สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโด ทำเลดีใจกลางลาดพร้าว วันนี้เราขอพามาดู LIFE Phahol-Ladprao (ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว)  คอนโด High Rise ดีไซน์หรู จาก AP พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์  “LIFE your infinite life ให้คุณใช้ชีวิตได้ในทุกมิติ” ใกล้ BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว เพียง 200 เมตร และใกล้ห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าวในระยะที่เดินได้ แถมรายล้อมไปด้วย สถานศึกษา และสำนักงานใหญ่ขององค์กรชั้นนำในประเทศไทยหลายแห่ง

LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว เป็นคอนโดที่เน้นความเป็นส่วนตัวแต่ยังใช้ชีวิตแบบมีสังคมได้สะดวกสบาย  เดินทางได้สะดวก บนฟังก์ชันที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง  มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาแบบอัดแน่นและจัดเต็มถึง 6 ชั้น เทควิวสวนและเมืองได้แบบเต็มอิ่ม อุปกรณ์ครบรองรับสำหรับทุกการใช้งานทั้งแบบ Private และ Social

โดยโครงการนี้เป็นโครงการสร้างเสร็จแล้ว 100% พร้อมเข้าอยู่  รีวิววันนี้จะพาไปดูรายละเอียดในจุดต่าง ๆ ภายในตัวโครงการแห่งนี้กันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

LIFE Phahol-Ladprao

(ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว)

ชื่อโครงการ	LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว (LIFE Phahol-Ladprao)
เจ้าของโครงการ	AP Thailand
ที่ตั้งโครงการ	996 ถ. พหลโยธิน แขวงจอมพล จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
ขนาดที่ดิน	2-2-92.2 ไร่
ประเภท	คอนโดมิเนียม High Rise สูง 40 ชั้น จำนวน 1 อาคาร
จำนวนยูนิต	598 ยูนิต และ 1 ร้านค้า
แบบห้อง	ห้องแบบ Simplex Studio 28.5 ตร.ม. 1 Bedroom 35.0 ตร.ม. 1 Bedroom Plus 42.5 ตร.ม. 2 Bedroom 2 Bathroom 57.0 – 65.o ตร.ม. ห้องแบบ Vertiplex Type A 28.5 ตร.ม. Type B 35.0 ตร.ม. Type C 40.5 ตร.ม. Type D 42.5 ตร.ม. Type E 57.0 ตร.ม. Type F 65.0 ตร.ม.
ที่จอดรถ	47% หรือ 283 คัน (ไม่รวมซ้อนคัน)
ราคาขายเริ่มต้น	5.39 ล้านบาท* (ราคาเฉลี่ย 149,000 บาท / ตารางเมตร*)
พิกัดนำทางไปยังโครงการ	เปิดแผนที่ด้วย google map
เบอร์โทรติดต่อโครงการ	1623
เว็บไซต์โครงการ	คลิกที่นี่

LOCATION : LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว

 

 

โครงการ LIFE Phahol-Ladprao ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางห้าแยกลาดพร้าว  ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างโซนพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ กับพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ทางฝั่งเหนือ  มีถนนสายหลักสำคัญถึง 3 สาย มาบรรจบกันบริเวณนี้  ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนพหลโยธิน  และถนนลาดพร้าว  โซนนี้จึงกลายเป็นจุดที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปโซนอื่น ๆ ได้หลากหลายมากค่ะ

นอกจากจะมีถนนหลัก 3 สายมาบรรจบกันแล้ว  ก็ยังเป็นจุดตัด Interchange Station ของรถไฟฟ้าสายหลักของกรุงเทพฯ 2 สาย  ทั้งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวที่เป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท  โดยจากโครงการเดินไปแค่ 200 เมตร  และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่วิ่งวนรอบกรุงเทพฯ  ซึ่งก็ยังอยู่ในระยะประมาณ 550 เมตร สามารถเดินจากโครงการไปยังสถานีได้แบบไม่ทันเหนื่อย  หรือถ้าจะใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็นั่งสายสีน้ำเงินไปเปลี่ยนที่สถานีลาดพร้าวได้เลยค่ะ

เรียกว่าการเดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้า  รองรับการใช้ชีวิตของผู้คนได้ในทุกไลฟ์สไตล์ ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่รวมกว่า 700 ไร่ ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนชาร์จพลังท่ามกลางธรรมชาติได้อีกด้วย

 

 

