“Metris District Ladprao (เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว)”  โดย Major Development โครงการนี้เลือกทำเลที่เป็นจุดศูนย์กลางของ “ห้าแยกลาดพร้าว” ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รองรับไลฟ์สไตล์ของชีวิตทั้ง ทำงาน-กิน-เที่ยว-พักผ่อน-ออกกำลัง มีอินเตอร์เชนจ์ใหญ่ของ BTS ห้าแยกลาดพร้าว และ MRT พหลโยธิน และยังเป็นทำเลจุดเชื่อมต่อการเดินทางทั้งทางรถยนต์ที่เป็นจุดตัดของ 3 ถนนสำคัญได้แก่ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว 

โดยโครงการ Metris District Ladprao ทำห้องออกมารองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยพื้นที่ใช้สอย 23.7-49.6 ตร.ม. พร้อมด้วยส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบได้น่าใช้งาน ที่สำคัญคือเปิดราคาได้สนใจมากที่ 2.99 ล้านบาทเท่านั้น

ห้ามพลาด 5 – 6 มี.ค.นี้!

ลงทะเบียนรับโปรพิเศษวันงาน
พร้อมจับฉลาก ยูนิตพิเศษ Rare Items

คลิก! https://bit.ly/3C7yA2X

ฟรี!! iPad Pro*

ฟรี!! ทองคำหนัก 3 บาท*

เริ่ม 2.99 ลบ.*!! #การันตี ราคาดีที่สุดในลาดพร้าว

ถ้าคุณกำลังมองหาคอนโดที่ทำเลเด่นแบบนี้ ติดตามอ่านรีวิวนี้ต่อได้เลยครับ 

Metris District Ladprao
(เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว)

Location : ที่ตั้งโครงการ Metris District Ladprao

คอนโด เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ตัวโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าวใกล้กับซอยลาดพร้าว ซ.6 ทำให้การเดินทางเข้าออกโครงการถือว่าสะดวกสบายมาก และยังอยู่ห่างจาก MRT สถานีพหลโยธินเพียง 230 เมตรเท่านั้นเรียกว่าการเดินทางถือว่าสะดวกมากทีเดียว 

สำหรับตัวทำเลห้าแยกลาดพร้าวนับว่าเป็นทำเลคอนโดมิเนียมที่มีความสะดวกสบายรอบด้าน รองรับการใช้ชีวิตได้หลาก ๆมิติเลยครับ ไม่ว่าการเดินทาง ก็สะดวกทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัว และรถไฟฟ้า ด้วยตัวทำเลเป็นจุดตัดของ 3 ถนนสำคัญได้แก่ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ทำให้การขับรถยนต์เข้าเมืองไปทำงาน หรือไปที่สำคัญต่าง ๆ ได้สะดวกครับ

นอกจากนี้ห้าแยกลาดพร้าวก็ยังมีจุดเด่นเรื่องการเดินทางระบบรางด้วยนะครับ เพราะมีรถไฟฟ้าทั้ง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน โดยมีอินเตอร์เชนจ์สำคัญถึง 2 จุด นั่นคือ อินเตอร์เชนจ์ห้าแยกลาดพร้าวซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อของ BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว กับ MRT สถานีพหลโยธิน ทำให้ทำเลนี้มีผู้คนเดินทางเข้าออกเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าที่สถานีนี้เป็นจำนวนมาก

สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ ก็นับว่าเดินทางได้สะดวกมากทีเดียว เพราะอย่างที่ได้บอกไปว่าตรงนี้มีตัวเลือกทั้งรถไฟฟ้า  MRT และ BTS ครับ โดยสถานีใกล้ที่สุดจะเป็น MRT สถานีพหลโยธินที่อยู่ห่างไปแค่ 230 เมตร หรือถ้าจะใช้งาน BTS ก็สามารถใช้ Skywalk เดินไปยังสถานี BTS ห้าแยกลาดพร้าวได้ครับ โดยจะมีระยะห่างประมาณ 800 เมตร ด้วยความสะดวกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้งสองสาย ทำให้จากโครงการ Metris District ลาดพร้าว สามารถเดินทางไปยังสถานที่ทำงาน สถานศึกษา ศูนย์การค้า ย่านไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ตามแนวรถไฟฟ้าอย่างเช่น โซนรัชดาภิเษก พระราม 9 พหลโยธิน สยาม อโศก สุขุมวิท สีลม ได้สะดวกทีเดียวครับ

