สวัสดีครับ รีวิวนี้เราแวะไปดูคอนโด The Tree Rio (เดอะทรี รีโอ)  ซึ่งเมื่อกันยายนปีที่แล้ว (2557) คอนโด The Tree Rio เปิดตัวและเปิดขายไปแบบยังไม่มีสำนักงานขาย  หลังจากสำนักงานขายสร้างเสร็จและผ่าน EIA ไปแล้วเมื่อปลายปีที่แล้วเลยได้มีโอกาสเราเลยแวะเวียนไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ในรีวิวฉบับเต็มนี้ครับ

เดิมแบรนด์ The Tree เป็นแบรนด์คอนโดของพฤกษาที่ทำตลาดอยู่ในโซนบางโพ เกียกกาย ครับ  ก่อนหน้านี้มีมา 3 โครงการ คือ The Tree Bangpo, The Tree Interchange และ The Tree Privata โครงการที่ 4 เลยถูกจับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาอีกฝั่งซึ่งอยู่ตรงข้ามรัฐสภาแห่งใหม่

อยู่สบายเขียนพรีวิวให้อ่านกันไปแล้วตอนเปิดใหม่ๆ (อ่านพรีวิว The Tree Rio คลิกที่นี่)  มาลองดูรีิวิวฉบับเต็มกันดีกว่าว่าโครงการนี้จะออกมาเป็นยังไงกันบ้างครับ

The Tree Rio Bang-Aor Station

(เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ สเตชั่น)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>>  ถนนจรัญสนิทวงศ์  ตรงข้ามโรงพยาบาลยันฮี
• ขนาดที่ดิน >>>  10 – 0 – 80 ไร่
• จำนวนชั้น >>> 40 ชั้น และ Sky Lounge 1 ชั้น
• จำนวนอาคาร >>>  คอนโดพักอาศัย 1 อาคาร และ Club House 1 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
    • 1 ห้องนอน 28 – 29.50 ตารางเมตร  
    • 1 ห้องนอน 30 – 30.50 ตารางเมตร  
    • 1 ห้องนอน (Corner) 37 ตารางเมตร
    • 2 ห้องนอน (Combine) 59.50 ตารางเมตร
    • 2 ห้องนอน 60.5 – 61.0 ตารางเมตร 
• จำนวนยูนิต >>>  1,412  ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 608 คัน (43%) ไม่รวมซ้อนคัน
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  1.69  ล้านบาท (ณ วันเปิดโครงการ)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 80,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.799192, 100.509817
• ค่าส่วนกลาง 50 บาท
• เงินกองทุน 500 บาท
• เริ่มก่อสร้าง ต้นปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จปี ต้นปี 2561
• EIA Approved

• เว็บไซต์โครงการ www.thetreecondo.com
• เบอร์ติดต่อโครงการ โทร 02-435-8909

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

โครงการนี้เคยเขียนพรีวิวเกี่ยวกับทำเลไปคร่าวๆแล้ว  เลยจะไม่ได้ลงรายละเอียดในการเดินทางไปยังคอนโดมากนักนะครับ  ที่ตั้งของโครงการนั้นอยู่ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/1 และ จรัญสนิทวงศ์ 89/2  เยื้องๆกับโรงพยาบาลยันฮี   ซึ่งคนในโซนนั้นคงพอนึกออกกันอยู่แล้วเนอะ  เดี๋ยวในรีวิวฉบับเต็มนี้เราเน้นลงไปถ่ายรูปรอบโครงการมาให้ดูกันจริงๆเลยดีกว่า

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ส่วนนี้ได้เคยเล่าคร่าวๆไปแล้วในบทความพรีวิวโครงการ  จะเอามาลงอีกครั้งเพื่ออ่านกันสะดวกๆนะครับ

เริ่มจากมาดูแผนที่ในภาพกว้างๆกันก่อน ที่ตั้งคอนโดนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่ตั้งของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ “สัปปายะ สภาสถาน” พอดี  และอยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้าบางอ้อ  เยื้องๆกับโรงพยาบาลยันฮี  ทำกราฟิกมาให้ดูกันง่ายๆ  พื้นที่สีแดงนั้นเป็นส่วนของที่ดินโครงการซึ่งจะขยับเข้าไปจากแนวถนนจรัญสนิทวงศ์หน่อย  ส่วนตัวอาคารก็จะทำกราฟิกสีเหลืองเอาไว้ให้ครับ

ซูมเข้าไปดูกันใกล้ๆ  ที่ตั้งโครงการ The Tree Rio Bang-Aor Station จะอยู่ใกล้ๆกับปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 แต่ตัวที่ดินของโครงการจะอยู่ลึกเข้าไปจากแนวถนนใหญ่พอสมควร  ต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย

ตรงบริเวณทางเข้าโครงการด้านนึงติดกับกลุ่มตึกแถวอาคารพาณิชย์ริมถนนและในซอยจรัญสนิทวงศ์ 89/2 (หมายเลข 1)  อีกฝั่งเป็นเต้นท์รถมือสองชื่อบางอ้อคาร์เซ็นเตอร์ (หมายเลข 2)  ตัวโครงการนั้นจะอยู่ลึกเข้าไปโดยที่พื้นที่รอบๆยังเป็นสวนที่เป็นที่ดินว่างเปล่าอยู่ (หมายเลข 3)  ถัดจากที่ดินว่างๆไปก็จะเป็นบ้านพักอาศัยลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวของคนในพื้นที่เดิม (หมายเลข 4)  ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์เช่นกัน (หมายเลข 5)

ในรูปที่เป็นกราฟิกสีเหลืองนั้นเป็นตำแหน่งของตัวอาคารครับ   ตัวอาคารนั้นจะวางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ  ซึ่งทำให้ห้องยูนิตขายจะหันหน้าตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับตะวันตกเฉียงใต้ (ซึ่งถ้าดูจากรูปร่างอาคารแล้วจะเรียกว่าหันทิศเหนือกับใต้เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็ได้ครับ  แม้ว่ามันจะไม่ได้ตรงแนวแกนทิศแบบเป๊ะๆก็เถอะ)  ตรงนี้ใครไม่ชอบแดดก็เลือกตะวันออกเฉียงเหนือโลดครับ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

พื้นที่รอบๆส่วนใหญ่ก็เป็นบ้าน 2 ชั้น ที่อยู่มานานแล้ว (รูปนี้มองข้ามรั้วจากสำนักงานขายไปครับ)

