เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา Marriott International ได้ทำการเข้าควบรวมกิจการของโรงแรมในเครือ Starwood Hotels and Resort Worldwide ด้วยมูลค่ากว่า 12.2 พันล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 440,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นและเงินสด ซึ่งการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้เครือ Marriott International จะกลายเป็นจะกลายเป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดโลก
การเข้าซื้อครั้งนี้ด้วยมูลค่า 12.2 พันล้านดอลล่าร์ (มูลค่าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณกว่า 4 แสนล้านบาท) โดยแบ่งเป็นสัดส่วนหุ้นจำนวน 11.9 พันล้านดอลล่าร์ และเงินสด 340 ล้านดอลล่าร์ นับเป็นจำนวนเงินสดเพียง 2.8% เท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนการใช้เงินสดเข้าซื้อกิจการที่น้อยที่สุดเป็นอันดับ 7 ในประวัติศาสตร์ของการเจรจาควบรวมกิจการที่มีมูลกว่ากว่า 10 พันล้านบาทขึ้นไป โดยคาดว่าการควบรวมกิจการจะเสร็จสิ้นกลางปี 2559
ปัจจุบันสัดส่วนของของห้องพักในเครือ Marriott 3 ใน 4 จะอยู่ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สัดส่วนรายได้ของเครือ Starwood Hotels นั้นรายได้ 2 ใน 3 จะมาจากนอกประเทศอเมริกา ปัจจุบัน Marriott มีจำนวนโรงแรมประมาณ 4,300 แห่ง และ Starwood มีประมาณ 12,000 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะทำให้ Marriott International มีโรงแรมอยู่ในความดูแลถึง 5,500 แห่งทั่วโลก ในกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งยุโรป ลาตินอเมริกา เอเชีย รวมไปถึงอินเดียและจีนด้วย และมีจำนวนห้องพักมากถึง 1.1 ล้านห้อง
ก่อนหน้านี้มีกลุ่มลงทุนยักษ์ใหญ่ 3 ของจีนอย่างบริษัทธุรกิจโรงแรมเครือ Jin Jiang Hotels International, กองทุน Soverieign Wealth ของจีน และกลุ่มลงทุน HNA Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบิน Hainan Airlines สนใจลงทุนในโรงแรม Starwood อยู่ แต่สุดท้ายเป็น Marriott International ที่ได้เข้าซื้อกิจการ โดย Arne Sorenson ซีอีโอของ Marriott International ได้ให้สัมภาษณ์ว่าได้ค้นพบศักยภาพของโรงแรมในเครือ Starwood Hotels ซึ่งน่าสนในและน่าลงทุน และสามารถสร้างมูลค่ามากขึ้นได้ถ้าควบรวมทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน
“โรงแรมในเครือ Starwood Hotels มีอยู่ทั่วโลกมากกว่า Marriott International เอง ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าได้พร็อพเพอร์ตี้จากทั่วโลกมาอยู่ในมือ โดยคาดว่าจะเพิ่มรายได้ 100-150 ล้านเหรียญ ภายใน 2 ปีจากการลงทุนในครั้งนี้ หลังจากปิด transaction คาดว่าจะเพิ่มจำนวนผู้บริหารในบอร์ดของ Starwood Hotels เป็น 14 คน” นาย Arne Sorenson กล่าว
การตกลงกันในครั้งนี้คาดว่าจะเสร็จในกลางปี 2016 โดย Lazard และ Citigroup เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Starwood ส่วน Marriott มี Deutsche Bank เป็นที่ปรึกษา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้นับว่าน่าสนใจ เพราะวงการโรงแรมยุคนี้มีคู่แข่งใหม่อย่าง Airbnb มาแข่งขันด้วย แต่ Jim Butler หัวหน้า Jeffer Mangels Butler & Mitchell บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ให้ความเห็นว่า การรวมตัวครั้งนี้ทำให้คู่แข่งในวงการธุรกิจโรงแรมน้อยลง และยากขึ้นสำหรับนักลงทุนคนอื่น เพราะเหมือนกับว่า Marriott ได้กุมอำนาจไว้หมดแล้ว