MRT สถานีพหลโยธินห่างจากโครงการเพียง 230 เมตร

BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว

Skywalk อำนวยความสะดวกในการเดินเชื่อมต่อศูนย์การค้า และรถไฟฟ้า

นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว ที่นี่ยังนับเป็นโซนเศรษฐกิจสำคัญทางตอนเหนือของกรุงเทพ โดยมีทั้งย่านอาคารสำนักงาขนาดใหญ่ เช่น สำนักงานใหญ่บริษัทการบินไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ สำนักงานใหญ่ ปตท. กระทรวงพลังงาน อาคารเอ็นเนอร์จี้คอมเพล็กซ์ อาคารซันทาวเวอร์ ฯลฯ รวมถึงยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารชื่อดัง รวมไปถึงสตรีทฟู้ดส์ให้ได้เลือกเดินชิมง่าย ๆ สบายกระเป๋าด้วยครับ 

เซ็นทรัล ลาดพร้าว อยู่ใกล้โครงการแบบเดินไปได้

ยูเนี่ยนมอลล์

ด้านสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่นี่ก็มีจุดเด่นไม่แพ้ทำเลในเมืองครับ เพราะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง ได้แก่ สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์  และสวนวชิรเบญทัศน์ (สวนรถไฟ) เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ จะไปเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานออกกำลัง หรือจะชงกาแฟใส่กระติกแล้วหามุมเหมาะ ๆ นั่งเพลิน ๆ ไปกับธรรมชาติก็เข้าท่านะครับ  

พื้นที่สวนจตุจักรเป็นพื้นที่สีเขียวที่ช่วยเพิ่มมิติด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของคนเมืองได้ดีทีเดียวครับ

นอกจากนี้ทำเลห้าแยกลาดพร้าว ก็นับว่าเป็นอีกทำเลสำคัญที่ได้รับปัจจัยบวกจากการพัฒนาโปรเจคขนาดใหญ่ในอนาคตของทั้งภาครัฐ และเอกชน เช่น 

• HUB ของการเดินทางระบบราง และรถไฟความเร็วสูงที่สถานีกลางบางซื่อ 
• ถึงการพัฒนาพื้นที่โดยรอบเป็นศูนย์คมนาคมพหลโยธินให้เป็นสมาร์ทซิตี้แห่งใหม่ ที่ประกอบด้วย ศูนย์กลางธุรกิจ ศูนย์แสดงสินค้า และงานประชุม ศูนย์ราชการ ศูนย์การค้า พื้นที่อยู่อาศัย และโครงการมิกซ์ยูส
• โครงการ หมอชิต คอมเพล็กซ์ ใกล้กับซอยเฉยพ่วง ภายในประกอบด้วย อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ศูนย์การค้า อาคารจอดรถ ศูนย์ประชุม และ สถานีรับส่งผู้โดยสารของ บขส.
• รถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในระยะไม่ไกลจากโครงการเมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว

ด้วยความสะดวกสบายที่ครบครันในแทบทุกมิติ ทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งชอปปิ้ง และแหล่งงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมอยู่ครบถ้วน รวมถึงโปรเจคการพัฒนาใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ห้าแยกลาดพร้าวกลายเป็นทำเลมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องครับ สามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า และยังเพิ่มมูลค่าตามเวลาได้ดีครับ

PROJECT WALKTHROUGH

สำหรับการเดินทางมายังโครงการก็สะดวกมากทั้งด้วยรถไฟฟ้า MRT และ BTS โดยหากมาจาก MRT พหลโยธินก็ให้เลือกทางออกประตู 1 แล้วเดินย้อนไปทางแยกรัชดา-ลาดพร้าวแค่ 230 เมตรเท่านั้นครับ ส่วนถ้าหากมาจากรถไฟฟ้า BTS ก็ให้ลงที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว แล้วเดินต่อมาทาง Skywalk จากนั้นสามารถข้ามถนนแล้วใช้เส้นทางเดียวกับการมา MRT ได้เลยครับ 

ส่วนใครที่ขับรถยนต์มาหากมาจากแยกรัชดา-ลาดพร้าว ให้ขับตรงไปทางห้าแยกลาดพร้าวประมาณ 1.3 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการ ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นสำนักงานขายอยู่ครับ หรือหากมาจากห้าแยกลาดพร้าวให้ขับตรงไปประมาณ 700 เมตร แล้วกลับรถ จากนั้นขับมุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าวประมาณ 200 เมตรก็จะถึงที่ตั้งโครงการครับ

ที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดกับ Metris Ladprao ตึกสีเขียวในรูปครับ โดยก่อนถึงโครงการจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ 7-11 เปิดให้เราซื้อของกินของใช้ติดมือกลับบ้านได้ 

เดินจาก MRT พหลโยธินไม่ไกลก็ถึงสำนักงานขายโครงการแล้วครับ ด้านหน้าทำซุ้ม และป้ายโครงการไว้สวยงามเลย

บรรยากาศภายในสำนักงานขายของโครงการครับ

ภายใน Sale Gallery จะมีคาเฟ่จากร้าน Proper Space เปิดให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาชมห้องตัวอย่างด้วยนะครับ ว่าง ๆ ก็มาสั่งกาแฟร้อน ๆ หอมกรุ่นดื่มได้นะ