ตึกแถวที่ติดกับด้านหน้าโครงการ

เราจะเริ่มสำรวจโดยออกจากหน้าโครงการแล้วเดินไปทางขวามือก่อน พื้นที่ทางขวาตรงที่ลาดยางมะตอยเอาไว้ตอนนี้คือตำแหน่งของบันไดทางลงรถไฟฟ้าสถานีบางอ้อครับ  เรียกว่ามาจ่อกันหน้าโครงการกันเลย

เดินเลยจากตำแหน่งที่เป็นที่จุดทางลงของรถไฟฟ้าไป จะเห็นเต้นท์รถทือสองชื่อบางอ้อคาร์เซ็นเตอร์ ส่วนนี้เป็นทางด้านหน้าที่ติดถนนใหญ่  พื้นที่ข้างในก็ยาวลึกเข้าไปถึงตัวสำนักงานขายโครงการเหมือนในรูปด้านบนครับ

ฝั่งตรงข้ามเยื้องกันกันมีปั๊มเชลล์ ตรงปากซอยจริญสนิทวงศ์ 86/1 ถ้าเข้าไปในซอยก็จะมีร้านระเบียงทะเล เป็นร้านอาหารติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา  บรรยากาศดีทีเดียวแหละ  ส่วนถ้าริมถนนก็จะมีร้านจิตรโภชนา  ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่อยู่

ทีนี้จากหน้าโครงการเดินไปทางซ้ายมือกันบ้าง  เราจะเห็นแนวตึกแถวอยู่ตลอด

ศูนย์ฝึกอบรมการพยาบาลของยันฮี  ที่อยู่เลยจากบางอ้อโฮมทาวน์มาไม่ไกล

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

มี Family Mart  ไม่เห็นเซเว่นนะแถวนี้

สะพานลอยข้ามถนนตรง Family Mart

โรงพยาบาลยันฮี ถึงสโลแกนจะเป็น “สวยด้วยแพทย์” แต่ว่าเจ็บป่วยก็มานี่ได้เลย  รักษาได้หมดไม่ได้แต่ทำศัลยกรรมนะ

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เข้าไปดูกันที่โครงการเลย  สำนักงานขายเสร็จเรียบร้อย  ถ้าไม่ได้ขับรถมาเราจะต้องเดินจากถนนใหญ่เข้าไป  ของจริงๆจะมี covered- walk way ให้จากด้านโครงการเข้าไป  แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สร้างเอาไว้  บอกได้เลยว่า .. ร้อนจ้าาาาา!! อย่าลืมพกร่มไปด้วยหล่ะครับ

แต่เข้ามาถึงสำนักงานขายแล้วสวยนะ

บรรยากาศภายใน  หรูหราดีทีเดียว  ตัวสำนักงานขายนี้พอคอนโดเปิดใช้งานก็จะปรับใช้เป็น Club House ต่อเลย  เลยตกแต่งมาแบบจัดเต็มทีเดียว  เดี๋ยวลองดูรูปเพิ่มเติมในส่วนที่รีวิวพื้นที่ส่วนกลางครับ

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ในเรื่องของการเข้าถึงหน้าโครงการจะมีบันไดทางลงรถไฟฟ้ามาจ่อปากทางเข้าเลย  เรียกว่าพอลงสถานีบางอ้อมาก็ถึงเลย  แต่จะต้องเดินเข้ามาอีกหน่อยกว่าจะถึงตัวคอนโด   ที่ดินแบบนี้ก็มีข้อดีข้อด้อยกันคนละอย่างครับ  การที่ตัวคอนโดอยู่ด้านในที่ดินลึกเข้าไปแน่นอนว่าความโดดเด่นในมุมต่างๆ (exposure) นั้นสู้โครงการที่ติดถนนใหญ่เลยไม่ได้แน่ๆ   แถมยังต้องเดินเข้าไปไกลอีก   แต่ในอีกมุมก็จะได้เปรียบในเรื่องของความเงียบและเสียงรบกวนจากรถราบนท้องถนนที่น้อยลงไปนั่นเอง

เดินเข้ามาตามทางเข้าโครงการจะมีตึกแถวขนานอยู่ทางด้านขวามือ   พอเลยแนวตึกแถวมาจะมีสะพานข้ามคลองเล็กๆอยู่  ตรงนี้ทำเอาไว้ข้ามลำรางเดิมที่เกือบแห้งไปแล้วครับ (ถึงจะแทบไม่มีน้ำแล้วแต่ก็ต้องทำเอาไว้ตามกฎหมาย)  พอเข้ามาที่โครงการก็จะมีคลับเฮ้าส์ด้านหน้า  ซึ่งตอนนี้ทำเป็นสำนักงานขายอยู่

พื้นที่รอบๆจะโครงการส่วนใหญ่ก็ยังเป็นที่โล่งๆอยู่  มีบ้านของคนในพื้นที่เดิมกระจายตัวอยู่ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นบ้าน 2 ชั้นครับ  ทำให้วิวรอบๆโครงการตอนนี้ยังไม่ถูกบังอะไรมากนัก  เรียกว่าโล่งตาทีเดียวแหละ   ถ้ามองออกไปไกลๆก็ยังเห็นตึกอยู่บ้างตามที่ทำกราฟิกเอาไว้ให้ดูครับ

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้นวางตามแนวทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ   ถ้าดูจากรูปกราฟิกจะเห็นว่าฝั่งที่หันหน้าด้านเดียวทางเข้าล็อบบี้ (ทิศเหนือ) จะค่อนข้างร่มและไม่โดนแดดร้อนจัด  ในขณะที่อีกฝั่ง (ทิศใต้) จะโดนแดดบ่ายตลอดครับ  เรียกว่าเรื่องทิศทางมีผลกับความร้อนพอสมควรทีเดียว

ส่องโมเดล

มาดูที่ตัวโมเดลกันบ้างครับ  ทำมาไซส์ใหญ่ส่องดูง่ายดีจริงๆ

มุมด้านนี้ถ่ายย้อนเข้าไปจากทิศตะวันตกเฉียงใต้  เพราะฉะนั้นฝั่งนี้จะโดนแดดเยอะครับ

บิดให้ดูมุมกันกว้างขึ้น  ตรงส่วนที่เป็นลานจอดรถทำไว้โล่งๆ  ไม่ได้มีอะไรมาดีไซน์บังสายตาครับ  ฝั่งนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำด้วยที่โพเดียมส่วนจอดรถชั้น 6

มุมนี้จากฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้

ตรงทางเข้าโครงการจะมีบันไดรถไฟฟ้ามาส่งลงถึงทีี่เลย  มีแนว covered- walk way กันแดดกันฝนให้  แต่มันขาดไปตรงกลางหน่อยนุงช่วงที่เป็นสะพานครับ

