เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ / พื้นที่ส่วนกลาง
ได้เวลาเปิดประตูเข้าไปดูในโครงการกันแล้วครับ เริ่มจากชั้น 1 ด้านหน้าอาคารกันก่อนเลย…
เมื่อขับรถเข้ามาในโครงการจะเจอวงเวียนซึ่งเป็น Drop-Off มี Sculpture สีเงิน คล้ายสัญลักษณ์ Infinity อยู่ด้านหน้า เชื่อมต่อกับพื้นที่ Foyer ซึ่งบริเวณนี้จะมีหลังคายื่นออกมา เวลาลงจากรถจะได้ไม่เปียกฝนหรือโดนแดดครับ
บริเวณ Foyer ก็จะมีพื้นที่สำหรับ Door Man Service คอยช่วยยกของ เปิดประตู ก่อนเข้าสู่ Lobby
เข้ามาภายใน Lobby เป็นห้องโถงสูง 5.80 เมตร ผนังด้านข้างเป็นกระจกทั้งหมดทำให้มีความโปร่ง ตรงนี้จะมี Concierge Service คอยต้อนรับอยู่ด้วยครับ ตำแหน่ง Lobby นี้ จะเป็นพื้นที่แจกไปยังห้อง Library & Meeting room และ Lobby Lounge
เราเดินตรงเข้ามาดูส่วนของ Library ก่อน เป็นพื้นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือ ตกแต่งอย่างสวยงาม มีลวดลายของเส้นสีทองทั้งที่เสา และประตูหน้าต่าง ส่วนพื้นใช้วัสดุหินจริง White Venato สลับกับ Copper Bronze ดูหรูหราทีเดียวครับ
ตรงกลางห้องเป็นโต๊ะขนาดใหญ่นั่งได้หลายคน วัสดุโต๊ะกลางทำจากหิน Toronto Brown ด้านหลังเป็นชั้นวางหนังสือ ลูกบ้านสามารถนำหนังสือมาแชร์กันได้ครับ
นอกจากนี้ยังมีที่นั่งแบบโซฟาให้เลือกนั่งด้วย มองเห็นวิวสวนภายนอก เหมาะกับการมานั่งเล่นพักผ่อนครับ
ที่ห้อง Library มีประตูเปิดออกมาด้านนอกได้ เป็นโซนที่นั่งแบบ Outdoor ใกล้ชิดกับสวนครับ
แวะออกมาเดินเล่นที่สวนกันหน่อย มองกลับไปที่บริเวณ Lobby และ Library ครับ
กลับเข้ามาที่ Library อีกครั้ง มีห้อง Meeting Room อยู่ติดกัน ภายในห้องมีโต๊ะประชุมแบบจริงจังพร้อมหน้าจอ สามารถนัดเพื่อน หรือลูกค้ามาคุยงานได้
ต่อไปจะเป็นส่วน Lobby Lounge ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา มี Grand Piano จากแบรนด์ Fendi Casa ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง พร้อมทั้งมีโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ห้อยลงมา จากแบรนด์ Fendi Casa เช่นกัน
ชุดโซฟาภายใน Lobby Lounge ทาง Fendi Casa ออกแบบเป็นครึ่งวงกลม ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชุด สามารถมาต่อกันวงกลมได้ ทางโครงการแอบกระซิบมาว่าแค่ชุดนี้ก็มูลค่าเกือบๆ 3 ล้านบาทแล้ว!!
ส่วน Grang Piano ตัวนี้ ความพิเศษอยู่ตรงที่หุ้มด้วยหนังจระเข้ทั้งหมด เป็นหนังสี Ivory ราคาก็อยู่ที่เลข 6 หลัก เช่นกัน..
ส่วนผนังด้านหลัง Piano ตกแต่งด้วยรูปภาพผ้าสีแดงที่พริ้วไหว สื่อถึงความเป็นแฟชั่นของแบรนด์ Fendi Casa และเข้ากับการออกแบบของตัวอาคาร ที่ส่วนยอดได้ไอเดียมาจากผ้าพันคอนั่นเอง
ให้ดูมุมกว้างๆ อีกมุมครับ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นขนาดใหญ่ทั้งนั้น แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้าง ฝ้าสูงถึง 5.80 ม. จึงทำให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่ง ไม่อึดอัดเลยครับ
ถัดจาก Lobby Lounge มาจะเป็นโถงทางเดินไปยังโถงลิฟต์ ที่ผนังตกแต่งด้วยงานศิลปะจาก FENDI ซึ่งเป็นโทนสีเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายในส่วนต่างๆ ของโครงการครับ
ขึ้นมาดูต่อที่ชั้น 29 เริ่มกันที่สระว่ายน้ำครับ สระที่คอนโด LAVIQ สุขุมวิท 57 จะเป็นรูปตัว L ยาว 36 ม. (ทางตรง 24 เมตร) สามารถว่ายออกกำลังกายได้เลย แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.6 ม. ส่วนสระผู้ใหญ่ลึก 1.2 ม.