เมนูเครื่องดื่มของร้าน Proper Space จะมีทั้งที่เป็น Coffee และ Non-Coffee นะครับ ตรงนี้ลูกค้าสามารถสั่งกับทางร้านได้เลย

อาหารทานเล่นก็มีครัวซ็องด้วยนะครับ รสชาติก็อร่อยดีนะ สั่งมาทานคู่กับกาแฟร้อน ๆ คือลงตัวมาก

งานออกแบบสถาปัตยกรรม Metris District Ladprao

โครงการเมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ตัวโครงการเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ 1 อาคาร สูง 45 ชั้น สร้างบนพื้นที่ดินขนาด 3-2-14.3 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 741 ยูนิต 

งานออกแบบโครงการได้นำแนวคิด “Juxtaposition” ที่นำความแตกต่างอย่างสุดขั้วมาจัดวางร่วมกันได้อย่างลงตัว สร้างสรรค์ฟังก์ชันใหม่ๆ ให้กับพื้นที่ภายในคอนโดเพื่อสื่อถึงความเป็นที่สุดบนทำเลห้าแยกลาดพร้าวครับ 

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางโครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ออกแบบโดยใช้คอนเซปต์ MAXIMALIFE ให้ชีวิตไร้ขีดจำกัดตอบโจทย์ชีวิต Next Normal เพื่อให้ภายในโครงการมีพื้นที่ส่วนกลางครบครันมากที่สุดด้วย Maximal Facilities อาทิ เช่น Multi Sport Carpark พื้นที่จอดรถที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นสนามบาส และลูปสำหรับวิ่งระยะ 110 เมตร

พื้นที่ส่วนกลางในโครงการ Metris District ลาดพร้าว  ออกแบบมารองรับวิถีชีวิตใหม่แบบ  NEXT Normal  โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด และการลดการสัมผัส ทางเข้าโครงการใช้ประตูอัตโนมัติ  มีหลอด UVC สำหรับฆ่าเชื้อในห้องที่ส่งพัสดุ,  ลดการสัมผัสโดยใช้ลิฟต์แบบ Touchless ซึ่งตรงนี้ในช่วง COVID  คนที่อยู่คอนโดทุกคนคงทราบกันดีว่าเป็นจุดที่ต้องสัมผัสร่วมกันบ่อยที่สุด

เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยยุค Next Normal ที่ถูกนำมาใช้ภายในโครงการ 

นอกจากนั้นโครงการก็ยังเตรียม  Wireless Charger เอาไว้ในจุดสำคัญต่างๆ  ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้บริการกันได้  มี EV Charger ตามแบบฉบับของคอนโดยุคใหม่  ส่วนในห้องทุกยูนิตก็มีระบบ Home Automation ให้เป็นมาตรฐานครับ

มาดูที่ Master Plan ตัวโครงการมีทางเข้าออกอยู่ติดกับถนนลาดพร้าวเลย ทำให้การเดินทางเข้าออกถือว่าสะดวกสบายครับ เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในโครงการก็จะแบ่งออกเป็นสองโซนหลัก ๆ ได้แก่ ได้แก่พื้นที่ส่วนกลางแบบ Outdoor ประกอบด้วย Sensory Garden และ Multi Sport Carpark อีกโซนจะเป็นอาคารพักอาศัยสูง 45 ชั้น

ด้านนอกอาคาร Multi sport car park เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผสมผสานพื้นที่สวนหย่อม-ที่จอดรถ-สนามสตรีทบาส แต่งแต้มด้วยสีสันที่ฉูดฉาดไม่ธรรมดาอย่างสีเหลือง สีแดง ที่ดูคอนทราสกับความเขียวของต้นไม้โดยรอบ เกิดเป็นพื้นที่พักผ่อนที่หลากหลายอารมณ์ รวมถึงยังใช้งานได้หลากหลาย เช่นใช้เล่นบาส หรือเป็นที่จอดรถเพิ่มเติมได้อีก 19 คัน เวลาที่พื้นที่จอดรถในอาคารเต็มได้ครับ

ภายในอาคารพักอาศัยจะจัดพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ที่ชั้น 1 ชั้น 8 ชั้นที่ 43 ชั้น 44 และที่ Roof Top ครับ โดยที่ชั้น 1 จะมี Double Volume Lobby ใช้งานเป็นส่วนต้อนรับสำหรับรับแขก หรือคุยธุระต่างๆ  เซ็นเอกสารได้ และมี Co Working Lounge สำหรับใช้เป็นพื้นที่ทำงานอยู่เป็นส่วนต่อเนื่องกับ  Lobby และมี Retail Space ทั้งหมด 3 ร้านอยู่ใกล้กับส่วนทางเข้าของโครงการเพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อาศัยภายในโครงการ นอกจากนี้ด้านหลังของโครงการยังมีพื้นที่สำคัญอีก 1 จุดนั่นคือ Pet Park ที่ลูกบ้านในโครงการสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ออกกำลังกายได้ด้วยครับ