คลับเฮ้าส์ด้านล่างที่ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว  ใช้เป็นส่วนของสำนักงานขายและห้องตัวอย่างอยู่  ถ้าปิดโครงการแล้วก็จะรื้ออินทีเรียส่วนที่เป็นห้องตัวอย่างแล้วใส่เป็น facilities อื่นๆไปแทนครับ

รูปนี้ถ่ายให้เห็นฝั่งที่เป็นล็อบบี้และสวนที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นด้านบนของโพเดียมที่จอดรถ

ด้านหลังโครงการมีสนามเด็กเล่น  กั้นเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน

สระว่ายน้ำที่ชั้น 6 ด้านหลังครับ  มีสระเด็กแยกให้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต  ทำบริเวณกั้นเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ให้ด้วยครับ  แต่แน่นอนว่าความอลังการนั้นแน่นอนว่าสู้สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool ที่ชั้น 40 ไม่ได้แน่ๆ

ว่าแล้วก็ไปแหงนหน้าดู facilities ในส่วนชั้นบนของคอนโด (ชั้น 40 และ 41) กันบ้าง

อีกมุมนึงครับ

ขึ้นไปชั้น 2 แล้วซูมกลับลงมาดู สระนี้เป็น Infinity Edge Pool  ถ้าเห็นในรูปโฆษณาจะมองตรงไปยังรัฐสภาแห่งใหม่ได้  ถ้าทำของจริงออกมาดีๆนี่เจ๋งแน่นอน

ซูมให้ดูผนังอาคารกันใกล้ๆ  (จริงๆอยากใกล้กว่านี้นะ  แต่ติดกระจกสะท้อน)  จะเห็นว่าตัวคอนโดนั้นใช้โทนสีเทาดำเป็นสีพื้น  และใช้ครีบสีขาวเป็นเส้นตั้งมาสร้างจังหวะบนตัวตึก  เป็นโมเดริ์นเรียบๆดีเทลไม่ได้หวือหวาอะไร  แต่ว่าให้หน้าต่างมาบานใหญ่ทีเดียว

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

พื้นที่ส่วนกลางนั้นถือว่าจัดมาเต็มทีเดียว  และแยกกระจายความหนาแน่นออกไปยังจุดต่างๆไม่ได้เอามารวมไว้ที่เดียว  ที่ชั้นล่างมีคลับเฮ้าส์แยกออกมาซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสำนักงานขายและห้องตัวอย่างอยู่  เมื่อเสร็จแล้วก็จะเปลี่ยนเป็น Golf Room, Pool Room, Kid Room, Yoga Room, Reading Room, Multipurpose Room และ Meeting Room ซึ่งเท่าที่ดูตอนนี้อินเทีเรียนนั้นตกแต่งออกมาได้ประทับใจดีทีเดียวแหละ  ในส่วนชั้นล่างนอกจาก Club House แล้วก็จะมีสนามเด็กเล่นอยู่ท้ายโครงการและมี Jogging Track อยู่รอบตัวคอนโดและโครงการ

ที่โพเดียมชั้น 6 ฝั่งด้านหน้าจะเป็นสวนบนดาดฟ้าที่จอดรถ  ส่วนด้านหลังจะเป็นสระว่ายน้ำซึ่งมีสระเด็กแยก  ที่ชั้น 40-41 ก็จะมี facilities ด้านบนอีก  เป็น Infinity-Edge Pool ซึ่งมองไปตรงกับแนวแกนของรัฐสภาแห่งใหม่  มี Duplex Gym (อยู่ทั้งชั้น 40 และ 41 เดินขึ้นบันไดถึงกันได้) รวมถึงก็มี Sky Lounge ด้วย  ถ้าไล่ facilities กันจริงๆแล้วต้องบอกว่า The Tree Rio นั้นจัดมาให้เต็มทีมาก

ในส่วน Lobby นั้นจะแบ่งลิฟต์ออกเป็น 2 ฝั่ง  แยกตามแต่ละปีกของตัวอาคาร  เพื่อกระจายความหนาแน่นออกไป  ลิฟต์โดยสารมีมาให้ 6 ตัว และลิฟต์เซอร์วิสแยก 2 ตัว (เป็นลิฟต์ดับเพลิงด้วย 1 ตัว) ความหนาแน่นเฉลี่ยออกมาที่ 235 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว  จัดว่าสัดส่วนค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว  ในชั่วโมงเร่งด่วนนี่อาจจะต้องรอลิฟต์กันหน่อยแหละ  ยิ่งด้วยความสูงของตึก 41 ชั้นด้วยแล้ว  ผมว่าโครงการต้องใช้ลิฟต์ Hi Speed นิดนึงหล่ะครับ  ไม่งั้นจะต้องรอกันนาน   สัดส่วนที่จอดรถประมาณ 608 คัน แบบไม่รวมจอดซ้อน คิดเป็น 43%  ถือว่าพอไหวสำหรับคอนโดติดรถไฟฟ้าเลยและระดับราคาเท่านี้ครับ

ที่โพเดียมส่วนจอดรถชั้น 6 ด้านหน้าจะเป็นสวนให้เดินเล่น  ส่วนด้านหลังจะเป็นสระว่ายน้ำครับ   ถ้าลองสังเกตดูที่แปลนดีๆจะเห็นว่าตรงทางลงไปส่วนกลางทั้ง 2 ด้านมีทางลาดสำหรับคนพิการให้ด้วย  ตรงนี้ส่วนตัวแล้วต้องขอชมครับ  อยากให้ดีเวลลอปเปอร์ทุกๆเจ้าหันมาสนใจกับการดีไซน์เพื่อคนทุกกลุ่มได้ใช้งานร่วมกันได้แบบนี้แหละ

แปลนในส่วนของสระว่ายน้ำชั้น 40 สระรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบนี้ว่ายสนุกครับ  ในส่วนตัวอาคารด้านในก็เป็นห้องฟิตเนส

ที่ชั้น 41 ก็เป็น Sky Lounge และฟิตเนสอีกชั้นนึงซึ่งเดินเชื่อมกันกับชั้นล่างได้

เข้ามาดูบรรยากาศใน Club House ซึ่งตอนนี้ทำเป็นสำนักงานขายกัน

การตกแต่งรวมๆนั้นทำออกมาได้สวยงามดี  การเลือกใช้วัสดุที่มีความมันเงาในบางส่วน  รวมถึงใส่บันไดหินและราวกันตกกระจกทำให้ดูหรูหรามาก  รวมๆแล้วต้องบอกว่าน่าประทับใจครับ

มุมนี้ทางขวาคือห้องน้ำ  ส่วนทางซ้ายคือโถงทางเข้าใหญ่  เอาไว้รับแขกเวลามาเยี่ยมที่คอนโดได้

