งานออกแบบสถาปัตยกรรม MUNIQ SUKHUMVIT 23
เชือว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘MONDRIAN ART’ กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะงานศิลปะของ Mondrain นั้นถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานศิลปกรรม, ประติมากรรม รวมถึงสถาปัตยกรรมมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชื่อของ “Mondrain” นั้นมาจากชื่อของศิลปินชาวเนเธอแลนด์อย่าง Piet Mondrian ที่ฝากผลงานเอาไว้ช่วง ค.ศ. 1900 เป็นยุคที่งานศิลปะกระแสหลักได้รับอิทธิพลของสไตล์โมเดิร์นอย่างชัดเจน
แม้รูปแบบของงาน Mondrian จะมีเพียงแค่เส้นสาย รูปเรขาคณิตสีขาว สีดำ และแม่สี แดง-เหลือง-น้ำเงิน แต่ด้วยความที่ศิลปะแบบนี้สื่อสาร “เข้าใจง่าย” “เรียบง่าย และนำไปต่อยอดได้เยอะ ทำให้สไตล์นี้ยังคงสามารถหยิบเอามาใช้ได้ตลอดอย่างไม่ตกยุคค่ะ
สถาปนิกผู้ออกแบบโครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 จึงได้หยิบศิลปะแบบ Mondrian มาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งอาคาร สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้าง เส้นสายแนวตั้งและแนวนอนซ้อนทับกันไปมาเป็นเป็นช่องสี่เหลี่ยมหลากหลายขนาด ช่วยเพิ่มมิติความน่าสนใจในตัวงาน ทั้งยังคงความเรียบง่ายแบบ Minimal ได้เป็นอย่างดีค่ะ
จากศิลปะแบบ Mondrian Art ที่ทางสถาปนิกนักออกแบบโครงการได้หยิบมาใช้ประสานเข้ากับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของคอนโดมิเนียม เราจะสามารถพบเห็นรูปแบบเหล่านี้ได้บน Facade ของโครงการ, ช่องแสง (ประตู, หน้าต่าง) ไปจนถึงแพทเทิร์นฝ้าเพดานในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ .. นอกจากความสวยงามที่รูปแบบศิลปะนี้จะมอบให้แล้ว ศิลปะประเภทนี้ยังให้ความเรียบง่าย ดูดีแบบ Minimal ที่เป็นเทรนด์ในปัจจุบันอีกด้วยนะคะ
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวอาคารสถาปัตยกรรมของคอนโด MUNIQ สุขุมวิท 23 เท่านั้นที่ใช้แรงบันดาลใจของ Mondrian Art มาออกแบบ แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างตรงทางเข้าคอนโด ป้อมของพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ถูกออกแบบโดยใช้สัดส่วนที่สวยงามของ Mondrian Art ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ เส้นสายเหล่านี้นอกจากจะสวยงามแล้วยังให้ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง เป็นอีกหนึ่งการสะท้อนภาพลักษณ์ของโครงการและผู้อยู่อาศัยถึงความมั่งคั่ง มั่นคงอีกรูปแบบหนึ่งด้วยนะคะ
ก่อนจะพาเข้าไปดูข้างใน ขอพูดถึง แปลน MUNIQ Sukhumvit 23 สักหน่อยค่ะ .. ตัวผังโครงการจะวางอาคารเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้ด้านในสุดของที่ดินจากระยะถอยร่นตามกฎหมาย ทำให้ตัวคอนโดมิเนียมอยู่ห่างจากแนวถนนด้านหน้าพอสมควร ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกไปได้อีกทางค่ะ
ขยับเรื่อยต่อเข้ามาถึงจุดต้อนรับก็ยังคงคอนเซ็ปต์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น .. จุด Automatic Parking ก็ยังตกแต่งด้วยศิลปะนี้เลยค่ะ ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
นอกจากที่จอดรถอัตโนมัติแล้ว ที่โครงการยังมีลานจอดรถใต้ดินให้อีก 2 ชั้น และแท่นชาร์จ EV มาให้ถึง 4 ล็อต ที่จอดรถในโครงการมีทั้งหมด 82% นะคะ
ด้านหน้าติดกับทางเข้าโครงการยังมี Secret Garden ไว้ให้ลูกบ้านมาพักผ่อนหย่อนใจ และตัว Secret Garden นี้ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นเสมือน Barrier แบ่งแยกพื้นที่ภายนอกและภายในอีกหนึ่งชั้น เพิ่มความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อาศัยในโครงการมากยิ่งขึ้นค่ะ
Lobby ออกแบบมาเป็นเพดานสูงงงงงง ให้บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย จัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ไว้รองรับทั้งลูกบ้านและแขกที่มาเยือนหลายมุม มีระยะห่างพอสมควร ให้ความเป็นส่วนตัว
.. Mailbox ของที่นี่นับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ออกแบบมาได้สวยสะดุดตาสุดๆ ของจริงคือ แสงจากแชนเดอร์เลียวิบวับๆ เลยค่ะ ส่วน Smart Locker จะอยู่ทางด้านหลัง Mailbox อีกที
พากระโดดข้ามขึ้นมาที่ชั้น 35-36 ที่ทั้งสองชั้นนี้จะเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด
.. ชั้น 35 มีไฮไลท์ที่สระว่ายน้ำระบบเกลือที่สามารถเทค Skyview ย่านสุขุมวิทได้เต็มๆ ตาแบบไม่มีตึกมาบัง มีการแยกสระเด็กและให้จากุซซี่มาด้วยนะ สามารถพาลูกมาเล่นน้ำ และคุณพ่อคุณแม่ก็ยังสามารถแช่จากุซซี่พักผ่อนระหว่างรอลูกๆ เล่นน้ำได้อีกด้วย
และภายในห้องน้ำของทั้งชาย-หญิงจะมีห้องซาวน่าด้วยนะคะ
.. ส่วนชั้น 36 จะเป็นที่ตั้งของ Fitness ขนาดใหญ่ พร้อมอุปกรณ์เครื่องเล่นจาก TechnoGym
ในชั้น 36 ยังไม่หมดเพียงแค่ฟิตเนส แต่บริเวณชั้นลอยยังมี Exclusive Theatre Room ที่มาพร้อมเครื่องเสียงจาก Bose ให้คุณภาพในการรับชมภาพยนตร์ในระดับเกือบเทียบเท่าโรงหนังย่อมๆ เลยน้า ยี่ห้อนี้หายห่วง