Double Volume Lobby เพดานสูง 5.4 เมตร ที่เชื่อมต่อกับสวน  การออกแบบเลือกใช้วัสดุในส่วนนี้สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ Metris ที่เป็นงานออกแบบในรูปแบบของ Mid- Century Modern Design  ใช้เส้นสายที่มีความเรียบง่ายมาสร้างรูปทรงที่มีเอกลักษณ์  ลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป  มีการเล่นกับผิวสัมผัสของวัสดุที่แตกต่างกัน

พื้นที่ Co-Working lounge จะเห็นการใช้สีสันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  มีการใช้วัสดุตกแต่งผสมผสานกันทั้งโลหะ  ไม้  และกระเบื้อง  นอกจากนั้นยังมีเก้าอี้สวยๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของงานออกแบบยุค Mid century modern โดยเฉพาะด้วยครับ

ส่วนชั้นที่ 3-7 จะเป็นพื้นที่จอดรถครับ ดังนั้นเราจะข้ามมายังชั้นที่ 8 เลย โดยชั้นนี้จะมีทั้งพื้นที่ๆเป็นส่วนกลาง และพื้นที่พักอาศัยครับ โดยโครงการจะแบ่งแยกโซนด้วยประตูกั้นระหว่างโซนห้องพักอาศัยกับพื้นที่ส่วนกลางที่บริเวณโถงลิฟท์ครับ ดังนั้นคนที่จะเข้าออกผ่านประตูนี้ก็จะมีแต่ผู้ที่พักอาศัยในชั้นนี้เท่านั้น 

ชั้นที่ 9-23 จะเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด โดยจะมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 25 ยูนิตครับ พร้อมกับมีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 4 ตัวครับ

อีกหนึ่งสิ่งที่โครงการ Metris District ladprao นำเสนอได้น่าสนในคือ Sky Botanique สวนสีเขียวสไตล์ Vertical Garden ที่วางอยู่นอกชานของตัวอาคารเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 24 ชั้น 26 ชั้น 29 ชั้น 33 ชั้น 36 ชั้น 39 และชั้นที่ 42 ไล่ระดับไปจนถึงชั้น Rooftop ซึ่งลูกบ้านที่พักอาศัยอยู่ในชั้นนั้น ๆ สามารถมาใช้งานนั่งพักผ่อนรับวิวได้ด้วยครับ

อย่างที่รู้กันครับว่าเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ เค้ามีชื่อเสียงเรื่องคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้มายาวนาน โครงการนี้จึงมีส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะที่ชั้น 42 จะมี Cat Huas พื้นที่พิเศษสำหรับคนรักแมวด้วยนะครับ ภายในห้องจะมีอุปกรณ์ เครื่องเล่นสำหรับแมว คอนโดแมว ให้น้อง ๆ ได้เล่นผจญภัยอย่างสนุกสนาน

บนชั้นที่ 43 – 44 จัดเอาไว้เป็นชั้นส่วนกลางลอยฟ้ามีทางเดินเชื่อมระหว่างชั้น โดยชั้นที่ 43 จะมี Sky Pool ยาว 26.5 เมตร มีทั้งส่วนที่อยู่ในร่ม และที่อยู่กลางแจ้งครับ ใกล้ ๆ กันมีสระเด็กติดกับมุมสวนพร้อม Sunbed รวมถึงมีโซน Jacuzzi ที่ออกแบบให้อยู่หลบมุมเพื่อใช้พักผ่อนรับวิวเมืองแบบไพรเวทได้ 

สระว่ายน้ำจะมีทั้งส่วนที่อยู่กลางแจ้ง และที่อยู่ในร่มครับ ทำให้เราสามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลัง หรือเล่นน้ำได้ทั้งวันไม่ต้องกลัวแดดร้อนครับ

บรรยากาศวิวเมืองจาก Sky Pool ครับ รับวิวเมืองได้กว้างมากครับ

สำหรับส่วนกลางภายในอาคารจะมี Panoramic Gym และ Weight Training Studio ที่ออกแบบรับวิวเมืองมุมกว้างผ่านหน้าต่างสูงพิเศษแบบเต็มบาน พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังครับ

ส่วนชั้นที่ 44 เป็นส่วน Sky Lounge ใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน พูดคุยเพลิน ๆ ไปกับบรรยากาศวิวเมืองมุมสูงได้

ชั้นที่ 45 Sky Urban Farm พื้นที่สวนครัวให้ลูกบ้านสามารถปลูกพืชผัก และมี Pantry Deck สำหรับใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์ปาร์ตี้เล็ก ๆ ด้วยกันได้