ถ่ายจากชั้น 2 ลงมา  จะเห็นว่าพวกวัสดุมันเงาทั้งหลายนี่ช่วยเพิ่มความหรูจริงๆนะ

มองจากชั้น 2 ลงมาที่โถงด้านล่าง

ดูกันอีกมุมนึงครับ

ห้องนี้จะเป็นห้องที่เตรียมไว้ทำ Pool Room ครับ

อีกมุมด้านนึงของห้อง

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Floor Plan คอนโด The Tree Rio ชั้น 6

ยูนิตพักอาศัยก็จะเริ่มที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางอย่างที่ได้เล่าไปแล้วข้างต้นหล่ะครับ  ในส่วนจุดที่ผ่านเข้าออกไปยังห้องพักก็จะมีประตูกั้นให้ทั้งปีก 2 ฝั่งของคอนโด เพื่อความปลอดภัย

Floor Plan คอนโด The Tree Rio ชั้น 7

ยูนิตพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7 โดยตัวคอนโดจะมี 2 ปีกแยกจากกัน  ห้องที่ชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่าชั้นอื่นๆ  เพราะตรงที่เป็นทางออกไปพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 6 นั้นยกทำเป็นสเปซสูงขึ้นมาจากชั้นล่าง  เลยไม่มีห้องตรงนี้ครับ

Typical Floor Plan คอนโด เดอะทรี ริโอ ชั้น 8 – 15

เหนือจากชั้น 7 ขึ้นมาก็จะมียูนิตพักอาศัยเต็มทุกชั้น  สุงสุด 42 ยูนิตต่อชั้น  จัดว่าหนาแน่นเอาเรื่องครับ  แต่การที่วางตำแหน่งลิฟต์ไว้ตรงกลางก็ช่วยให้ระยะทางเดินไปแต่ละห้องไม่ไกลนัก  ลองนึกภาพว่าถ้าลิฟต์อยู่ที่ปลายตึกใดตึกนึงเวลาเดินไปอีกฝั่งกว่าจะถึงนี่เหนื่อยกันพอดี

ในเรื่องลักษณะของการวางห้องนั้นก็จะเป็นแบบเข้าแถวตรงหน้ากระดานตรงไปตรงมา  รูปแบบการวางห้องไม่ได้หวือหวาหรือมีอะไรน่าสนใจให้พูดถึงพิเศษ  ห้องส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน  จะมีแบบ 2 ห้องนอนอยู่ชั้นละ 3 ห้อง  ซึ่งจะได้วิวทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ทั้งหมด

Typical Floor Plan คอนโด เดอะทรี ริโอ ชั้น 16-38

สำหรับ Typical Floor Plan นั้นจะอยู่ที่ชั้น 16-38 ซึ่งจะมีห้องแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นมา  กลายเป็นชั้นละ 5 ห้องครับ  (ยูนิตเบอร์ 5 และ 10 ในแปลน)  โดยแปลนแบบที่เป็น 2 ห้องนอนที่เพิ่มมานั้นก็เกิดจากการ combined ห้องแบบ 1 ห้องนอน 2 ห้องเอามารวมกันไว้

Typical Floor Plan คอนโด เดอะทรี ริโอ ชั้น 39

ที่ชั้น 39 นั้นเป็นชั้นสูงสุดที่จะมียูนิตพักอาศัยครับ  แต่จะมีเฉพาะยูนิตฝั่งปีกด้านหลังคอนโด  เพราะด้านหน้านั้นจะทำเป็นส่วนโครงสร้างและเอาไว้รองรับงานระบบของสระว่ายน้ำที่ชั้น 40  ซึ่งตรงนี้การที่เว้นเอาไว้นั้นน่าจะช่วยป้องกันปัญหาพวกเสียงดังหรือการรั่วซึมในกรณีสุดวิสัยของสระว่ายน้ำได้ครับ  ถ้าไม่มีสเปซว่างระหว่างตรงนี้  ถ้าเกิดรั่วซึมขึ้นมาน้ำจะลงมายังฝ้าเพดานของห้องชั้นใต้สระว่ายน้ำได้ง่ายมาก

แปลนห้องดีไหม?

แปลนห้องทั้งหมดจริงๆจะมี 4 แบบนะครับ  ผมเอามาให้ดูกัน 3 แบบ  คือแบบ 1 ห้องนอน 28-29.5 ตารางเมตร  ที่เป็นแบบหลักในโครงการและมีเยอะที่สุด  ส่วนอีก 2 แบบเป็นแบบ 2 ห้องนอนทั้งหมด  แปลนไหนดี แปลนไหนไม่ดี เดี๋ยวจะเล่าให้อ่านกันครับ

แปลนห้องคอนโด The Tree Rio

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 30-30.5 ตารางเมตร

แปลนนี้เป็นแบบหลักของโครงการมีจำนวนห้องเยอะที่สุด  โดยรวมๆนั้นจัดออกมาได้ดีฟังก์ชั่นครบ  ลักษณะการจัดฟังก์ชั่นก็เหมือนสตูดิโอที่กั้นส่วนนอนออกแล้วทำเป็น 1 ห้องนอนแทน  มีส่วนครัวและห้องน้ำแยกออกไปต่างหากอีกฝั่งนึง  ครัวสามารถปิดและระบายอากาศออกทางด้านนอกได้  จุดที่น่าสนใจคือการที่มีระเบียงทั้ง 2 ส่วน  ทั้งตรงส่วนห้องนอนและส่วนห้องครัว  ตรงนี้ทำให้ไม่รกหูรกตากับเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ที่ระเบียงและไม่เห็นรวมถึงคอมเพรสเซอร์แอร์กับเครื่องซักผ้าเวลานอนด้วย  (ถ้าเป็นแบบเล็กสุดของโครงการที่ 28 ตารางเมตร แปลนก็จะเหมือนแบบนี้เลย  แต่ไม่มีระเบียงตรงห้องนอนเท่านั้นครับ เป็นห้องที่เอาไว้ทำราคาเปิดขายให้น่ารักน่าดึงดูดนั่นเอง)