โครงการ ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว ทางฝั่งทิศเหนือจะอยู่ติดกับที่ดินของสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง  และถัดไปเป็นตลาด Jodd fair แดนเนรมิต   ส่วนทางฝั่งทิศใต้ติดกับโลตัส ลาดพร้าว  และสามารถเดินไปศูนย์การค้าใหญ่อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าวในระยะที่เดินได้ประมาณ 300 เมตร  และใกล้โครงการ Mega project ใหม่ในเครือเซ็นทรัลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ในอนาคตคาดว่าจะกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในโซนนี้เลย   เรียกว่าจากโครงการไม่ว่าเราจะเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาก็เจอเซ็นทรัลประกบอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ

อีกทั้งยังเป็นทำเลที่รายล้อมไปด้วยสถานศึกษาชั้นนำ เช่น โรงเรียนหอวัง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่นั่งรถไฟฟ้าไปในระยะทางไม่กี่สถานี  นอกจากนั้นยังใกล้สำนักงานใหญ่ขององค์กรชั้นนำต่าง ๆ มากมาย  เช่น สำนักงานใหญ่ ปตท., SCB Park Plaza, สำนักงานใหญ่การบินไทย  เป็นต้น  เรียกได้ว่าโครงการแห่งนี้อยู่ในทำเลที่ไม่ว่าจะไปไหนก็สะดวกสบาย  มีครบทั้งทำงาน กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง ออกกำลังกาย แฮงค์เอ้าท์  ครบเลยค่ะ

 

มุมมองจากที่ตั้งโครงการไปทางห้าแยกลาดพร้าว  จะเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบเลยค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นโลตัส ลาดพร้าว ที่อยู่ติดกัน, เซ็นทรัล ลาดพร้าวและโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์,  สถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าว,  อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. , รวมไปถึงสวนสาธารณะใหญ่ 700 ไร่

 

มองไปอีกฝั่งก็จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างของเซ็นทรัลที่อนาคตจะกลายเป็น Magnet Project ยกระดับทำเลนี้ขึ้นไปอีกแน่นอน  ฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดจ็อดแฟร์  ซึ่งที่ดินแปลงใหญ่ขนาดนี้ในอนาคตก็อาจจะเกิดโครงการ Development อะไรใหม่ ๆ ขึ้นตามมาได้อีกแน่ ๆ   เลยออกไปทางแยกรัชโยธินเราก็จะเห็นทั้งสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Park Plaza) และเมเจอร์รัชโยธิน, เมเจอร์ อเวนิว ค่ะ  เรียกว่าระยะใกล้ ๆ ที่ตั้งโครงการนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกครบมาก ๆ

FACILITIES

 

 

พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ LIFE Phahol-Ladprao จัดเต็มมาถึง 6 ชั้น  มีไฮไลท์ที่ Rooftop Facilities ขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อกัน 4 ชั้น   ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัยที่หลากหลาย  รองรับกิจกรรมและการพักผ่อนได้ครบไม่ว่าจะเป็นแบบ Private, Couple หรือ Social  ก็ได้ค่ะ

ชั้น Ground floor

• Exclusive Lobby โถงต้อนรับขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่เชื่อมต่อแบบส่วนตัวทั้งแบบ Indoor และ Semi-outdoor มองเห็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่บริเวณด้านข้างโครงการ
• The Parlour พื้นที่สำหรับลูกบ้านซึ่งแบ่งฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ทั้งส่วนนั่งพักผ่อน นั่งทำงาน หรือแม้แต่จัดปาร์ตี้  ตกแต่งพื้นที่ด้วยงานหินนำเข้าจากอิตาลี
• Green Pavilion สวนบริเวณชั้นล่างของโครงการให้ความร่มรื่น  พร้อมมุมที่นั่งพักผ่อน

 

 

ชั้น 8

• The Cardio Club  พื้นที่ออกกำลังกายที่แบ่งโซน Private และ Couple  ที่สามารถเทควิวสวนด้านนอกได้ขณะออกกำลังกาย

 

ชั้น 38

• Exclusive Sky Club   เป็นเสมือนพื้นที่ Common room ของคอนโด  ให้ฟีลเหมือนนั่งอยู่ใน Social Club หรือร้านกาแฟหรู ๆ

ชั้น 39

• The Cloud Social Club  พื้นที่สำหรับการทำงานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Multi-Cultural จะมานั่งทำงานคนเดียวส่วนตัวหรือมาเป็นกลุ่มก็ได้

ชั้น 40

• Sky Pool Pavilion  สระว่ายน้ำความยาวกว่า 30 เมตร แบบทั้ง Indoor และ Outdoor พร้อมมุม Jacuzzi สำหรับผ่อนคลาย และ Active Atrium  ห้องฟิตเนสที่เปิดใช้งาน 24 ชั่วโมง ตอบไลฟ์สไตล์การออกกำลังกายได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยแยกโซน Cardio, Weight Training และ Private Gym