Floor Plan Metris District ลาดพร้าว

สำหรับแปลนห้องของโครงการ  Metris District ลาดพร้าว จะมีแบบห้องหลัก ๆ ให้เลือกทั้งหมด 5 แบบดังนี้ครับ 

• Studio : 23.7 – 24.8 ตารางเมตร
• 1 Bedroom : 28.0 – 31.8 ตารางเมตร
• 1 Bedroom Plus  : 34.1 – 34.7 ตารางเมตร
• 2 Bedroom 1 Bathroom : 42.0 – 42.6  ตารางเมตร
• 2 Bedroom 2 Bathroom : 49.6  ตารางเมตร

Room Type

สำหรับยูนิตพักอาศัยในโครงการ Metris District ลาดพร้าว  จะขายเป็นห้องแบบ Fully Furnished ทั้งหมด โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้มาพร้อมกับห้องจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก ๆ ทั้งหมด ได้แก่ ตู้วางโทรทัศน์ โซฟา Coffee table โต๊ะ-เก้าอี้ทานอาหาร เตียงนอนขนาด 5 ฟุต โต๊ะข้างเตียง โต๊ะ-เก้าอี้สำหรับทำงานแบบ Work from Home และตู้เสื้อผ้า  

โดยภายในห้องจะมีระบบ Home Automation ติดตั้งให้ พร้อมกับอุปกรณ์ ได้แก่ 

• Smart Switch สวิทซ์ระบบสัมผัสควบคุมสวิทซ์ไฟภายในห้อง และสั่งการผ่านแอปพลิเคชั่น หรือ SIRI ได้ครับ
• IR Sensor สำหรับควบคุมสั่งการอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ 
• Door Sensor สามารถตรวจสอบเวลาเข้าออกได้ รวมถึงตั้ง Welcom Sense เพื่อสั่งเปิดไฟ เครื่องปรับอากาศได้ทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง
• Smart Plug ปลักไฟฟ้าสามารถตั้งเวลา สั่งการเปิดปิดได้
• IP Smart Camera ตรวจสอบความเคลื่อนไหว สามารถพูดคุยกับคนในห้องผ่านแอปพลิเคชันมือถือได้

นอกจากนี้ภายในห้องยังคำนึงถึง Wellness ของทั้งผู้อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง โดยใช้เลือกใช้วัสดุตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดสารพิษ ยับยั้ง และไม่สะสมเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่

• วัสดุปูพื้นใช้ SPC Floor จากแบรนด์ Cotto ที่นอกจากมีสีสันลวดลายคล้ายไม้แล้ว ยังทนทาน ทำความสะอาดง่าย ปลวกไม่กินด้วยครับ
• พื้นส่วนห้องน้ำใช้กระเบื้อง Hygienic Tile คุณสมบัติปล่อยประจุลบช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้กว่า 90% ทน แข็งแรง ทำความสะอาดง่าย และยังเป็นวัสดุชนิด Non-Toxic ปลอดภัยกับทั้งคน และสัตว์เลี้ยงครับ
• สีที่ใช้ทาภายในห้องเป็น Duraclean A+ ที่ปลอดกลิ่น ลดสารก่อมะเร็ง ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย 99%
• ระบบฟอกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง  Nanoe-X ยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ เกสรดอกไม้ สารก่ออันตราย 

ในส่วนของห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายจะมีด้วยกัน 2 แบบครับ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 28.0 – 31.8 ตร.ม. และแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (พลัส) พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.7 ตร.ม.

… … … … … … … … … … … … … … … … … … …

ห้องตัวอย่าง Metris District ลาดพร้าว แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 28.0 – 31.8 ตร.ม.

ห้องนี้มีจุดเด่นด้วยการออกแบบให้เป็นห้องลักษณะหน้ากว้างครับ ทำให้การแบ่งส่วนใช้สอยภายในห้องทำได้น่าอยู่ทีเดียว เนื่องจากมีห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ รวมถึงการแยกฟังก์ชัน แบ่งสัดส่วนใช้สอยที่ชัดเจนระหว่างห้องนอน – ห้องนั่งเล่น – ห้องครัวปิดด้วยบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height

ส่วน Living Area จัดให้ส่วนนั่งเล่น และ ส่วนรับประทานอาหารอยู่ร่วมกัน ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ทำให้เราสามารถนั่งทานข้าวพร้อมกับดูโทรทัศน์ไปด้วย หรือปรับเปลี่ยนโต๊ะทานอาหารเป็นโต๊ะทำงานเวลา Work From Home ก็ได้ครับ

อีกฝั่งของห้องโครงการให้ตู้วางโทรทัศน์มาด้วย โดยขาโต๊ะจะเป็นโครงเหล็กสีดำ ตัวตู้แบ่งช่องเป็นบานเปิดให้อีก 3 บานใช้เก็บข้าวของต่าง ๆ ในห้องส่วนนั่งเล่นได้เป็นระเบียบมากขึ้น