แปลนห้องคอนโด The Tree Rio

แบบ 2 ห้องนอน (combined) ขนาด 59.5 ตารางเมตร

แปลนแบบนี้จะเป็น 2 ห้องนอนที่เกิดจากการเอา 1 ห้องนอนมารวมกัน  จะเห็นว่าตำแหน่งห้องน้ำนั้นอยู่ที่จุดเดิม  ได้พื้นที่ส่วนทำงานเล็กๆเพิ่มขึ้นมา  แปลนรวมๆนั้นยังดูจะมีปัญหาตรงห้องนอนเล็กหล่ะครับ  เพราะถ้าบานเลื่อนที่กั้นห้องเป็นกระจกใสก็จะเสียในเรีื่่องความเป็นส่วนตัวไปเยอะ  เพราะกลายเป็นว่าห้องนอนเล็กนั้นมองทะลุเห็นได้จากส่วนพักผ่อนและส่วนรับประทานอาหารเลย  (คนละแบบกับแบบ 1 ห้องนอนนะ เพราะแบบนี้อยู่กันมากกว่า 2 คน  คนที่อยู่ห้องนอนเล็กจะดูไม่ส่วนตัวเอามากๆ)  แต่ถ้าจะกั้นผนังห้องนอนเป็นผนังทึบไปเลย  พื้นที่ในส่วนพักผ่อนและรับประทานอาหารก็จะไม่ได้แสงธรรมชาติครับ  ทำให้โดยรวมๆแล้วผมยังรู้สึกว่าห้องนอนเล็กนั้นเอามาดัดแปลงเป็นฟังก์ชั่นอื่นๆน่าจะดีกว่าในแง่การใช้งาน

แปลนห้องคอนโด The Tree Rio

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 60.5-61.0 ตารางเมตร

แบบ 2 ห้องนอนแบบนี้เป็นห้องที่หันไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์  ซึ่งจะเป็นห้องหัวมุมติดด้านนอก 2 ด้าน  ทำให้การจัดฟังก์ชั่นนั้นทำได้ยืดหยุ่นมากกว่าแบบ 59.5 ตารางเมตร  ซึ่งโดยรวมๆแล้วผมค่อนข้างชอบแบบนี้มากกว่าพอควร  เพราะห้องนอนเล็กนั้นแยกเป็นสัดส่วนชัดเจนกว่าและจัดโซนของฟังก์ชั่นได้ค่อนข้างจะเคลียร์กว่า  พื้นที่ส่วนที่ติดกับด้านนอกมีทั้งห้องนอน 2 ห้อง, ส่วนพักผ่อน และครัว  ฟังก์ชั่นที่จะไม่ได้แบบ 59.5 ตารางเมตรคือในส่วนโต๊ะทำงาน

ห้องแบบนี้จะได้กระจกเข้ามุมทั้งในส่วนห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก  แต่จะมีระเบียงยาวเพียงระเบียงเดียวเชื่อมกันในส่วนพักผ่อนและส่วนครัว  ส่วนห้องนอนนั้นจะไม่มีระเบียงเหมือนแบบอื่น รวมๆถือว่าทำออกมาได้ดีครับ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างมีมาให้ดู 2 แบบ ทั้งแบบ 1 และ 2 ห้องนอนครับ  แต่ห้องจริงที่ได้มาจะเป็นห้องเปล่า  ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ  ต้องมาตกแต่งเพิ่มเอาเองนะครับ

ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station

แบบ 1 ห้องนอน 30-30.5 ตารางเมตร

เปิดประตูเข้ามาในห้องกันเลย

ประตูบานเลื่อนกระจกที่ให้มาเป็นกระจกสูงจรดฝ้า  ทำให้ไม่ดูทึบนัก

จากมุมนี้จะเห็นประตูทางเข้าห้องครัว  ตำแหน่งติดตั้งแอร์ของห้องนอนและห้องพักผ่อนจะอยู่ตรงเหนือโต๊ะเครีองแป้งและเหนือประตูในรูป  ท่อแอร์ก็จะเดินผ่านทางฝั่งในครัวแล้วไปออกที่ระเบียงครับ

มุมนี้นั่งดูทีวี  ระยะพอจะจัดจอใหญ่ๆได้อยู่

เข้าไปดูในส่วนห้องนอนกัน  ตู้เสื้อผ้าที่เห็นทางด้านขวาไม่ได้มีให้  ต้องมาทำเองหมดเลย

มองกลับออกมาทางส่วนพักผ่อนบ้าง  มุมนี้น่าจะเห็นระยะดูทีวีได้  แต่เวลาทานอาหารก็จะมีคนนึงที่ต้องหันหลังให้ทีวี

มองออกมาจากห้องครัว

ถ่ายให้ดูสเปซตรงระเบียงซึ่งเป็นส่วนวางเครื่องซักผ้า  ด้านบนเครื่องซักผ้าก็จะแขวนแอร์  เวลาตากผ้าก็จะเหลือพื้นที่ค่อนข้างน้อยครับ  อาจจะต้องยืนข้างในตรงครัวแล้วยื่นมือออกไปตากผ้าเอา

ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station

แบบ 2 ห้องนอน 60.5 – 61.0 ตารางเมตร

มาถึงแบบ 2 ห้องนอนซึ่งเป็นห้องมุมกันบ้าง  เข้ามาก็จะเจอสเปซส่วนรับประทานอาหารและส่วนพักผ่อนโล่งต่อเนื่องถึงกัน  ทางขวามือที่เห็นในรูปคือประตูเข้าไปครัว

มองย้อนกลับออกมาบ้าง  จะเห็นฝั่งตรงข้ามของส่วนรับประทานอาหารจะมีพื้นที่ให้ทำตู้โชว์หรือจะเป็นตู้เก็บของก็ได้ครับ  เนื่องจากตำแหน่งของบานประตูนั้นไม่ได้วางติดผนังแต่เว้นระยะเอาไวให้  หรือถ้าไม่ทำตู้ก็อาจจะทำเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆก็ได้  เพื่อชดเชยฟังก์ชั่นส่วนทำงานที่ 2 ห้องแบบนี้ไม่มี

มุมนี้มองจากทางเดินที่ออกมาจากห้องนอน

มองไปฝั่งโต๊ะรับประทานอาหารและตู้โชว์

ถ่ายให้ดูสเปซของการใช้งานในครัว  พื้นที่เหลือให้ใช้งานกว้างประมาณ 80 เซ็นติเมตร  ซึ่งก็ถือว่าโอเค  แต่ห้องที่ได้มาไม่มีครัวให้ต้องมาทำเพิ่มเอาเอง  เสียตรงนี้แหละ

สเปซในห้องน้ำ  เลือกใช้กระเบื้องโทนสีขาวและเอาสีเทามาเน้นเป็นบางจุด  กระจกบานใหญ่ๆก็ช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นได้  แต่ทั้งนี้ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ

พื้นที่ระเบียงตรงส่วนพักผ่อน จะเหลือความกว้างประมาณ 60 เซ็นติเมตร  เอาแค่พอเดินได้ออกมายืนสูดอากาศหรือวางกระถางต้นไม้ตกแต่งนิดหน่อย  แต่ให้ใช้งานจริงจังอย่างอื่นก็แคบไปครับ

