ไอเดียวันนี้เป็นการหยิบยกแนวทางการเลือกห้องให้มีลักษณะที่ดี หลายคนก็เรียกว่าฮวงจุ้ยที่ดี มานำเสนอเป็นแนวทางการเลือกห้องเบื้องต้นให้กับแฟนๆอยู่สบายค่ะ

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักที่มาของคำว่า”ฮวงจุ้ย”กันก่อนดีกว่านะคะ

ฮวงจุ้ย(Feng Shui) มาจากคำว่า ลม(ฮวง) และน้ำ(จุ้ย) ออกเสียงตามสำเนียงจีนแต้จิ๋ว อาศัยหลักการไหลเวียนของพลังงานที่มีอยู่บนผืนโลก(ชี่) เปิดรับชี่ที่ดี และการถ่ายเทซี่ที่ไม่ดีให้ออกไปไกลๆ
โดยรวมแล้ว ฮวงจุ้ย หมายถึง การอยู่อาศัยของมนุษย์ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ คติชาวจีนอันนี้ใกล้เคียงกับหลักการออกแบบทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มีสอนกันอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่การอ้างอิงหลักการ และเหตุผลนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ และเวลา

จะขอแบ่งการเลือกเป็นสองส่วนใหญ่ๆแล้วกันนะคะ

1 พิจารณาจากตัวอาคาร

ดูสภาพที่ตั้งอาคาร และสภาพแวดล้อมโดยรอบ อย่าลืมว่าห้องแต่ละห้องเป็นหน่วยหนึ่งของอาคาร ถ้าอาคารมีลักษณะที่ดีแล้ว ห้องส่วนมากก็ย่อมได้รับผลดีไปด้วย

• อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ไม่อยู่โดดเดียว หรือตั้งห่างจากถนนใหญ่มากเกินไป สอดคล้องกับความสะดวก และปลอดภัยเวลาการเดินทางกลับในยามค่ำคืน
• ห่างจากสิ่งปลูกสร้างที่ส่งผลไม่ดี เช่น สะพานลอย ทางยกระดับ ทางรถไฟ เสาไฟฟ้าแรงสูง หรือเสาโทรคมนาคมขนาดใหญ่ สิ่งเหล่าจะก่อให้เกิดเสียงรบกวน หรือฝุ่นละออง นำความรำคาญอยู่ไม่เป็นสุขให้กับเราได้ ส่วนการมีสะพานลอยอยู่ใกล้มาก ทำให้เราไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสะพานลอยได้อย่างเต็มที่ ระยะในการขับรถขึ้น-ลงจากสะพาน เพื่อเข้า-ออกอาคาร จะมีไม่พอ และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอีกด้วยนะคะ

• ไม่ตั้งอยู่ท่ามกลางอาคารสูงโดยรอบ ซึ่งจะสร้างความอึดอัด บดบังทัศนียภาพ รวมถึงการรับลมและแดดด้วย

• ไม่ควรติดวัด ศาสนสถาน ป่าช้า หรือโดยเฉพาะมีด้านทิศใต้ติดกับอาคารเหล่านี้ จะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมพัดพาเอาฝุ่นควัน และได้ยินเสียงที่ดูโศกเศร้าลอยมาตามลม

• ส่วนอาคารที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับซอกระหว่างตึกของอาคารตรงข้าม หรือตรงกับถนนที่มีลักษณะพุ่งเข้าหาอาคาร หรือที่เราเรียกกันว่าทางสามแพร่ง หรือช่องลมนั้น หลายคนมีความเชื่อว่าเป็นลักษณะที่ไม่ดี แต่ที่จริงแล้วจะเป็นช่องขนาดใหญ่ที่ส่งผลมหาศาลมากกว่าปกติ ดีก็ดีสุดและไม่ดีก็ไม่ดีสุดๆ เช่น ตรงกับทิศตะวันตกพอดี ก็จะได้รับแดดและแสงจ้าจากดวงอาทิตย์เต็มๆ ตลอดช่วงบ่าย และทุกชั้นของอาคาร และหากตรงกับทิศใต้ก็จะได้รับลมพัดแรงจากช่องลมขนาดใหญ่ ดังนั้นหากอาคารตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี มีการจัดการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ทางสามแพร่งก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

2 พิจารณาจากตัวห้อง

• ทิศก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยส่วนใหญ่ห้องจะติดกับภายนอกอาคารเพียงด้านเดียว(ระเบียง) ความสมดุลในเรื่องของลม และแสงก็จะไม่สมดุลอยู่แล้ว เราจึงจำเป็นต้องคำนึงเรื่องทิศเพื่อให้ได้ห้องที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย
  ทิศเหนือ แสงสบายตา แต่อับลมกว่า มีลมเพียง 4-6 เดือนในหนึ่งปี
  ทิศใต้ รับลม มีถึง 6-8 เดือนในหนึ่งปี
  ทิศตะวันออก รับแสงตอนเช้า ไม่ร้อนแรง ทำให้สดชื่น
  ทิศตะวันตก รับแสงร้อนแรงตอนบ่าย ทำให้ห้องอบความร้อน และคายความร้อนตอนกลางคืน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราควรเลือกห้องให้เหมาะสมกับทิศ และการใช้สอยพื้นที่ภายในห้อง เช่น ห้องนอนไม่ควรรับแสงร้อนแรงตอนบ่าย หรือหากห้องที่เราเลือกมีระเบียงกว้างขวาง และทัศนียภาพที่สวยงามเหมาะกับการออกไปสูดอากาศ ชมทัศนียภาพ ทิศใต้หรือทิศตะวันออกก็ดูเข้าท่าทีเดียว ซึ่งทั้งสองด้านนี้จึงมักจะถูกเลือก และถูกจองหมดในเวลาอันรวดเร็ว

• ถ้าเราไม่สามารถจะเลือกห้องที่อยู่ในทิศที่ดี ลองหันมาดูดูภาพรวมของจากทุกด้านของอาคาร ว่าด้านไหนดีที่สุด ด้านที่ดีส่วนใหญ่จะมีมุมมองที่โปร่งโล่ง ไม่มีอาคารอื่น หรือสิ่งปลูกสร้างปิดบังห้อง มองเห็นสวน สระว่ายน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบ หรือมีทัศนียภาพที่สวยงาม

• อีกทางเลือกหนึ่ง คือ การเลือกห้องในชั้นที่สูงขึ้นอีกหน่อยก็สามารถทดแทนได้บ้าง หากไม่สามารถเลือกอาคาร หรือด้านที่มีลักษณะที่ดีตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่อาจจะต้องแลกกับราคาที่มักจะสูงตามไปด้วย

• ประตูห้องไม่ควรอยู่ตรงกันพอดีกับห้องฝั่งตรงข้าม ลิฟต์โดยสารก็เช่นเดียวกัน พอทั้งสองเปิดประตูพร้อมกันจะมองเห็นทะลุทะลวงชัดเจนทุกมุมในห้อง ขาดความเป็นส่วนตัวได้

• ไม่ไกลจากบันไดหนีไฟ แต่ก็อย่าให้ใกล้ถึงขนาดอยู่ตรงกันข้าม
• หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ใต้แท๊งก์น้ำขนาดใหญ่ ห้องที่อยู่เหนือเครื่องสำรองไฟ และห้องที่ใกล้ช่องทางทิ้งขยะ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้แฟนๆอยู่สบายไม่มากก็น้อย พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ

ถ้าอยากให้ในเสนอไอเดียอะไรเป็นพิเศษคอมเม้นน์กันมาได้ค่ะ