สำหรับการเลือกใช้งานโทรทัศน์ เราสามารถเลือกโทรทัศน์ได้ตั้งแต่ขนาด 36 นิ้ว ไปจนถึง 42 นิ้วได้เลยครับ โดยหากเราเลือกใช้จอภาพที่ไม่ใหญ่มากก็อาจเลือกติดขาแขวนกับผนังห้องจะช่วยให้จอภาพอยู่ในระดับสายตา เพื่อให้ดูโทรทัศน์ได้สะดวกทั้งจากโซฟา และโต๊ะอาหารที่จัดอยู่ด้านหลัง

สำหรับโซฟาที่โครงการให้จะเป็นโซฟาผ้านะครับ

ด้านหลังโซฟาเป็นโต๊ะทานอาหาร โดยโครงการจะให้ชุดโต๊ะ-เก้าอี้ทานอาหารมาพร้อมกับห้อง ตัวโต๊ะจะมีความสูงพ้นตัวโซฟาทำให้สามารถมองผ่านไปยังจอโทรทัศน์ได้สบาย ๆ ไม่ติดขัดอะไรครับ

ห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Living Area ครับ ประตูทางเข้าอยู่ข้างตำแหน่งติดตั้งโทรทัศน์ครับ 

ภายในห้องน้ำก็จะเลือกใช้กระเบื้องที่ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงยังเลือกใช้กระเบื้องพื้นผิวหยาบเพื่อให้ยึดเกาะกับเท้าของเราได้ดี ลดอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำด้วยครับ โดยสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ที่โครงการให้มาจะมีอ่างล้างมือ และกระจกเงาไว้ตรงกับประตูห้องน้ำ อ่างล้างมือเป็นแบบฝังลงเคาน์เตอร์ มีช่องเก็บของใต้อ่าง โดยห้องน้ำก็จะเลือกใช้กระเบื้องที่ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงยังเลือกใช้กระเบื้องพื้นผิวหยาบเพื่อให้ยึดเกาะกับเท้าของเราได้ดี ลดอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำด้วยครับ

ด้านข้างเป็นโถสุขภัณฑ์ครับ ทางโครงการใช้เป็นสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวจากแบรนด์ Cotto ขนาดของที่นั่งก็ถือว่ากำลังดีไม่เล็กไม่สั้นไปครับ ส่วนตำแหน่งสายชำระจะอยู่ด้านขวามือ ส่วนซ้ายมือเป็นที่ใส่กระดาษชำระครับ

กระจกเงาที่ติดตั้งมีช่องเก็บของ เช่น แก้วน้ำ แปรงสีฟัน หลอดยาสีฟันได้

ด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำโดยจะมีฉากกั้นบานเลื่อน 3 ตอนครับ ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเลอะพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในห้องน้ำ

ด้านในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งชุดก๊อก ฝักบัว มีราวเลื่อนปรับระดับพร้อมที่วางสบู่ และทำช่องสำหรับวางของเช่น ขวดสบ่เหลว ขวดแชมพูมาให้ครับ

มาดูในส่วนของห้องครัวกันต่อครับ ในห้องแบบ 1 bed ของ Metris District ลาดพร้าว โดยเราจะได้ครัวปิดมีประตูบานเลื่อนกระจกติดตั้งให้ ช่วยให้เราทำอาหารได้สะดวกขึ้น ป้องกันกลิ่น ควันจากในห้องครัวมารบกวนพื้นที่ส่วนอื่น ๆ

ห้องครัวให้พื้นที่มากว้างขวางดีเลยครับ โดยจัดวางชุดครัวไว้ใกล้ประตูบานเลื่อนที่กั้นระหว่าง Living Area ถัดไปตำแหน่งวางตู้เย็น และด้านนอกระเบียงเป็นที่วางเครื่องซักผ้าครับ  ภายในห้องครัวเว้นช่องทางเดินไว้ค่อนข้างกว้างดีเดียว ทำให้เดินเข้าออกเพื่อใช้งานส่วนต่าง ๆ ได้สะดวกดีเลยครับ หรือถ้าใครเลี้ยงน้องหมาน้องแมวอาจวางถาดน้ำถาดอาหารไว้ตรงนี้ก็ได้นะ จะได้ไม่เลอะภายในตัวห้องครับ

ชุดครัวที่โครงการให้มาจะมีทั้งตู้ตั้งพื้น และตู้แขวนผนัง โดยด้านขวามือเป็นตู้ใต้ซิงค์ล้างจาน 1 ใบ หน้าบานจะเป็นบานเปิดปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้ครับ ส่วนด้านซ้ายมือแบ่งเป็น 3 ช่อง ชั้นบนมีบานลิ้นชักสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม ช่องกลางเว้นไว้สำหรับวางไมโครเวฟ 