ห้องนอนเล็ก มีกระจกเข้ามุมให้ด้วย

เข้ามาให้ห้องนอนใหญ่ (master bedroom) กัน

ให้พื้นที่กระจกมาเยอะทีเดียว  ตัวกระจกใช้เป็นสีเทาดำเพื่อให้เป็นโทนสีเดียวกับตัวตึกด้านนอก  ไม่ได้ใช้กระจกสีเขียวตัดแสงตามสมัยนิยมเหมือนทั่วๆไป

ห้องนอนใหญ่นี่ก็ได้กระจกเข้ามุมเช่นกัน

มีสเปซส่วนที่เป็น walk-in closet แยกเอาไว้ให้ (ฝั่งนึงเป็นตู้ ฝั่งนึงเป็นโต๊ะแป้ง)  แต่ดูสเปซขนาดตู้ที่เตรียมเอาไว้แล้วไม่น่าใส่พอครับ  ถ้าเสื้อผ้าเยอะอาจจะต้องทำตู้หมดทั้ง 2 ฝั่ง  แล้วมาทำโต๊ะแป้งด้านนอกแทน

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ขนาดก็จะพอๆกับห้องน้ำด้านนอก  ใช้กระจกบานใหญ่จรดฝ้ามาช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นเช่นกััน

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุที่ให้มาในห้องนั้นเป็นเกรดทั่วไปที่ใช้งานได้ตามมาตราฐาน  โดยรวมออกมากลางๆไม่ได้ดูหรูหรามากแต่ก็ไม่ได้แย่ครับ  ต้องติอยู่หน่อยตรงที่ไม่ได้ให้เคาน์เตอร์ครัวมาด้วย  จะต้องมาทำเพิ่มเองทีหลังซึ่งสำหรับคนซื้อคอนโดบางทีก็เป็นเรื่องจุกจิกพอควรครับ

รีวิววัสดุคอนโด The Tree Rio นี้เลยแยกเป็น 2 ส่วน คือวัสดุในห้องน้ำ และวัสดุทั่วไปในห้องรวมถึงวัสดุปิดผิว (finishing materials) ครับ

วัสดุห้องน้ำ

ภาพรวมๆภายในห้องน้ำ  ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำของแบบ 1 หรือ 2 ห้องนอน ขนาดห้องก็จะพอๆกันหมด  กระเบื้องภายในห้องน้ำใช้โทนสีขาวเป็นหลัก แต่เวลาไปดูในห้องตัวอย่างจะเห็นเป็นสีอมเหลืองๆหน่อย  เพราะไฟที่ใช้หล่ะครับ รีวิวนี้เลยพยายามถ่ายรูปให้เห็นสีของกระเบื้องจริงๆกัน

ฝักบัวของ American Standard หน้าตาทั่วๆไป  มีกระเบื้องโมเสกสีเทาดำเน้นในบางจุดไม่ให้ห้องดูขาวเลียนจนเกินไป  ส่วนช่องที่เป็นที่วางของถ้าเป็นส่วนอาบน้ำของห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะไม่ได้ทำมาให้นะครับ  จริงๆแล้วช่องวางของสูงขนาดนี้ถ้าซอยเป็น 2 ช่วงได้จะใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลย

สุขภัณฑ์อเมริกัน สแตนดาร์ด  หัวสายชำระไม่ได้เป็นพลาสติกนะ

อ่างแขวนผนัง นี่ก็ American Standard หมด  รูปทรงก็โอเคครับ

หัวก็อก American Standard

ได้กระจกบานใหญ่เต็มมาสูงถึงฝ้ามา  มีช่องระบายอากาศติดไว้มุมบนสุด

ก่อธรณีประตูห้องน้ำขึ้นมา  โดยที่ระดับของส่วนที่เป็นพื้นห้องน้ำกับห้องครัวนั้นจริงๆเท่ากันครับ  กระเบื้องห้องน้ำก็เป็นโทนสีเทาอ่อน ผิวด้าน

ราวแขวนผ้าที่ติดตั้งมากให้  ส่วนกระเบื้องผนังก็จะผิวมัๆหน่อย มีลายบางๆในเนื้อกระเบื้อง ไม่ได้ขาวเรียบไปหมด

พื้นทีส่วนอาบน้ำใช้วิธีลดระดัับพื้นลงไปนิดนึง  ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ และใช้กระเบื้องสีเทาดำแทน  จริงๆโทนสีกระเบื้องแบบนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่  เพราะเวลาใช้งานจริงพวกคราบไคลของสบู่ที่เป็นด่างมันจะจับผิวกระเบื้องได้ง่ายและดูเลอะๆครับ  ต้องหมั่นทำความสะอาดกันหน่อย

ตรงด้านล่างกระจกก่อยื่นออกมา ปิดหน้าด้วยหินแกรนิตสีดำ  ใช้วางของในห้องน้ำได้

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

บานกรอบหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมอบสีน้ำตาล  กระจกก็เป็นสีเขียวตัดแสง  (แต่เวลาไปดูจะรู้สึกเหมือนเป็นกระจกสีเทา  เนื่องการแสงไฟในห้องตัวอย่าง)

พื้นลามิเนต  ผิวสัมผัสก็ทั่วๆไป  ในรูปสีจะเพี้ยนหน่อยเนื่องจากแสงไฟในห้องตัวอย่าง  ตรงแนวประตูจะมีตัวปิดรอยต่อของลามิเนตอยู่ด้วยนะ

พื้นกระเบื้องในครัวจะเป็นสีเทา

ระดับพื้นในห้องกับระเบียงนั้นเกือบๆจะเท่ากันเลยครับ

ราวระเบียงเป็นเหล้กกล่องทาสีดำ  ลูกกรงกันตกเป็นเหล้กแผ่นทาสีดำเช่นกัน

รูปนี้ถ่ายให้ดูสเปซของระเบียงแบบ 2 ห้องนอน  ความกว้างประมาณ 60 ซม. เท่านั้น

มีแผงบังแอร์มาให้  โดยเป็นเหล็กกล่องเช่นกัน

ประตูทางเข้าห้องครัวใช้ตัวปิดวงกบเป็นพลาสติกธรรมดาทั่วไป

ไฟที่ให้จะเป็นดาวน์ไลท์นะครับ (ส่วนไฟฮาโลเจนด้านข้างสองอันนั้นมีเฉพาะในห้องตัวอย่าง)

