านขนาดใหญ่สุดของโครงการ แบบบ้านหลังนี้รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ได้เลยค่ะ มีฟังก์ชันคล้ายกับบ้านหลังที่แล้วแต่จะได้พื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าอยู่ด้วยกันได้แบบสบาย ๆ เลย

แบบบ้านหลังนี้ชั้นล่างจัดฟังก์ชันมาคล้ายกับหลังที่แล้ว แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนที่เยอะขึ้น  เหมาะกับครอบครัวที่ชอบพื้นที่กว้าง ๆ  ซึ่งส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดคือพื้นที่ตรงกลางบ้านส่วนโซนรับประทานอาหารที่มีพื้นที่มากพอที่จะจัดวางฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติมได้อีก  อาจจะทำเป็นมี Living area เพิ่มอีกจุด  หรือถ้าจะใช้ตรงนี้เป็น Living Area หลัก  ก็ปรับโซนด้านหน้าเป็นห้องทำงานก็ยังได้  สำหรับความสูงถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 2.9 ม.

ส่วนชั้น 2 จะมีทั้งหมด 4 ห้องนอน ขึ้นมาก็จะเจอกับพื้นที่ Family Area ก่อน ฝั่งนึงแยกเป็นห้อง Master Bedroom ที่ห้องน้ำมี Bathtub และอ่างล้างหน้าแบบ His & Her มาให้เลย ส่วนอีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องนอนรองอีก 3 ห้อง เลือกวางห้องนอน 2 และ 3 ที่มีขนาดเท่า ๆ กันไว้ด้านหลังบ้าน ส่วนหน้าบ้านจะเป็นส่วนของห้องนอน 4  เรียกว่าสเปซของแบบบ้านนี้อยู่อาศัยได้ 10 คน แบบสบาย ๆ ไม่อึดอัดเลย ความสูงถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 3.1 ม.

ซึ่งจุดเด่นของบ้านหลังนี้ก็จะมีระเบียงให้มาถึง 2 จุด และอีกหนึ่งจุดเด่นคือการออกแบบ Grand Entrance ของหลังนี้จะมีความแตกต่างจากหลังที่ผ่าน ๆ มาด้วยการวางเสาแบบคู่เพิ่มความแกรนด์ให้กับตัวบ้าน

แน่นอนว่าโรงจอดรถสามารถรองรับได้ถึง 3 คัน ด้านข้างทำเป็นที่เก็บอุปกรณ์สวน มาพร้อมการติดตั้ง EV Charger สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถไฟฟ้า

และที่พิเศษคือแบบบ้านหลังนี้จะมี Ramp ทางลาดรองรับการใช้งานสำหรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ บ้านไหนอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุเราว่าหลังนี้วางฟังก์ชันมาได้ค่อนข้างตอบโจทย์เลยค่ะ

พื้นที่ Grand Entrance ที่ดูแกรนด์สมชื่อ  สามารถลองใช้ไอเดียการจัดสวนแบบในบ้านตัวอย่าง วาง Sculpture น้ำพุไว้ตรงกลางแบบสมมาตรก็จะช่วยเพิ่มความแกรนด์ยิ่งขึ้นไปอีก  เป็นสเปซต้อนรับการเข้าบ้านได้แบบเต็มภาคภูมิ

เข้ามาก็จะเจอโถงแบบ Double Volume สูง 6.5 ม. เท่ากับหลังเมื่อกี้แต่หลังนี้เราจะได้สเปซส่วนนี้มากขึ้นค่ะ มองเห็นเชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านบนได้แบบบนี้เลย ดูโอโถ่ง อลังการสุด ๆ

ซึ่งส่วนนี้โครงการทำเป็นพื้นตีกรอบลายตารางขาว-ดำมาให้เลย แค่เรามาติด Chandelier เพิ่ม ก็จะได้โถงที่ดูอลังการแบบนี้เลยค่ะ

ด้านข้างแยกเป็น Living Area วางตำแหน่งกระจกไว้รอบด้านรับแสงได้ดี มุมนี้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอได้อย่างอิสระ มุมตรงนี้เราสามารถทำมุมสำหรับรับแขกโดยเฉพาะไปเลยก็ได้ค่ะ

สำหรับพื้นที่ Common Area เป็นแบบ Open Plan ด้านข้างเป็นหน้าต่างเต็มบานเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างทั่วถึง จุดนี้สามารถจัดวางได้ถึง 2 ฟังก์ชัน จะวางเป็นมุมนั่งเล่นสำหรับคนภายในครอบครัวแบ่งพื้นที่อีกครึ่งเป็นมุม Dining ก็ยังมีสเปซใช้งานร่วมกันได้แบบสบาย ๆ