ลิ้นชักบนจะมีถาดเก็บช้อนส้อมให้มากับชุดครัวด้วยครับ

ตู้ลิ้นชักสำหรับเก็บของใช้อื่น ๆ ได้ครับ หรืออาจหาตัวแบ่งช่องเก็บของมาใช้เพื่อให้สามารถเก็บของเป็นระเบียบมากขึ้นได้ครับ 

ท็อปของเคาน์เตอร์เป็นหินควอทซ์ ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ความชื้น ความร้อนได้ดี บนท็อปของครัวมีซิงค์ล้างจานแบบหลุมฝังลงเคาน์เตอร์พร้อมฝาปิดครับ ซึ่งเราสามารถปิดฝานี้เวลาเตรียมอาหารก็จะมีพื้นที่ให้ใช้งานมากขึ้น สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่โครงการให้มาด้วยจะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า และฮู้ดดูดควันแบบ Slimline ของ Hafele ครับ

สำหรับตู้แขวนผนังจะให้มา 2 ใบ ใบซ้ายมือจะเป็นตู้ติดฮู้ดดูดควันครับ ด้านในก็จะส่วนปิดท่อดูดควัน สามารถใช้วางเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อยู่ครับ ส่วนใบขวามือแบ่งช่องเป็นตู้บานเปิดมีตัวแบ่งด้านในเป็น 3 ชั้น ด้านข้างจะทำเป็นช่องวางของอย่างเช่นหลวดโหล ขวดกาแฟได้ครับ  

กลับมาต่อที่ห้องนอนกันครับ ภายในห้องนอนจะวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์โดยเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ทางซ้ายมือจะเป็นมุม Work from home ด้านขวามือเป็นตู้เสื้อผ้า ส่วนด้านในของห้องเป็นตำแหน่งเตียงนอนครับ โดยที่โครงการให้มาจะเป็นขนาด 5 ฟุต มีเฮดบอร์ดปิดผิวลายไม้สีเข้มครับ ที่ฐานเตียงมีลิ้นชักเก็บของให้ โดยตำแหน่งเตียงนอนจะอยู่ใกล้กับหน้าต่างของห้องช่วยให้รับแสงธรรมชาติผ่านหน้าต่าง และยังสามารถรับวิวเมืองภายนอกได้ด้วย

มุม Work from home เราสามารถปรับเปลี่ยนใช้งานอย่างอื่นได้ เช่น ถ้าต้องการให้มุมนั่งทำงานมีความเป็นส่วนตัวสักหน่อย เช่นเวลา Video Conference แต่เราไม่อยากให้เห็นภายในห้องนอน ก็สามารถย้ายไปไปที่ส่วนก็อาจปรับมุมนี้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วย้ายมุมนั่งทำงานไปในส่วน Living Area ได้ด้วยเช่นกันครับ 

สำหรับตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้มาเป็นตู้ 3 บานเปิด ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในคอนโดมิเนียม ภายในตู้แบ่งช่อง ติดราวแขวนเสื้อผ้าให้สามารถแขวนกางเกง เดรสต่าง ๆ ได้

… … … … … … … … … … … … … … … … … … …

ห้องตัวอย่าง Metris District ลาดพร้าว แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (พลัส) พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.7 ตร.ม.

ยูนิตแปลนของห้องนี้จะแบ่งส่วนใช้สอยออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ครับ โดยส่วนแรกเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเจอกับ Living Area ที่มีขนาดกว้างขวางเป็นพิเศษรวมเอาทั้งครัวเปิด ส่วนนั่งเล่น และส่วนรับประทานอาหารไว้ในพื้นที่เดียวกัน มีห้องอเนกประสงค์พื้นที่ค่อนข้างกว้าง และมีห้องนอนที่ขนาดกำลังพอดี ๆ 

เริ่มจากพื้นที่ส่วนแรกกันก่อนนั่นคือ Living Area อย่างที่ได้บอกไปครับว่าส่วนนี้จัดพื้นที่แบบ Combine Space โดยรวมส่วนนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร และครัวเปิดไว้ด้วยกันในพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้เราสามารถใช้งานนั่งเล่น ดูโทรทัศน์ไปด้วยทานข้าวไปด้วยพร้อม ๆ กันได้ หรือจะปรับเปลี่ยนโต๊ะทานอาหารให้เป็นโต๊ะทำงานสำหรับ Work from home ก็ได้เช่นกันครับ

ใน Living Area จะได้เฟอร์นิเจอร์ที่มาได้พร้อมกับได้แก่ ชุดโซฟาผ้า 2 ที่นั่งครับ ตู้โทรทัศน์ส่วนขาเป็นโครงเหล็กสีดำแบบด้านบนเป็นตู้ไม้บานเปิดปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้สีเข้มครับ

