ด้านการเดินทาง
การเดินทางหากใช้รถยนต์ ถนนงามวงศ์วานด้านหน้าเป็นถนนสายหลักในการเดินทาง สามารถเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการตรงเข้าถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้าเมืองได้เลย แต่ถ้าจะข้ามถนนวิภาวดีรังสิตไปพวก The Mall งามวงศ์วาน จะต้องไปกลับรถใต้สะพาน และไปกลับรถที่แยกเกษตรอีกที เนื่องจากตำแหน่งโครงการอยู่เลยทางขึ้นสะพานข้ามแยกบางเขนพอดี ส่วนบริเวณแยกเกษตรจะเป็นจุดตัดของถนนงามวงศ์วาน, ถนนพหลโยธิน และถนนประเสริฐมนูกิจ สามารถใช้ถนนพหลโยธินเข้าไปที่แยกรัชโยธิน, ห้าแยกลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษกได้ค่ะ ส่วนถนนประเสริฐมนูกิจจะพาไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรม, ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์
ส่วนรถประจำทางก็มีวิ่งผ่านไปมาอยู่หลายสาย เนื่องจากเป็นถนนหลัก มี Taxi, พี่วินมอเตอร์ไซต์ ก็มีผ่านอยู่ตลอด เนื่องจากบริเวณนี้ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และเป็นแหล่งอยู่อาศัย หากเป็นนิสิตที่จะเข้าม.เกษตร ก็สามารถเดินไปขึ้นสะพานลอยที่อยู่หน้าปั๊มน้ำมัน Caltex ได้ในระยะทาง 160 เมตร ก็จะสามารถเข้าประตูงามวงศ์วานประตู 3 ได้สบาย ไปเรียนและกลับบ้านได้สะดวกค่ะ
และในอนาคตอันใกล้ อีกไม่กี่ปีก็จะมีรถไฟฟ้าให้ใช้บริการ 2 สาย แม้จะไม่ผ่านหน้าโครงการ The Selected เกษตร-งามวงศ์วาน ก็เถอะ แต่ก็สามารถเดินไปได้ในระยะ 500 เมตร เป็นสถานีบางเขน ของรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต ไปเชื่อมต่อกับ Hub รถไฟฟ้าที่บางซื่อ ซึ่งก็ไปต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ได้ และสามารถนั่งรถไปทางแยกเกษตรขึ้นสถานีเกษตรศาสตร์ ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้ในระยะ 1.3 กิโลเมตร โดยสายสีเขียวนี้สามารถนั่งต่อยาวๆ เข้าสยามได้เลยนะ แม้จะหลายสถานีหน่อยก็ตาม
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ถ้าจะพูดถึงการเติบโตในเส้นถนนงามวงศ์วานช่วงระหว่างถนนวิภาวดีรังสิตและแยกเกษตร จะเติบโตไปในทางคอนโด อพาร์ตเมนต์ให้เช่า เนื่องจากใกล้สถาบันการศึกษา คนนิยมสร้างเพื่อปล่อยเช่า แต่ยังไม่มีวี่แววของพวกศูนย์การค้าใหม่ๆ เท่าไหร่ หลายคอนโดจะไปเน้นแนวถนนพหลโยธินมากกว่า เนื่องจากติดแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งเป็นสายหลักเข้าตัวเมืองได้สะดวก การเติบโตจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและอัพราคาได้สูงกว่า ยิ่งถ้าอยู่แนวพหลโยธินใกล้ๆ ม.เกษตร ด้วยแล้ว ราคาน่าจะปรับตัวสูงกว่าเพื่อนค่ะ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
คอนโด เดอะซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก L.P.N. ซึ่งเราลุ้นกันมาซักพักว่าหน้าตาจะออกมาเป็นยังไง สรุปคอนโดนี้ออกแบบสไตล์โมเดิร์นที่เลือกใช้สี Earth Tone สีน้ำตาลเข้มและสีเทาเป็นหลัก ดูแมนๆ หน่อย รุปทรงงานสถาปัตยกรรมไม่ได้ออกแบบหวือหวาอะไร อย่างไรก็ดีแบรนด์น้องใหม่นี้ จะอัพราคาขึ้นเป็นเกรดสูงหน่อยเมื่อเทียบกับแบรนด์คอนโดต่างๆ ของทางลุมพินีเอง เหมือนเป็นลุมพินี เพลส ในเวอร์ชั่นที่อัพเกรดมาอีกทีนั่นแหละค่ะ เน้นทำเลใกล้สถาบันการศึกษาและการเดินทางที่สะดวกมากขึ้นค่ะ