ที่บริเวณปลายสระจะมีส่วน Shallow Pool และ Jacuzzi Pool ไว้นั่งผ่อนคลาย พร้อมชมวิวทองหล่อครับ
ลักษณะของสระที่นี่จะเป็น Infinity-Edge swimming pool เพื่อให้มองเห็นวิวได้เต็มที่ครับ และเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือด้วย
มีที่นอน Day bed แบบ Sunken ฝังในสระว่ายน้ำ 4 ที่
หรือถ้าอยากนอนเล่นพักผ่อน อ่านหนังสือใต้ต้นไม้ ก็ Day Bed ให้อีกจุดหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
โซนสระว่ายน้ำที่มีหลังคาคลุมก็มีนะครับ ส่วนบันไดวนที่อยู่ตรงสุดทางเดินนั้นมีชื่อว่า Spiral Staircase ได้ไอเดียมาจาก Runway fashion show ของ Fendi Casa ครับ
ใกล้กับสระว่ายน้ำ มีห้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งภายในจะมีตู้ Locker สำหรับเก็บของ เป็นแบบใส่รหัสดิจิตอลครับ อ้อ..ลืมบอกไป ที่ชั้นนี้เขามี Counter Service ให้บริการผ้าขนหนูแก่ลูกบ้านที่มาใช้งานด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องหอบข้าวของมาเยอะแยะ
ด้านในสุดของห้องน้ำมีห้อง Steam ด้วย กว้างขวางน่าใช้งานดี
ยังไม่หมดครับ ที่ชั้น 29 นอกจากจะมีสระว่ายน้ำแล้ว ยังมีห้อง Social Club ที่เปิดประตูเข้ามาจะเจอโต๊ะพูล ที่นั่งพักผ่อน และบาร์สำหรับชงเครื่องดื่มมาให้ สามารถจองห้องเพื่อพาเพื่อนๆ ขึ้นมาปาร์ตี้กันได้
เคาน์เตอร์บาร์มีแก้วไวน์และถังมาให้เรียบร้อย สามารถเอาไวน์ขึ้นมาดื่มชมวิวเมืองได้สบายๆ พร้อมมีซิงค์มาให้ล้างทำความสะอาดจานและแก้วหลังใช้ได้
ภายใน Social Club มีโซนสำหรับนั่งชิล หรือ Hangout แน่นอนว่าตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จาก Fendi Casa มูลค่าตัวละหลายแสนบาทเลยครับ
มุมนั่งเล่นค่อนข้างมีหลายมุม อย่างมุมนี้เป็นชุดอาร์มแชร์แบบกลุ่ม มองเห็นวิวเมืองสวยทีเดียว
หรือถ้าใครไม่อยาก Hangout ในห้อง Social Club โซน Outdoor ด้านนอก ก็มี Pantry Terrace ให้สามารถจัดปาร์ตี้ได้เช่นกันครับ
มีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ รองรับได้หลายคน และมีเตาย่างบาร์บีคิวให้ยืมได้ด้วย
บริเวณ Pantry Terrace มีที่นั้งเล่นหลายจุด ทั้งชุดโซฟาแบบนั่งเป็นกลุ่มใหญ่ หรือที่นั่งแบบ Sunken Seat ที่เป็นหลุมลงไป ก็ดูเป็นส่วนตัวดีครับ
ขึ้นมาต่อที่ชั้น 30 ครับ ต้องบอกว่าพื้นที่ส่วนกลางที่นี่ให้เยอะจริงๆ ..ชั้นนี้ขึ้นมาจะเจอห้องฟิตเนสก่อนเลย มีเครื่องออกกำลังกายครบครันทั้ง Cardio และ Weight training โดยใช้อุปกรณ์คุณภาพจาก Technogym ครับ
ด้านในของห้องฟิตเนส มีแบ่งอีกโซนเป็นห้องโยคะ สามารถจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาสอนโยคะได้เลย หรือจะให้นิติช่วยประสานจัดหาให้ก็ได้
วิวดีทีเดียวครับ ภายในห้องโยคะมีเสื่อโยคะพร้อมอุปกรณ์มาให้ครบครันเลย
ถัดจากห้องฟิตเนสเป็นห้อง Golf Simulator ไว้ให้ซ้อมไดรฟ์กอล์ฟได้ครับ
ต่อมาเป็นห้อง Executive Lounge & Meeting room สำหรับจัดเลี้ยงหรือจัดประชุมแบบเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งจะต้องจองล่วงหน้า โดยเสียค่าบริการกับนิติบุคคล
โต๊ะประชุมรองรับได้ถึง 8 คน พร้อมทั้งมีหน้าจอสำหรับ Present เตรียมไว้ให้
มีโซน Executive Lounge สำหรับนั่งพูดคุยแบบผ่อนคลาย
ระหว่างโซน Executive Lounge กับ Meeting room มีผนัง Partition ให้อีกชั้นหนึ่ง