ซึ่งพื้นที่ Common Area จะอยู่ติดกับห้องนอนชั้นล่างที่มีห้องน้ำในตัวมาให้เลย ซึ่งบ้านตัวอย่างจะเป็นพื้นที่ส่วนของ Sale Gallery ค่ะ

ด้านหลังจะเป็นโซนที่สามารถทำ Pantry ได้ โครงการทำให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนนี้จะตรงกับประตูทางเข้ารอง ทำให้เวลาที่ซื้ออาหารมาทานก็สามารถเข้ามาเก็บของหรือจัดเตรียมอาหารได้สะดวก

ถัดมาจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ให้สุขภัณฑ์มาครบ มาพร้อมโถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ

ห้องครัวพื้นที่กว้างขวาง และแน่นอนว่าเราจะได้ทั้งชุดครัวและ Built-in ทั้งหมดตามรูปเลยค่ะ

ถัดมาจะเป็นพื้นที่โซนซักล้างเดินระบบท่อน้ำทิ้งพร้อมติดตั้งเต้าปลั๊กไฟมาไว้ให้เลย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ก็จะเชื่อมต่อกับส่วนของห้องแม่บ้านแยกการใช้งานออกมาอย่างเป็นสัดส่วนไม่รบกวนพื้นที่ส่วนของเจ้าของบ้าน

ขึ้นมาชั้น 2 เราก็จะเจอกับพื้นที่ Family Area ก่อน

พื้นที่ Family Area ชั้นบน ส่วนนี้จัดฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบ้านเลย จะทำเป็นโซนนั่งเล่นหรือโซนนั่งทำงานก็ทำได้ตามชอบ

ซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมต่อออกไปยังพื้นที่ระเบียงได้ ตรงนี้มีพื้นที่กว้างพอสมควร สามารถนำต้นไม้มาวางเพิ่มมุมพักสายตาของชั้นบนได้

พามาดูห้อง Master Bedroom กันก่อน ห้องนี้ขนาดใหญ่มากแบ่งพื้นที่การใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน แน่นอนว่าห้องนี้รับแสงได้ดีได้จากทั้งฝั่งระเบียงหน้าบ้านและด้านข้างตัวบ้าน ทำให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง น่าอยู่มาก

โซนพักผ่อนวางเตียง King Size และยังมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้อีก 2 ตัวแบบที่ยังเดินได้สบาย

พื้นที่ระเบียงถ้านำต้นไม้มาวางก็จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่ห้องนอนได้ค่ะ

ในส่วนของพื้นที่ Walk-in Closet เค้าแบ่งพื้นที่ด้านนอกทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง

ส่วนสเปซด้านในทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเต็มพื้นที่ คุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่มีเสื้อผ้าเยอะ เราว่าน่าจะถูกใจหลังนี้

ห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบ มาพร้อมอ่างล่างหน้าแบบ His&Her ใช้งานพร้อมกันในเวลาเร่งรีบได้

แบ่งฝั่งนึงวาง Bathtub แบบลอยตัว มีบานหน้าต่างระบายอากาศเปิดให้อากาศถ่ายเทได้

ภายในโซนเปียกติดตั้ง Rain Shower

ถัดมาห้องนอน 2 จะอยู่ฝั่งหลังบ้านค่ะ ห้องนี้โครงการทำเป็นห้องทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดียหรือใครจะทำเป็นห้อง Studio เราว่าห้องนี้ก็ทำได้อย่างตอบโจทย์

พื้นที่สำหรับ Walk-in Closet สามารถทำเป็น Built-in ตู้โชว์วางของตกแต่งหรือของสะสมแบบนี้ก็ดูเข้าท่าค่ะ

ส่วนด้านในจะเป็นห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบ พร้อมใช้งาน

ติดกันเลยจะเป็นห้องนอน 3 อยู่ฝั่งหลังบ้านเหมือนกัน ห้องนี้ถ้าทำเป็นของลูกก็สามารถจัดฟังก์ชันได้ครบค่ะ มีสเปซรองรับการเติบโตของเด็ก ๆ อยู่กันได้ยาว ๆ

แบ่งฟังก์ชันฝั่งนึงวางเตียงเดี่ยว ส่วนอีกฝั่งวางเป็นมุมนั่งทำงานหรือมุมนั่งทำงานอดิเรกก็ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการเลย

ด้านในมีพื้นที่ทำเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าเข้ามุมขนาดเพียงพอต่อการใช้งาน

ด้านในเป็นห้องน้ำให้สุขภัณฑ์มาครบเช่นกัน

สุดท้ายของห้องนอน 4 ห้องนี้จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านค่ะ รับแสงธรรมชาติได้ดีเหมือนเดิม สามารถจัดฟังก์ชันได้ตามต้องการจะทำเป็นห้องนอนหรือจะทำเป็นห้องทำงานอดิเรกก็ดัดแปลงได้ตามต้องการเลย

มีห้องน้ำมาให้ในตัว ให้สุขภัณฑ์มาครบเหมือนกับห้องที่แล้ว

ราคา เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน

(Setthasiri Ngamwongwan)

โครงการ Setthasiri Ngamwongwan เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ก่อสร้างด้วยระบบ Pre-cast ส่งมอบบ้านเปล่า มาพร้อม Built-in เคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บของด้านบน ซิงค์ล้างจาน เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า และเตาแก๊สจากแบรนด์ Teka ซึ่งภายในบ้านเค้าก็ติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic & Motion Sensor มาให้เลย นอกจากนี้ก็มีการเดินไฟ 3 เฟส รองรับการติดตั้ง EV Charger รวมถึงมี Solar Panel มาให้ทุกหลัง ในราคาเริ่มต้น 18-40 ล้านบาท*

แบบบ้านที่เราพาไปดู คือ

• แบบบ้าน LAWRENCE ราคาเริ่มต้น 18.59 ล้านบาท*
• แบบบ้าน AUSTEN ราคาเริ่มต้น 27.99 ล้านบาท*
• แบบบ้าน MASEFIELD ราคาเริ่มต้น 35.99 ล้านบาท*

*หมายเหตุ : ข้อมูลรีวิวเป็นข้อมูลที่ทางทีมงานรวบรวมมา ณ วันที่เขียนรีวิวเท่านั้น โปรดสอบถามรายละเอียดโดยตรงจากโครงการอีกครั้ง

SUMMARY

ภาพรวมโครงการ

• โครงการ Setthasiri Ngamwongwan เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรูสไตล์ Georgian Architecture ที่ตั้งอยู่ติดซอยงามวงศ์วาน 21 ใกล้ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้า
• การออกแบบสะท้อนถึงแนวคิดของแบรนด์เศรษฐสิริ “Portrait Of Success ทุกความสำเร็จให้บ้านพูดแทนคุณ” บ้านที่สะท้อนความสำเร็จและความภาคภูมิใจของผู้ที่ได้ครอบครอง
• ที่สุดแห่งความเป็นส่วนตัวรองรับ 48 ครอบครัว
• แบบบ้านมีทั้งหมด 3 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 247-390 ตร.ม. บนขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.ว.
• การออกแบบที่เน้นให้ภายในดูโอโถ่ง โปร่งโล่ง และรับแสงธรรรมชาติได้ดี
• ซึ่งภายในบ้านเค้าก็ติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic & Motion Sensor มาให้เลย และออกแบบเป็น Green Living Designed Home
• ส่วนกลางอลังการจัดเต็ม ด้วยพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่บรรยากาศร่มรื่น ที่จัด Landscape มารับกับตัวอาคารคลับเฮาส์ 2 ชั้น ได้เป็นอย่างดี

ทำเลและการเดินทาง

• โครงการ เศรษฐสิริ งามวงศ์วาน ตั้งอยู่ในซอยงามวงศ์วาน 21 ซึ่งเป็นถนนที่เลียบแนวทางด่วนศรีรัช เชื่อมระหว่างถนนงามวงศ์วานกับถนนสามัคคี
• เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจากฝั่งถนนสามัคคี และถนนงามวงศ์วานที่ใช้ได้ทั้งซอยงามวงศ์วาน 23 และ 25
• ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช  ตรงถนนงามวงศ์วาน เพียง 5 นาที* เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก
• ใกล้ Interchange สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมระหว่าง รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีม่วง เพียง 10 นาที*
• หรือถ้าวิ่งเชื่อมต่องามวงศ์วานตรงนั้นก็จะมี รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางเขน  
• ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน เพียงแค่ 3 กม.
• ใกล้โรงเรียนนานาชาติชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น MYIS (Magic Years), ISB, St.Andraws, The Country School, Hampton และ Harrow

เหมาะกับใคร

• กลุ่มผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ที่ใช้ชีวิตหรือมองหาบ้านในโซนงามวงศ์วาน
• กลุ่มครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ มองหาที่อยู่อาศัยใหม่รองรับครอบครัวขยาย ต้องการบ้านเดี่ยวหลังใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ
• ครอบครัวที่ชอบบ้านสไตล์ Georgian ดูหรูหราและพรีเมียม มีกำลังจ่ายสูง
• ครอบครัวที่รักความเป็นส่วนตัว ชอบบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ไม่พลุกพล่าน
• คนที่มีงบประมาณในการซื้อบ้านประมาณ 18 ล้านบาทขึ้นไป