ส่วนการวางอาคาร The Selected เกษตร-งามวงศ์วาน นั้น ผืนที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ที่ดินลึกเข้าไปด้านใน จึงวางตัวอาคารตั้งฉากกับถนน ทำให้ห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้ ได้วิวไปทางเพื่อนบ้านในซอยงามวงศ์วาน 44 และ 42 ค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ จะเน้นมาไว้ทางทิศตะวันตก เนื่องจากมีพื้นที่ทำเป็นสวนได้เยอะกว่า ห้องที่หันเข้าฝั่งนี้จึงได้วิวสวนไปเต็มๆ ส่วนอีกฝั่งก็จะหันเข้าหาเพื่อนบ้านที่เป็นร้านอาหาร ซึ่งวิวเพื่อนจะเหมือนๆ กัน ส่วนใหญ่เป็นหอพักสูง 5 – 8 ชั้น และบ้านพักอาศัย, ร้านอาหาร สูง 1 – 2 ชั้น หากเลือกห้องชั้น 9 – 20 จะมองเห็นวิวได้ทั่ว ไม่มีใครมาบังวิวค่ะ
ห้องพักของ The Selected เกษตร-งามวงศ์วาน จะมีอยู่ 3 แบบ คือแบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน สำหรับแบบ 2 ห้องนอนจะมีเพียงห้องเดียว อยู่ที่ชั้น 5 ติดกับสระว่ายน้ำ รองลงมาจะเป็นแบบสตูดิโอที่มีขนาดเล็กสุด และมีให้เลือกทิศเดียวคือทิศที่หันเข้าหาสวน ส่วนแบบ 1 ห้องนอนจะมีจำนวนมากที่สุดในโครงการ และมีให้เลือกทั้ง 2 ด้านค่ะ ซึ่งโครงการนี้จะเน้นไปที่การลงทุนเพื่อซื้อปล่อยเช่านิสิต ม.เกษตร ทำให้ในส่วนของพื้นที่ห้องครัว, พื้นที่รับประอาหารไม่ได้เน้นมากนัก การจัดแปลนห้องก็ทำออกมาได้สวยดี จัดออกมาแล้วดูพื้นที่ห้องค่อนข้างกว้าง ตอนเข้าไปดูห้องเล็กสุดขนาด 24 ตร.ม.ยังรู้สึกว่าห้องกว้างอยู่นะ สามารถจัดห้องได้ง่ายกว่าห้องที่หน้าแคบค่ะ ทำให้ทั้งเตียงเดี่ยวแบบห้องตัวอย่าง หรือจัดอยู่เองก็ไม่น่ายากอะไร
ด้านวัสดุนั้นให้มาระดับโอเคในภาพรวม ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า ได้พื้นปูไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าฉาบเรียบ ดวงไฟดาวน์ไลท์ ได้สุขภัณฑ์ครบชุด แบบมีฉากกั้นอาบน้ำให้ ส่วนแพนทรี่จะมีแค่ตู้เก็บของและอ่างล้างจานให้เท่านั้น ไม่เน้นทำครัวมากนัก โดยรวมแล้วก็ให้ของมาคุณภาพได้มาตรฐาน แต่ถ้าเป็นไปได้อยากได้ห้องแบบ Fully Furnished อ่ะ จะได้ใจนักลงทุนมากกว่านี้ค่ะ
ด้านพื้นที่ส่วนกลางนั้นให้มาเยอะพอสมควร + กับการออกแบบแบบ Green Concept ซึ่งจะเน้นการใช้งานนอกอาคารให้มากขึ้น มีด้วยกัน 3 ส่วน หลักๆ จะอยู่ที่ชั้นล่าง ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบมาได้ดีที่ทำระยะเข้าออกที่จอดรถให้สั้น ทำให้ถนนด้านหลังและด้านข้างของตึกอีกฝั่ง สามารถเปลี่ยนถนนเป็นลู่วิ่งที่เกิดประโยชน์กับคนอยู่อาศัยแทนได้ คนสามารถเดินไปมาจากอาคารและสวนแบบไม่มีรถยนต์วิ่งผ่าน นอกจากลู่วิ่งก็มีสนามบาสแบบครึ่งสนามให้ที่ด้านหลัง มีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง พื้นที่นั่ง Co-Working Space ในสวน และพื้นที่นั่งทำงานแบบ Semi-Outdoor ภายในอาคารมีห้องสมุดขนาดใหญ่ให้ 1 ห้อง และร้านค้าอีก 3 ร้านค่ะ ส่วนชั้น 5 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ และห้องฟิตเนส ที่ได้วิวมาทางสวน สุดท้ายเป็นสวนลอยฟ้าชั้น 19
ส่วนเรื่อง Green Concept อื่นๆ ก็เช่น การทาสีพื้นชั้นดาดฟ้าด้วยสีเทาอ่อนเพื่อสะท้อนแสงแดดให้มากที่สุด, พื้นที่ส่วนกลางใช้หลอดประหยัดไฟ เพื่อลดค่าใช้จ่าย, จัดพื้นที่แยกขยะเพื่อนำกลับไปรีไซเคิลได้ง่าย หรือการจัดพื้นที่จอดจักรยานเพื่อสนับสนุนให้ลดการใช้รถยนต์ค่ะ ซึ่งทั้งหมดก็ไม่ได้มีเทคโนโลยีใหม่อะไร แต่ก็เป็นพื้นฐานที่ทุกโครงการควรทำค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องชื่นชมนะ
เรื่องสัดส่วนการใช้ลิฟต์ที่ 310 ยูนิตต่อลิฟต์ 2 ตัวนั้น สัดส่วนออกมาเป็น 155 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว อยู่ในระดับหนาแน่นปานกลาง ที่จอดรถ 119 คัน หรือ 38% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าโอเคสำหรับคอนโดที่สามารถเดินไปยังรถไฟฟ้า (สายสีแดง) ได้ และคนใช้งานอาคารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักศึกษาที่ไม่น่าจะใช้รถกันเยอะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