ตามหลักการแล้วสายตาของคนเราไม่ได้มองเห็นแสงสว่าง

หากแต่ว่าเรามองเห็นวัตถุที่แสงส่องไปถึง

ทำให้โดยปกติแล้วเราจะมองไปในตำแหน่งที่สว่างที่สุดภายในห้องโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น อยู่สบายวันนี้มีไอเดียดีๆมาแนะนำให้ชาวอยู่สบายเลือกใช้แสงสว่าง

เพื่อเน้นจุดที่ต้องการให้ความสนใจกันดีกว่านะคะ

การให้แสงสว่างภายในห้อง แบ่งเป็น

1 แสงเพื่อการใช้งาน

1.1 แสงเพื่อการใช้งานทั่วไป ก็เช่น ไฟติดเพดาน ไฟดาวน์ไลท์
เพื่อให้ความสว่างแบบกระจายทั่วพื้นที่
ซึ่งเราสามารถติดตั้งสวิสซ์หรี่ไฟ เพื่อช่วยควบคุมปริมาณแสงได้ด้วยนะคะ
ทั้งนี้ต้องดูชนิดหลอดด้วยว่าเป็นหลอดไส้หรือเปล่า ถ้าใช่สามารถติดตั้งได้สบายเลยค่ะ
แสงแบบนี้เราสามารถพบได้ทั่วไป
โดยเฉพาะในห้องคอนโดหรือบ้านที่เราจองซื้อกันมาตามโครงการต่างๆ

ต่อมาก็เป็น
1.2 แสงเพื่อการใช้งานเฉพาะจุด
ช่วยให้ทำกิจกรรมต่างๆได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เช่น อ่านหนังสือ ทำงาน ทานอาหาร
เราควรเลือกหลอดไฟและโคมไฟที่เน้นการให้แสงเป็นลำส่องตรงเฉพาะจุด
ไม่กว้างมาก และเป็นแสงชนิดที่สว่างที่สุดในห้อง
สามารถเลือกใช้โป๊ะโคมแบบทึบ และด้านในเป็นวัสดุช่วยสะท้อนแสงได้อีกด้วย

 2 แสงเพื่อสร้างบรรยากาศ หรือตกแต่ง

โดยมากจะเป็นโคมไฟติดผนัง โคมไฟส่องภาพ โคมไฟตั้งพื้น โคมไฟตั้งโต๊ะ
หรือาจจะเป็นไฟอัพไลท์ ไฟหลืบ ไฟซ่อนต่างๆ
เพื่อสร้างบรรยากาศให้น่าสนใจ หรือกำหนดจุดที่ต้องการให้ความสนใจเป็นพิเศษ

การใช้โป๊ะโคมแบบผ้า ยังช่วยลดความเข้มของแสงให้นุ่มนวลสบายตายิ่งขึ้น
อีกทั้งสามารถสร้างจุดสนใจจากสีสัน และรูปทรงของโป๊ะโคมได้อีกด้วย

เป็นยังไงกันบางคะ ชาวอยู่สบายพอมีไอเดียไปต่อยอดการผสมผสานการจัดแสงภายในห้องก็บ้างหรือยังเอ่ย

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆได้ห้องที่มีบรรยากาศที่น่าอยู่ และใช้แสงได้ตรงกับความต้องการของเพื่อนๆนะคะ

และอย่าลืมใช้ประโยชน์จากแสงสว่างตามธรรมชาติที่ส่องมาจากทางหน้าต่างด้วยนะคะ

พบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ ^____^