Sky Park Rooftop

• สวน Rooftop ขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งชมวิว แบบเล่นระดับ  เป็นมุมชมวิวพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ชิลล์ ๆ

 

 

มาเริ่มกันที่บริเวณชั้น Ground Floor พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้จะมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ  Green Pavilion, The Parlour และ Exclusive lobby ค่ะ

ในส่วนของ Exclusive Lobby เป็นมุมต้อนรับหลักของโครงการที่เข้ามาจากจุด Drop-off   เป็นพื้นที่รับรองแขกให้ลูกบ้านมานั่งคุยหรือนัดเจอเพื่อน  มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์พิเศษ  โต๊ะวางของในล็อบบี้จะท็อปด้วยหินอ่อน White Onyx นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการความไพรเวท ก็สามารถใช้โซนที่กั้นแยกออกมาอย่าง Privilege Lounge และ Cozy Lounge  ซึ่งสามารถชมวิวสวนจากโซน Green pavilion ได้อีกด้วยค่ะ

 

ห้อง Privilege Lounge สำหรับลูกบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมานิดนึง  แต่ยังอยากนั่งอยู่ในห้องแอร์ก็มานั่งตรงโซนนี้ได้ค่ะ

 

ในส่วนนี้จะเป็น Cozy Lounge โซนเป็นพื้นที่ Semi-outdoor ที่เชื่อมต่อกับตัวสวนได้โดยตรง

 

สวน Green Pavilion บริเวณด้านนอกเป็นสวนสีเขียวแบบเล่นระดับ  พร้อมต้นไม้น้อยใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ให้ความร่มรื่นและจัดโซนนั่งเล่นให้ลูกบ้านได้นั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้แบบชิลล์ ๆ เลยค่ะ

 

ต่อมา The Parlour พื้นที่รับรองพิเศษที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง  สเปซตรงนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าล็อบบี้หลัก  ตกแต่งด้วย Mood & Tone ที่สนุกสนานมากขึ้น  จุดที่แตกต่างก็คือมี Pantry ไว้ให้ลูกบ้านจัดเตรียมอาหารเล็ก ๆ น้อยๆ และรับประทานอาหารภายในโซนนี้ได้ด้วย

 

หรือใครจะมานั่งทำงานก็สะดวกทีเดียว มีปลั๊กไฟใต้โต๊ะติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานเลย

 

ส่วน Pantry ที่สามารถใช้เตรียมของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ และมีซิงค์ล้างจานมาให้ พร้อมห้องน้ำในตัวด้วย

 

พาขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 8  เป็นส่วนของ The Cardio Club โซนการออกกำลังกายแบบเป็นส่วนตัวห้องเล็ก ๆ สำหรับลูกบ้านที่ต้องการใช้บริการในส่วนนี้ต้องทำการจองผ่านแอปของโครงการให้เรียบร้อยก่อนจึงจะเข้ามาออกกำลังกายในส่วนนี้ได้นะคะ  เน้นการออกกำลังกายลู่วิ่งที่รองรับการใช้งานทั้งแบบ Private และ Couple 

 

ขณะวิ่งออกกำลังกายก็สามารถมองวิวสวนได้เพลิน ๆ  สบายตา

 

บรรยากาศบริเวณสวนชั้น 8 ก็จะเป็นประมาณนี้เลย  เป็นพื้นที่สวนสีเขียวขนาดย่อม เหมาะกับการนั่งเล่นรับลมตอนเย็น ๆ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

 

มาถึงไฮไลท์ของโครงการอย่าง Rooftop Facilities ที่มีขนาดใหญ่และเชื่อมต่อกันถึง 4 ชั้น ตั้งแต่ชั้น 38 – 39 – 40 จนถึง Rooftop ชั้นบนสุดของตัวอาคาร  ซึ่งทุกจุดเน้นการมองเห็นวิวพาโนราม่าในพื้นที่รอบ ๆ  และมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมาก ๆ ค่ะ  ถ้าจะขึ้นมาในส่วน Roof top Facilities จะต้องขึ้นมาที่ชั้น 40 ก่อน  แล้วจะมีลิฟต์ย่อยเชื่อมต่อกับชั้น 38 -39 อีกที  เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านที่อาศัยอยู่ชั้น 38 – 39 นั่นเองค่ะ

 

