หลังจากไม่ถึงสองเดือนก่อนทางเซ็นทรัลเพิ่งเปิด Central Plaza Westgate อย่างเป็นทางการ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตกไปแล้ว ปลายปีนี้ทางเซ็นทรัลพร้อมบุกตลาดฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ตามติดกันมา ในชื่อ Central Festival East Ville (เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์) ซึ่งใกล้จะเปิดบริการในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ค่ะ
Central Festival East Ville เป็นเซ็นทรัลเฟสติวัลสาขาแรกที่อยู่ในกรุงเทพฯ เป็นศูนย์การค้าแบบ Open Air ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มาในคอนเซปต์ “Bangkok Escape” ด้วยแรงบันดาลใจจากย่านไลฟ์สไตล์ในมหานครแห่งศิลปะ แฟชั่น และ Lifestyle ของโลกอย่าง “มีท แพคกิ้ง ดิสทริค” ในนิวยอร์ค, “โคเวนต์ การ์เด้น” ในลอนดอน และ “โอโมเตะซันโดะ” ในโตเกียว ผสมผสานความเป็นศิลปะ และธรรมชาติ เชื่อมพื้นที่ Outdoor และ Indoor เข้าด้วยกัน ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มรื่น เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนเมืองได้มาพักผ่อนหลีกหนีความวุ่นวาย
เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสท์ วิลล์ อยู่บนพื้นที่ขนาด 51 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือเลียบทางด่วนรามอินทรา ติด Tesco Lotus Extra สาขารามอินทรา ตรงข้าม CDC เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยในย่านวัชรพลและใกล้เคียง เนื่องจากในย่านนี้มีศักยภาพการเติบโตสูง มีการเติบโตของโครงการหมู่บ้านโครงการใหม่ๆ และสถานศึกษาชั้นนำ เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นสูงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง นอกจากนั้น ในอนาคตจะมีโมโนเรลสายสีเทา (วัชรพล – พระราม 9) ตัดผ่านด้านหน้าศูนย์การค้า บริเวณซอยลาดพร้าว 87 และยาวไปตลอดเส้นถนนทำให้การเดินทางมาที่ Central Festival East Ville นั้นสะดวกสบายมากขึ้น
โครงการศูนย์การค้า Central Festival East Ville มีพื้นที่ขาย (Salable Area) 160,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท มีจอดรถ 1,900 คัน มีพื้นที่ทั้ง Indoor และ Outdoor ร้านค้าแบรนด์ดังทั้งไทยและแบรนด์ต่างชาติกว่า 200 ร้านค้า, ร้านอาหารนานาชาติกว่า 100 ร้าน, โรงภาพยนตร์ East Ville Cineplex, B2S, Powerbuy, Office Mate, SuperSport และยังมีโซนที่น่าสนใจได้แก่ โซน Pet Park สามารถนำสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้, Sky Run เป็นลู่วิ่งดาดฟ้าในศูนย์การค้า, Family Fitness, เลนจักรยานและที่จอดรถจักรยาน, Think Space เป็น coworking Space ที่ให้บริการ Wifi อาหารและเครื่องดื่มครบวงจร, นิทรรศการศิลปะหมุนเวียน เป็นต้น
นอกจากนี้ตัวอาคารยังเน้นออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้พลังงานเป็นหลัก ตามมาตราฐานในการออกแบบพลังงานและสิ่งแวดล้อม (LEED) ของสหรัฐอเมริกาด้วย