ชุดครัวจะได้ทั้งตู้ตั้งพื้น และตู้แขวนผนังครับ โดยตู้ตั้งพื้นบานซ้ายมือจะเป็นตู้ใต้ซิงค์ล้างจานครับ ตรงกลางเว้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ส่วนทางขวามือจะแบ่งเป็น 3 ช่อง ชั้นบนเป็นลิ้นชักเก็บช้อนส้ม ช่องกลางใส่ไมโครเวฟ และช่องล่างจะได้ตู้บานเปิดใต้ซิงค์ล้างจาน ตู้ด้านข้างแบ่งช่องเป็นบานเปิด และตู้ลิ้นชักไว้เก็บของใช้ชิ้นใหญ่หน่อยได้ครับ 

ส่วนท็อปของครัวเป็นหินควอทซ์ครับ ตัวก๊อกน้ำ ซิงค์ล้างจานใช้แบรนด์ hafele โดยซิงค์เป็นแบบฝังลงเคาน์เตอร์มีฝาปิด

เตาที่ได้จะเป็นแบบแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว พร้อมฮู้ดดูดควันแบบ Slim Line จาก Hafele

ส่วนถัดมาจะเป็นห้องอเนกประสงค์ครับ พื้นที่ตรงส่วนนี้จะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นส่วนระหว่าง living Area ให้ครับ โดยในห้องจริงตอนส่งมอบจะเป็นห้องเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะครับ ซึ่งเจ้าของห้องก็สามารถเลือกใช้งานได้ตามที่ต้องการ เช่น ใช้เป็นห้องนอนพิเศษอีกหนึ่งห้อง หรือทำเป็นห้องทำงานจริง ๆ จัง ๆ อีกสักห้องก็ได้ครับ หรือหากต้องการใช้เป็นพื้นที่อื่น ๆ เช่น ห้องทำงานสำหรับ work from home ก็สามารถทำได้ครับมีพื้นที่ให้จัดเฟอร์นิเจอร์ของใช้อื่น ๆ เช่น โต๊ะทำงาน ตู้เล็ก ๆ สำหรับเก็บของใช้ต่าง ๆ ก็ยังได้

สำหรับระเบียงจะอยู่ที่ห้องอเนกประสงค์นะครับ โดยพื้นที่ส่วนระเบียงถือว่ากว้างขวางดี ที่ระเบียงมีก๊อกน้ำสำหรับซักล้างได้ ส่วนด้านบนเป็นตำแหน่งติดตั้งคอนเดนซิ่งยูนิตเครื่องปรับอากาศ โดยตรงนี้จะมีกริลติดตั้งเพื่อเพิ่มความเป็นระเบียบสวยงามให้ครับ

ภายในห้องนอนจะจัดส่วนเตียงนอนเอาไว้ด้านในสุดใกล้กับหน้าต่างของห้อง เตียงนอนที่โครงการให้มาเป็นขนาด 5 ฟุต  

ฝั่งข้างหน้าต่างมีโต๊ะข้างเตียงอีก 1 ตัว พื้นที่ส่วนเตียงนอนจะเว้นช่องทางเดินรอบเตียงให้สามารถเข้าออกใช้งาน และทำความสะอาดได้ง่าย

ตู้เสื้อผ้าจะเป็นตู้แบบ 3 บานเปิด วัสดุของบานตู้เป็นไม้ยางพาราเช่นเดียวกันครับ ภายในตู้แบ่งช่องเก็บของ มีราวแขวนเสื้อผ้า ด้านบนเป็นชั้นสำหรับเก็บหมอน ผ้าห่มได้ 

ข้างตู้เสื้อผ้าคือประตูเปิดไปยังห้องน้ำครับ โดยห้องน้ำของยูนิต 1 ห้องนอนพลัสนี้จะสามารถเข้าออกแบบ Double-Access ได้โดยตรงจากทั้งห้องนอน และ Living Area ครับ ทำให้การใช้งานมีความสะดวกสบายมากขึ้น

สุขภัณฑ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำถูกจัดไว้ที่ผนังฝั่งเดียวกันทั้งหมด โดยเรียงจากอ่างล้างมือพร้อมชั้นวางของใต้อ่าง ด้านบนอ่างมีตู้กระจก ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวเว้นพื้นที่รอบโถให้ใช้งานได้สะดวก ทำความสะอาดได้ง่าย โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้แบรนด์ Cotto ครับ ยกเว้นตู้กระจกที่เป็นงาน Custom Made

พื้นที่อาบน้ำติดตั้งฉากกั้นเป็นกระจกบานเลื่อนให้มาพร้อมกับห้องครับ โดยด้านในจะมีก๊อกพร้อมฝักบัวอาบน้ำของ Cotto ติดตั้งให้ครับ