เริ่มกันที่พื้นที่ส่วนกลางชั้น 38 ในส่วนของ Exclusive Sky Club เน้นการใช้งานเป็นพื้นที่สำหรับเป็นพบปะพูดคุย หรือสำหรับคนที่ต้องการบรรยากาศการทำงานที่ไม่เงียบจนเกินไป มีความเป็น Social อยู่พอสมควร  ได้อารมณ์แนวนั่งทำงานตามร้านกาแฟค่ะ  การตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว พร้อมกระจก Full Height เปิดรับวิวสวนและเมืองได้แบบรอบทิศทาง มีแบ่งมุมชมวิวต่าง ๆ เป็นโซน Sky Wing และ Sunset Wing

 

ส่วน Sunset Wing ใครมานั่งพักผ่อนจุดนี้สบายสุด ๆ

 

ติดกับโซน Sunset Wing เป็น Entertainment room มีโต๊ะพูลมาให้พร้อมที่นั่งเล็ก ๆ และโซฟาไว้ให้ด้วย

 

ในส่วนโซน Sky Wing มีเก้าอี้จัดไว้ให้นั่งชมวิวกันแบบยาว ๆ หันหน้าออกด้านนอกสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวค่ะ

 

ต่อมาเป็นชั้นที่ 39  The Cloud Social Club โดยส่วนกลางชั้นนี้เน้นความความเป็นส่วนตัวมากขึ้น  พื้นที่ดีไซน์แบบ Space in Space ฟังก์ชันการใช้งานของชั้นนี้จะเป็นที่นั่งทำงานและนั่งพักผ่อน รองรับความต้องการของลูกบ้านได้ทั้งแบบ Private และ Social เลยนะคะ

 

ห้อง Social Club รองรับได้ประมาณ 10 คน ลูกบ้านคนไหนที่ชอบจัดปาร์ตี้หรือสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนก็จองใช้บริการห้องนี้ได้

 

มุมนี้สะกดสายตาเมื่อแรกเห็นด้วย Van Gogh Onyx หินอ่อนธรรมชาติโปร่งแสงชิ้นใหญ่ ที่โดดเด่นและมีสีสันพิเศษโทนส้มเหลืองตัดด้วยแร่สีเทาขาว ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าชมงานศิลป์จากธรรมชาติเลย

 

ด้านในสุดของ Social Club มีมุมเก้าอี้นั่งชมวิวส่วนตัว  ถ้ามาใช้พื้นที่โซนนี้ตอนเย็น ๆ เกือบค่ำแสงจะสวยมาก  นั่งชมวิวเมืองกับแสงไฟได้บรรยากาศทีเดียวค่ะ

 

ห้อง Private Living Room รองรับกลุ่มเพื่อนได้ประมาณ 4-5 คน สำหรับมานั่งเล่น นั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ มีทีวีไว้ให้พร้อมเชื่อมต่อดูหนังและฟังเพลงกันได้เต็มที่เลย

 

ห้อง Social Meeting มาคุยงานหรือนั่งประชุมได้ตามสะดวก รองรับคนได้ประมาณ 5 คน กระจกเป็นแบบเต็มบานและมีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศมาให้เรียบร้อย

 

ห้อง Family Meeting จุดนี้ก็มานั่งพบปะพูดคุยกันได้ทั้งครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้เลย

 

ส่วนสุดท้ายของชั้นนี้เป็นห้อง Private Meeting มีทั้งหมด 2 ห้องด้วยกัน สำหรับลูกบ้านคนไหนที่ทำงาน WFH หรือมีประชุมออนไลน์ก็มาใช้บริการกันได้  หรือถ้าใครจะมานั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ในห้องนี้บอกเลยว่าวิวสุดยอดมากค่ะ

 

ภายในห้องมีปลั๊กไฟให้มาให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน

 

โดยที่ห้องนี้เป็นติดกระจกบานใหญ่ Full Height มองเห็นวิวสวนจตุจักร, สวนสมเด็จฯ และสวนรถไฟ รวมพื้นที่กว่า 700 ไร่ ได้แบบเต็มอิ่มสุด ๆ

 

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 40 ในส่วนของ  Sky Pool Pavilion & Active Artrium  ก็มีห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ที่เปิดไว้รอลูกบ้านมาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และอีกหนึ่งไฮไลท์คือ สระว่ายน้ำแบบ Semi-Outdoor 5 ฟังก์ชัน  แยกสระเด็กมาให้เรียบร้อย เพลิดเพลินกับวิวสวนและวิวเมืองทั้งฝั่งพหลโยธิน ลาดพร้าว และจตุจักร  ได้แบบรอบด้านเลยค่ะ

 

ที่ห้องฟิตเนสแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ Burning Club, Cardio และ Weight training มีอุปกรณ์มาให้ครบเลย ออกกำลังกายพร้อมเสพวิวได้เมืองแบบ Panorama

 

โซนห้องที่แยกออกมาเป็นส่วนตัวค่ะ

 

สวนขนาดย่อมที่เป็นส่วนเชื่อมต่อกับห้อง Private Gym

 

ห้อง Private Gym ต้องทำการจองก่อนเข้าใช้บริการในห้องนี้ ตอบโจทย์ลูกบ้านที่ต้องจ้างเทรนเนอร์มาเรียนแบบส่วนตัวหรือสำหรับใครที่ต้องการออกกำลังกายแบบคนเดียวตามคลิปก็มีจอทีวีเอาไว้เชื่อมต่อสามารถเปิดวีดีโอแล้วออกกำลังกายตามได้ สะดวกสบายทีเดียวค่ะ

 

กระจกรอบห้องทำให้สามารถมองเห็นวิวได้รอบด้าน  แถมยังเห็นพื้นที่สวนสีเขียวด้านข้าง ออกกำลังกายได้อย่างสบายตา สบายใจ เลยค่ะ

 

ออกมาต่อกับที่ไฮไลท์อย่างสระว่ายน้ำวิวสวนสาธารณะ 700 ไร่ กันบ้างค่ะ  ตัวสระว่ายน้ำเป็นลักษณะเป็นรูปตัว L ยาว 30 เมตร ความลึกมาตรฐาน 1.2 เมตร มีแยกสระเด็กไว้ให้เรียบร้อยความลึก 0.5 เมตร มาพร้อมกับ Jacuzzi

 

โซนสระเด็กสำหรับน้อง ๆ จะมีที่นั่งคอยของผู้ปกครองให้แบบใกล้ชิดเลย  เพื่อจะได้ดูแลบุตรหลานได้อย่างปลอดภัยค่ะ

 

พื้นที่นั่งพักผ่อนอีกจุด  เป็นมุมชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก ๆ เลย  ชิลล์สุด ๆ

 

ภาพบรรยากาศช่วงเย็น ๆ แสงสวยมากค่ะ สำหรับใครที่ต้องมานั่งรอแฟน รอบุตรหลานเล่นน้ำ สามารถนั่งทอดอารมณ์ได้ยาว ๆ เพลิน ๆ เลย  มองเห็นวิวสวน 700 ไร่ สบายตา  ช่วยชาร์ตพลังในการพักผ่อนได้ดีมาก

 

ว่ายน้ำไปพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกจากมุมนี้  ฮีลล์ใจสุด ๆ ไปเลย

 

ที่นั่งส่วน Sky Pool Bed เป็นโซนที่นั่งเล่นนอนเล่นในสระว่ายน้ำ หลบมุมออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัว

 

มาถึงส่วนกลางส่วนสุดท้ายอย่าง Sky Park Rooftop สวนสีเขียวลอยฟ้าขนาดใหญ่ 6 ฟังก์ชัน  ผ่านการดีไซน์รองรับการใช้งานหลากหลายมีทั้งโซนส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกเหมือนแนบชิดขอบฟ้ากรุงเทพฯ  จะมานั่งชิลล์คนเดียวหรือกับครอบครัวก็ดีมากเลย  

Room Type : LIFE พหลฯ-ลาดพร้าว

 

 

แปลนห้องภายในโครงการ ไลฟ์ พหลฯ-ลาดพร้าว มี 2 แบบ คือห้องแบบ Simplex ตามมาตรฐานและห้องแบบ New Vertiplex ฝ้าเพดานสูง  มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Fitted   ภายในห้องจะได้เคาน์เตอร์ครัวม Hob & Hood, ตู้เสื้อผ้า Built-in, ห้องน้ำอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งานติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกมาให้เรียบร้อย

โดยที่ห้องแบบ Simplex  มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 28.5 – 65.0 ตร.ม.

• Studio 28.5 ตร.ม.
• 1 Bedroom 35.0 ตร.ม.
• 1 Bedroom Plus 42.5 ตร.ม.
• 2 Bedroom 2 Bathroom 57.0 – 65.o ตร.ม.

ห้องแบบ New Vertiplex  มี 6 แบบ จะอยู่ในโซนชั้นสูง พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 28.5 – 65.0 ตร.ม.

• Type A 28.5 ตร.ม.
• Type B 35.o ตร.ม.
• Type C 40.5 ตร.ม.
• Type D 42.5 ตร.ม.
• Type E 57.0 ตร.ม.
• Type F 65.0 ตร.ม.

  ห้องแบบ 1 Bedroom

Type B1 พื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม.