สวิตซ์ Biticino แบบทั่วๆไป หรือเทียบเท่า

 เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นของ The Tree Rio นั้นอยู่ที่ 1.69 ล้านบาท  สำหรับแบบ 1 ห้องนอน 28 ตารางเมตร  ส่วนแบบ 2 ห้องนอน 59.5 ตารางเมตร นั้นอยู่ที่ 4.17 ล้านบาทครับ  ราคาเฉลี่ยในภาพรวมของโครงการก็อยู่ในช่วง 60,xxx – 99,xxx บาท ต่อตารางเมตร  ช่วงราคาจัดว่ากว้างอยู่สำหรับช่องว่าเกือบ 40,000 บาทต่อตารางเมตรในกลุ่ม segment แบบนี้  ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆตามความสูงของชั้น  ราคาในชั้นล่างๆนั้นค่อนข้างจับต้องง่ายและดึงดูดทีเดียว  ส่วนราคาในชั้นบนๆนั้นเรียกว่าตั้งเผื่อล่วงหน้าเอาไว้รอรถไฟฟ้าเสร็จหล่ะครับ

ราคา ณ วันที่ 5 มกราคม 2558

ราคาเริ่มต้น :

1 bedroom  พื้นที่ 28.0 – 29.5 ตร.ม. ราคา 1,690,000 – 2,597,000 บาท เฉลี่ย 60,357 – 88,033 บาท/ตร.ม.

1 bedroom (ห้องมุม)  พื้นที่ 37.0 ตร.ม. ราคา 2,379,000 – 3,322,000 บาท เฉลี่ย 64,297 – 89,783 บาท/ตร.ม.

2 bedroom  พื้นที่ 59.5 – 61.0 ตร.ม. ราคา 4,170,000 – 6,042,000 บาท เฉลี่ย 70,084 – 99,049 บาท/ตร.ม

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

1 bedroom จอง 10,000 บาท / ทำสัญญา 20,000 บาท  

2 bedroom จอง 20,000 บาท / ทำสัญญา 40,000 บาท  

• ผ่อนผ่อนดาวน์

1 bedroom 2,000 – 3,000 บาท (37 งวด) / บอลลูน 20,000 บาท (3 งวด)

2 bedroom 10,000 บาท (37 งวด) / บอลลูน 40,000 บาท (3 งวด)

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 50  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 2  ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

ค่าธรรมเนียมโอน 2% (ผู้ซื้อ 1% , ผู้ขาย 1%)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

1 bedroom พื้นที่ 28 ตร.ม. ราคาขาย  1,690,000 บาท  ผ่อนประมาณ 10,568 บาท/เดือน

1 bedroom พื้นที่ 37 ตร.ม. ราคาขาย  2,370,000 บาท  ผ่อนประมาณ 14,821 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 59.5 ตร.ม. ราคาขาย  4,170,000 บาท  ผ่อนประมาณ 26,078 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

1 bedroom พื้นที่ 28 ตร.ม. ราคาขาย  1,690,000 บาท  ผ่อนประมาณ 11,170 บาท/เดือน

1 bedroom พื้นที่ 37 ตร.ม. ราคาขาย  2,370,000 บาท  ผ่อนประมาณ 15,664 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 59.5 ตร.ม. ราคาขาย  4,170,000 บาท  ผ่อนประมาณ 27,562 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

1 bedroom พื้นที่ 28 ตร.ม. ราคาขาย  1,690,000 บาท  ผ่อนประมาณ 12,176 บาท/เดือน

1 bedroom พื้นที่ 37 ตร.ม. ราคาขาย  2,370,000 บาท  ผ่อนประมาณ 17,076 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 59.5 ตร.ม. ราคาขาย  4,170,000 บาท  ผ่อนประมาณ 30,046 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

1 bedroom พื้นที่ 28 ตร.ม. ราคาขาย  1,690,000 บาท  ผ่อนประมาณ 14,012 บาท/เดือน

1 bedroom พื้นที่ 37 ตร.ม. ราคาขาย  2,370,000 บาท  ผ่อนประมาณ 19,650 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 59.5 ตร.ม. ราคาขาย  4,170,000 บาท  ผ่อนประมาณ 34,574 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

1 bedroom พื้นที่ 28 ตร.ม. ราคาขาย  1,690,000 บาท  ผ่อนประมาณ 17,942 บาท/เดือน

1 bedroom พื้นที่ 37 ตร.ม. ราคาขาย  2,370,000 บาท  ผ่อนประมาณ 25,161 บาท/เดือน

2 bedroom พื้นที่ 59.5 ตร.ม. ราคาขาย  4,170,000 บาท  ผ่อนประมาณ 44,272 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

ตัวคอนโด The Tree Rio นั้นตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์  ตำแหน่งเยื้องๆโรงพยาบาลยันฮี  การเข้าถึงสำหรับคนโซนนี้อยู่แล้วถือว่าไม่ลำบาก  ถนนในโซนบางกรวยใกล้ๆกับโครงการนั้นสามารถทะลุไปออกพื้นที่รอบๆอย่างถนนสิรินธร (ออกบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าห้างตั้งฮัวเส็ง) หรือพระราม 5 – นครอินทร์ ได้สำหรับคนที่รู้จักเส้นทางครับ  ในโซนนั้นก็จะมีรถสองแถวและรถเมล์วิ่ง  ส่วนเรื่องการใช้ระบบรถไฟฟ้าในอนาคตนั้นก็ต้องบอกว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จก็จะสะดวกสุดๆเพราะมีบันไดทางลงรถไฟฟ้ามาจ่อหน้าโครงการเลย

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

จุดที่น่าสนใจคือการตัดแนวถนนใหม่จากบริเวณด้านข้างโรงพยาบาลยันฮี  ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านด้านข้างรัฐสภาแห่งใหม่  ไปเชื่อมกับถนนทหารและตรงเข้าสู่สะพานควาย  ซึ่งถ้าถนนนี้สามารถทำได้จริงตามแผนก็น่าจะทำให้ระบบโครงสร้างการสัญจรบริเวณนี้เปลี่ยนไปอีกมากเลย  เพราะถ้าตามปกติแล้วจากจุดนี้จะเข้าเมืองจะต้องใช้สะพานพระราม 7 เพื่อเข้าถนนรัชดาภิเษกได้ทางเดียว  แต่ถ้าทำถนนนี้เสร็จจากโครงการก็จะสามารถตัดเข้าเมืองตรงไปยังพหลโยธินและแนวรถไฟฟ้า BTS ได้ด้วย

นอกจากโครงสร้างถนนแล้วก็คงเป็นเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ผ่านหน้าโครงการซึ่งน่าจะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในโซนนี้ขยายตัวได้อีกพอควรทีเดียว  อารมณ์เดียวกับแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั่นแหละครับ

เอารูปแนววงแหวนของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมาให้ดูกัน (จริงๆยืมรูปมาจาก The Tree Interchange ^^”)  จุดสีแดงคือโครงการ The Tree Rio ครับ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

ตัวคอนโด The Tree Rio นั้นอยู่ถัดลึกเข้าไปจากถนนใหญ่  ทำให้ในแง่ของความโดดเด่น (Exposure) นั้นอาจจะสู้โครงการติดถนนใหญ่อื่นๆ (ถ้ามีในอนาคต) ไม่ได้  แต่ก็จะได้เรื่องความเงียบสงบมาแทน  เพราะระยะที่ห่างจากถนนใหญ่นั้นก็คงช่วยลดเสียงวุ่นวายได้มากอยู่  และพื้นที่รอบๆก็ไม่ได้มีถนนหรือเสียงจอแจอะไร  การเดินเข้าจากทางหน้าโครงการนั้นจะมีหลังคาคลุม (covered walk way) มาให้  แต่ก็ไม่ได้คลุมยาวตลอด  ทำให้ถ้าเวลาฝนตกแล้วจะมีช่วงรอยต่อของหลังคาทางเดินที่หายไปทำให้เปียกฝนได้

ลักษณะรูปทรงของคอนโดนั้นทำออกมาเป็นตัว S มีปีกอาคารอยู่ 2 ด้าน  โทนสีโดยรวมออกมาเป็นโทนเทาดำ  มีการดีไซน์ใช้แนวเส้นตั้งเป็นครีบบนตัวอาคารเพื่อใช้ในการตกแต่งและสร้างจังหวะของเส้นสายต่างๆบนตัวคอนโด (ถ้าไม่มีจังหวะเส้นพวกนี้มันจะกลายเป็นกำแพงยักษ์ซึ่งดูหนักหมก) การเลือกโทนสีแบบนี้ช่วยให้ตัวตึกดูเท่ขึ้นมากทีเดียว  แม้ว่าลักษณะของการจัดเรียงห้องจะเป็นแบบการวางเรียงต่อๆกันตามแบบคอนโดราคาไม่แพงนักก็ตาม

ในเรื่องของแปลนห้องนั้นสำหรับแบบ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแบบที่มีมากที่สุดในโครงการก็ทำออกมาได้โอเคดี  ใช้พื้นที่เล็กๆได้ค่อนข้างคุ้มค่าไม่เหลือพื้นที่เปล่าๆเอาไว้  จุดที่ดูจะใช้งานลำบากอยู่หน่อยก็เป็นบริเวณส่วนตากผ้าซึ่งดูจะแคบไปถ้าจะออกไปยืนตากผ้าตรงระเบียง  และก็เรื่องพื้นที่เก็บของซึ่งเป็นปัญหาปกติของคอนโดขนาดห้องตำกว่า 30 ตาราเมตรแทบทุกที่  ส่วนแปลนแบบ 2 ห้องนอนนั้นที่เป็นแบบห้องมุมทำออกมาได้ดีมากทีเดียว  การแบ่งพื้นที่ของฟังก์ชั้นทำได้เป็นสัดส่วน  จัดสเปซออกมาได้ดี  แต่สำหรับแบบ 2 ห้องนอนที่ไม่ใช่ห้องมุมนั้นโดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ครับ  ซึ่งก็เป็นเพราะตำแหน่งของห้องนอนเล็กนั้นไม่เป็นส่วนตัวเลย  เพราะมองทะลุได้จากส่วนพักผ่อนและส่วนรับประทานอาหาร  โดยรวมๆก็เรียกว่ามีทั้งแบบที่ดีมากๆ และแบบที่ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่  มีข้อยังต้องติกันอยู่  ส่วนวัสดุนั้นให้มาทั่วๆไปตามมาตราฐานที่ควรได้  กลางๆไม่ถึงกับว้าว  ห้องน้ำดีที่ได้กระจกบานใหญ่ แต่ติตรงที่ไม่มีเคาน์เตอร์ครัวมาให้  ต้องมาทำเพิ่มเองทีหลัง ซึ่งเรื่องครัวนี่จัดเป็นเรื่องจุกจิกเรื่องนึงของการแต่งคอนโดเลยทีเดียว

เรื่องที่ต้องชมมากๆ น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ  เพราะ The Tree Rio นั้นถือว่าจัดมาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย  ค่อนข้างหลากหลายมากทีเดียว  และก็เลือกวางตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางต่างๆกระจายๆกันออกไป เพื่อลดความหนาแน่นที่ต้องมาอยู่รวมกันจุดใดจุดหนึ่ง    พื้นที่ส่วนกลางที่ได้มีสระว่ายน้ำ 2 สระ (ชั้น 6 และ 40) ด้านบนมี Duplex Gym และ Sky Lounge  ด้านล่างมี Club House แยกออกมาต่างหากด้วย  ใน Club House ก็จะมีทั้งห้อง Golf Simulator room, Pool room, Reading room, Yoga room, Multipurpose room, Meeting room ซึ่งภายในเท่าที่เห็นก็ตกแต่งออกมาได้สวยมาก  เรียกว่าน่าใช้งานครับ  ถ้า facilities ส่วนอื่นๆในคอนโดจัดมาได้มาตราฐานเดียวกันกับที่เห็นอยู่ก็เรียกว่าทำได้น่าประทับใจมากทีเดียว

สิ่งที่ดูจะให้มาน้อยไปหน่อยก็เป็นเรื่องของลิฟต์  ซึ่งลิฟต์โดยสารมี 6 ตัว และมีลิฟต์เซอร์วิส 2 ตัว (โดยมีตัวนึงเป็นลิฟต์ดับเพลิงด้วย)  ถ้าใช้ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว  ความหนาแน่นของการใช้งานจะอยู่ที่ 235 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว  ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก  (ถ้าเอาลิฟต์เซอร์วิสมาใช้ร่วมด้วยเป็น 8 ตัว  ความหนาแน่นก็จะอยู่ที่ 177 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว)  ซึ่งก็ถือว่าหนาแน่นมากอยู่ดี  แต่ด้วยความที่จัด facilities อื่นๆมาให้เต็ม  เลยก็น่าจะพอถูไถไปกับความน้อยของเรื่องลิฟต์ได้บ้าง   ที่จอดรถนั้นมีมาให้ 608 คัน แบบไม่รวมซ้อน  คิดเป็น 43% ถ้ารวมซ้อนจะได้ 53%  ซึ่งสำรับคอนโดที่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองแต่ติดรถไฟฟ้าก็พอจะโอเคอยู่ครับ

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยครับ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆครับ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นครับ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะครับ