[บทความนี้เป็น Advertorial]
อย่างที่ทราบกันว่าย่านรัชดา-พระราม 9 ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็น New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ มาแล้วก่อนหน้านี้ 2-3 ปี ซึ่งพอเวลาผ่านไปก็ยิ่งเห็นแนวโน้มต่างๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในย่านนี้ก็มีมูลค่าเติบโตขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ราคาพุ่งสูงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างเมื่อกลางปีทางแสนสิริก็เปิดโครงการ The Line Asoke – Ratchada ที่ราคาเฉลี่ยโครงการที่ 220,000 บาทต่อตารางเมตร แล้วก็ขายหมดไปในเวลาแป๊ปเดียว ซึ่งถือเป็นการทำ New-High สำหรับราคาคอนโดในปัจจุบันของย่านรัชดา – พระราม 9 เลยทีเดียว และอีกไม่นานที่ดินแปลงหัวมุมสี่แยกรัชดา-พระราม 9 ก็จะมีอีกโครงการขึ้นมาทำ New-High ใหม่อย่างที่รู้กันในวงการ ถือว่าการจับจองคอนโดในบริเวณรอบพื้นที่แยกรัชดา – พระราม 9 นี้ต้องกระเป๋าหนักมากทีเดียว

ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ย่านรัชดา – พระราม 9 มีแนวโน้มจะกลายเป็น New CBD เนื่องจากอยู่ในจุดที่มีระบบการคมนาคมมารองรับครบถ้วน ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ที่กำลังมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายเชื่อมกรุงเทพทั้งหมดเป็นวงกลม เหมือนกับ Loop Line ที่มีในเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองทั่วโลก, มีทางด่วนศรีรัช, มีรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่เชื่อมต่อสุวรรณภูมิกับใจกลางเมือง รวมถึงยังเป็นโซนที่เชื่อมต่อโดยตรงออกมาจากใจกลางเมืองอย่างอโศก – สุขุมวิท และเชื่อมต่อไปรอบนอกได้อีก ในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตจัดว่ามีอย่างครบถ้วน
ในสมัยก่อนนั้นอาคารสำนักงานในโซนนี้จะจัดเป็นอาคารสำนักงานเกรด B และ B+ ซึ่งยังเป็นรองโซนสาทร สีลม แต่หลังจากเปิดตัวอาคาร AIA Capital Center และอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งใหม่ ก็ทำให้พระราม 9 มีอาคารสำนักงานเกรด A เกิดขึ้น และก็จะค่อยๆ เปลี่ยนโฉมของตลาดอาคารสำนักงานในย่านนี้ ซึ่งในอนาคตโครงการสำคัญอีกแห่งที่จะทำให้ย่านรัชดา – พระราม 9 เป็นที่น่าจับตามองก็คืออาคาร Super Tower ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จก็จะกลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยแทนที่ของ Mahanakhon ในปัจจุบัน


เมื่อลองเก็บข้อมูลดูผลตอบแทนจากการเติบโตของราคาคอนโดเด่นๆ ย่านนี้ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าราคาที่เพิ่มขึ้นของคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ ในโซนรัชดา-พระราม 9 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.3-9.9% ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลขผลตอบแทนการลงทุนที่ไม่ต่างจากคอนโดตัวท็อปใจกลางเมืองมากนัก
ในบรรดาคอนโดที่กำลังจะเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในช่วงปลายปีนี้มีโครงการจาก AP อีก 2 โครงการครับ ซึ่งเป็นแบรนด์ Rhythm ทั้ง 2 ตัว คือ Rhythm Asoke I และ Rhythm Asoke II โดยโครงการ Rhythm Asoke II ที่เปิดตัวที่หลังจะสร้างเสร็จก่อน ส่วนโครงการแรกก็จะตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ในเรื่องของงานดีไซน์ โครงการ Rhythm Asoke II จะเป็นโครงการแรกๆ ที่ทาง AP เริ่มนำดีไซน์ที่เป็นไตล์การออกแบบของญี่ปุ่นมาใช้ เพราะว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่ร่วมมือกันพัฒนากับ Mitsubushi Estate ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น จะเห็นได้จากองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมต่างๆ บนตัวอาคาร จะเน้นเฉพาะเส้นตั้งและเส้นนอน รวมถึงรูปทรงเรขาคณิตเรียบๆ เช่น สี่เหลี่ยม

ในบริเวณโถงล็อบบี้ จะใช้กระจกบานใหญ่เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกและภายในเข้าด้วยกัน ทำให้รู้สึกถึงความเชื่อมต่อของสเปซในตัวอาคารกับสวนด้านนอกที่เป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ก็ได้ถูกนำไปสอดแทรกอยู่ในหลายๆ ดีเทลของตัวคอนโดด้วย
ปัจจุบันคอนโดที่กำลังจะเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็มีโครงการ Rhythm Asoke ทั้ง 2 โครงการ โดย Rhythm Asoke 2 นั้นจะสร้างเสร็จก่อน และก็จะเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างจริงในตึกจริง ช่วงวันที่ 19-20 พ.ย. นี้ ในแคมเปญ “Best of The Year” มี 9 ยูนิตพิเศษ พร้อมตกแต่งครบ โดย Rhythm Asoke ราคาเริ่มต้น 3.15 ล้านบาท* ส่วน Rhythm Asoke II ราคาเริ่มต้น 3.16 ล้านบาท* ใครสนใจก็ไปลงทะเบียนพร้อมอ่านเงื่อนไขการรับโปรโมชั่นกันได้ตาม Link ด้านล่างที่เอามาฝากกันครับ
ลงทะเบียนรับโปรโมชั่น >> Rhythm Asoke
ลงทะเบียนรับโปรโมชั่น >> Rhythm Asoke II
[Advertorial]