 

ห้อง 1 Bedroom เป็นห้องที่มีสัดส่วนเยอะที่สุดในโครงการค่ะ  ขนาดถือว่ากำลังดี  อยู่สบายไม่อึดอัด  ห้องแบบนี้ได้ครัวแบบปิดมีกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างส่วนห้องนั่งเล่น   พื้นที่ห้อง Master bedroom แยกออกมาเป็นสัดส่วน  โดยห้องน้ำเป็นแบบ Double Access เข้าได้จากทั้งห้องครัวและห้องนอนได้โดยตรง  มีระเบียงที่วางตำแหน่งคอยล์ร้อนแอร์หลบสายตาเอาไว้

 

เมื่อเข้ามาส่วนแรกจะเป็นโซนครัวและห้องน้ำ กั้นสัดส่วนไว้เรียบร้อยกับโซนนั่งเล่นค่ะ

 

ครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด มีกระจกบานสไลด์กั้นแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ขณะที่ทำอาหารในห้องครัวก็สามารถป้องกันกลิ่นเข้ามาในโซนนั่งเล่นได้  กระจกที่ได้สูงถึงฝ้าเพดานทำให้เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดเมื่อใช้สเปซบริเวณนี้ค่ะ

 

ห้องที่ได้จะเป็นแบบ Multi-Fitted  ส่วนเคาน์เตอร์ครัวและตู้แขวนด้านบนทำ Built-in มาให้ทั้งหมด หน้าบานตู้ปิดผิดด้วยลามิเนตลายไม้สีน้ำตาลเข้ม  ผิวท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว  พร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และซิงค์ล้างจานมาให้เรียบร้อย

 

เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้าใช้ของ TEKA ติดตั้งพร้อมใช้งานเลย  บริเวณผนังติดกระเบื้องเพื่อกันไอน้ำมันจากการทำอาหารเลอะ จะได้ทำความสะอาดง่ายค่ะ

 

ส่วนของซิงค์ล้างจานฝังมากับเคาน์เตอร์ครัวก็ได้ของ Teka เช่นกัน

 

ฝั่งตรงข้ามห้องครัวจะเป็นห้องน้ำเป็น Double Access สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งจากในห้องนอนและโซนหน้าห้อง ได้ความเป็นส่วนตัวสำหรับเวลามีเพื่อนมาที่ห้องก็ไม่ต้องเดินเข้าไปในห้องนอนของเราเพื่อเข้าห้องน้ำ

ภายในห้องให้สุขภัณฑ์และอ่างล้างมือของ Kohler (แบบเดียวกันทุกห้อง) ติดตั้งฉากกั้นกระจก Temper แยกโซนแห้ง-เปียกไว้ให้เรียบร้อย  ติดตั้งฝักบัวและจุดต่อเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้  โทนสีโดยรวมของห้องน้ำจะเป็นสีครีมนะคะ

 

เข้ามาในโซน รับประทานอาหารและโซนนั่งเล่น สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งได้  พอดีใช้งานได้จริงแบบไม่ต้องเคลื่อนย้าย

 

โซนนั่งเล่นติดประตูกระจกบ้านเลื่อนที่สามารถเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงได้ จุดนี้รับแสงได้ดีทำให้ห้องดูโปร่งและสว่าง สามารถวางโซฟาประมาณ 3 ที่นั่ง ไว้สำหรับนั่งดูทีวี หรือนั่งพักผ่อนได้ตามสบาย

 

พื้นที่ระเบียงกว้างพอประมาณ  สามารถทำเป็นมุมสวนเล็ก ๆ วางต้นไม้ เพิ่มความสดชื่นได้  โดยตำแหน่งวางคอยล์ร้อนแอร์จะหลบอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

 

ในส่วนของห้องนอนมีกระจกที่บานใหญ่และมีบานกระทุ้งไว้สามารถเปิดระบายอากาศได้   การติดม่านตัดแสงแบบนี้ดูทำให้ห้องนอนดูมีความโปร่งและสบายตา  ขนาดห้องวางเตียง 5 ฟุตได้กำลังดี

 

มีพื้นที่ให้สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ และห้องนี้สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยตรง สะดวกสบายค่ะ

 

ส่วนของตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่ทางโครงการทำการติดตั้งมาให้พร้อมส่งมอบ

 

---

---

---

ห้องแบบ 2 Bedroom

Type E1  พื้นที่ใช้สอย 57 ตร.ม.

 

แบบห้อง 2 Bedroom  ( 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ) ตำแหน่งห้องแบบนี้จะอยู่ตรงมุมอาคารทำให้มีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติได้จาก 2 ฝั่ง  ภายในแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้ดี  มีระเบียงขนาดใหญ่ในโซน Living area  ในส่วน Master bedroom จะได้กระจกเข้ามุม  มีห้องน้ำและมุม Closet area ในตัว  ส่วนห้องนอนเล็กถือว่าขนาดค่อนข้างใหญ่ วางเตียง 5 ฟุต ได้ด้วยค่ะ

 

ภาพรวมเมื่อเข้ามาภายในห้องนี้ส่วนแรกที่จะเห็นคือโซนครัว โดยทางขาวมือจะเป็นโซนทานอาหารและโซนนั่งเล่น เมื่อมองเข้าไปทางด้านในจะเป็นทางแยกสำหรับห้องนอนทั้งสองห้อง

 

โซนครัวมาให้มาครบเช่นกันทั้ง Built-in ตู้ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้าและซิงค์ล้างจาน ทำช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟไว้ให้เรียบร้อย

 

ต่อมาเป็นโซนนั่งเล่นและโซนรับประทานอาหาร จากโซนนี้จะสามารถเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงของห้องได้ แสงที่เข้ามาจากทางด้านระเบียง ทำให้บริเวณโซนนั่งเล่นโปร่ง โล่ง สบายตา

 

โซนนั่งเล่นตรงนี้จัดสัดส่วนเข้ามุมห้องได้พอดี สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ มีพื้นที่พอในการวางโต๊ะเล็กได้อีก 1 ตัว ส่วนของชั้นที่วางทีวีก็สามารถทำเป็นชั้นเก็บของเพิ่มได้สามารถมาตกแต่งได้ตามความชอบผู้อาศัยเลยค่ะ

 

ระเบียงมีพื้นที่มากพอจะสามารถเอาเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ สักตัวมาไว้เผื่อนั่งเล่นจิบกาแฟยามเช้าตรงระเบียงชมวิวก่อนออกไปทำงานได้

 

โซนทานอาหารสามารถวางโต๊ะทานข้าวประมาณ 4 ที่นั่งได้แบบสบาย ๆ และยังมีพื้นที่มากพอให้เดินได้แบบไม่อึดอัด โดยที่ด้านข้างเราก็สามารถทำเป็น Bulit-in ที่เก็บของและตู้โชว์เล็ก ๆ ได้อีกด้วย และฝั่งทางด้านซ้ายของตู้จะเป็นห้องน้ำ

 

ห้องน้ำในโครงการจะเป็นแบบห้องน้ำแบบสำเร็จรูปช่วยลดปัญหาการรั่วซึมได้ มาพร้อมฉากกั้นโซนแห้ง-เปียก เตรียมไว้เรียบร้อย มีสุขภัณฑ์ครบ

 

มาถึงฝั่งห้อง Master Bedroom  ตรงทางเข้าห้องนอนมีตู้เสื้อผ้า Built-in ไว้ให้  ในห้องตัวอย่างติดกระจกฝั่งตรงข้ามช่วยให้สเปซภายในดูกว้างขึ้นอีก  เอาไปใช้เป็นไอเดียกันได้ค่ะ

 

ห้องน้ำใน Master Bedroom แบ่งโซนแห้ง-เปียก ไว้เป็นสัดส่วน  มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครัน

 

สเปซภายใน Master Bedroom เมื่อวางเตียง 5 ฟุต ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างพอให้วางโต๊ะหัวเตียงเข้ามุมได้ทั้งสองฝั่ง  มีระยะปลายเตียงพอสมควร  วางโต๊ะเครื่องแป้งหรือจะทำเป็นมุมทำงานเล็ก ๆ แล้วก็ยังเหลือพื้นที่ใช้สอยพอเพียง  เดินเข้าออกได้สะดวกอยู่ค่ะ

 

ต่อมาเป็นห้องนอนที่ 2 จะอยู่ฝั่งติดห้องครัวตรงข้ามกับห้องนอนแรก พื้นที่ห้องนี้เล็กกว่าห้องแรกเล็กน้อย   แต่ก็สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ และยังมีพื้นที่เดินรอบเตียงได้ไม่คับแคบ

 

ถือว่าเป็นห้องนอนเล็กที่ขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ

 

โครงการทำ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เลย  แต่ดีไซน์อาจจะแตกต่างจากในห้องตัวอย่างนะคะ

---

---

---

  ห้องแบบ New Vertiplex (Type C)

พื้นที่ใช้สอย 40.5 ตร.ม. (ไม่รวมพื้นที่ด้านบน)

 

สำหรับห้องแบบ New Vertiplex จะอยู่เฉพาะชั้นสูงเท่านั้นและมีแบบแตกต่างกันถึง 6 แบบ  ความพิเศษของห้องแบบนี้คือเป็นห้องฝัาเพดานสูงถึง 4.4 เมตร พร้อมกระจก Full Height เต็มบาน  ได้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่บ้าน

แบบที่โครงการเอามาทำห้องตัวอย่างเป็นแบบ Type C ฟังก์ชันเป็นแบบ 2 Bedroom  แปลนชั้นล่างจะวางโซนการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ คล้ายกับแบบ 1 Bedroom จัดฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างดีแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างห้องครัวกับโซน Dining–Living Space ห้องน้ำเป็นแบบ Double access ที่สามารถเชื่อมกับโดยตรงกับ Master Bedroom  โดยจะออกโฉนดได้เฉพาะพื้นที่ชั้นล่างเท่านั้นนะคะ  ในส่วนของพื้นที่ชั้นลอยจะมีห้องนอนอีกห้องและมุมทำงานที่ใช้เป็น Working area ได้

 

บริเวณหน้าห้องเป็นส่วนห้องครัวเปิด  มีอุปกรณ์ให้ครบ ทั้งตู้ Built-in เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันเช่นกัน  ทำช่องไว้สำหรับเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟไว้เรียบร้อย

 

ห้องน้ำอยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว เป็นแบบ Double Access เข้าได้จากห้องนอนก็ได้ค่ะ  มีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ครบตามภาพเลย

 

เข้ามาด้านในเป็นโซนรับประทานอาหารและโซนนั่งเล่น  ได้กระจกแบบ Full Height เต็มบานช่วยสร้างความโปร่ง โล่ง น่าอยู่ให้กับสเปซภายใน

 

ในส่วนของห้องนอนห้องนี้วางเตียง 5-6 ฟุต ได้สบายและเหลือพื้นที่รอบเตียงเดินได้สะดวก  ไม่คับแคบ

 

บริเวณข้างเตียงวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ และมีพื้นที่สำหรับทำเป็นตู้โชว์ไว้วาง Art toy เอาไว้ดูฟิน ๆ หรือจะทำเป็นตู้เก็บของ กระเป๋า หรือหมวก ก็ดูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน ได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาด้วย

 

ห้องนอนนี้เข้าห้องน้ำได้โดยตรงเลย สะดวกมาก ๆ สำหรับการใช้งาน

 

กระจกเต็มบานกับฝ้าเพดานที่สูงถึง 4.4 เมตร ช่วยรับแสงได้ดีให้ความรู้สึกโปร่ง เหมือนได้นั่งอยู่ที่โถงในบ้านจริง ๆ  เราติดตั้งแชนเดอร์เลียหรือโคมไฟสวย ๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องน่าอยู่ได้อีก

 

โซนนั่งเล่นมุมตรงนี้ถ้านำ Sofabed แบบพับเก็บได้มาตั้งแล้วย้ายโต๊ะไปอยู่ด้านข้างแทนคงสบายไม่น้อย นั่งเล่น นอนเล่น  เป็นจุดที่สามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ตามความชอบให้กลายเป็นมุมโปรดของใครหลาย  ๆ คนได้เลยค่ะ

 

มุมมองจากชั้นลอยก็จะเห็นประมาณนี้ค่ะ เพดานสูงทำให้ห้องดูโปร่งสุด ๆ

 

มาต่อกันในส่วนของชั้นลอย เมื่อขึ้นบันไดมาส่วนแรกที่จะเห็นเลยคือมุมทำงาน ตรงตู้โชว์ข้าง ๆ โต๊ะก็สามารถดัดแปลงเป็นชั้นสำหรับวางหนังสือได้ หรือจะทำเป็น Studio เล็ก ๆ ก็ทำได้  ใช้เป็นมุมโปรดตามไลฟ์สไตล์ผู้อาศัยได้เต็มที่

 

มาถึงห้องนอนห้องบนชั้นลอย  โดยที่ตำแหน่งห้องนี้จะอยู่ตรงกับห้องนอนชั้นล่าง ส่งผลลักษณะการอยู่อาศัยที่ไม่รบกวนกัน  ผนังกั้นห้องนี้เป็นกระจกเต็มบาน  เปิดแอร์ในห้องนอนแยกส่วนได้และเป็นส่วนตัวค่ะ  ความสูงของฝ้าเพดานห้องนอนชั้นล่างจะอยู่ที่ 2.15 เมตร นะคะ

 

แม้จะเป็นห้องนอนในบนชั้นลอยก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะกระจกที่มองเห็นชั้นล่างทำให้ห้องรู้สึกโปร่ง โล่ง  เป็นสัดส่วนแต่ไม่ได้รู้สึกถูกปิดกั้น  ระยะความสูงของฝ้าชั้นบนอยู่ที่ 2.00 เมตร ค่ะ

SUMMARY