IDEO กับ กลุ่มคนยุคใหม่ “The C Generation”
· 2 min readหลายๆคนคงเคยได้ยินได้ฟังเรื่องการแบ่ง Generation ของคนกันอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่เราที่มักจะอยู่ในยุค Baby Bloomer จนมาถึงรุ่นพวกเรากันเองที่กำลังเป็นวัยทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งก็มักจะตกอยู่ในช่วงของ Gen X และ Gen Y (ส่วนคนเขียนนั้น Gen Y นะครับ ใครบอกว่าผมอยู่ Gen X ขอไม่ยอมรับทุกกรณี 55555)
จริงๆการแบ่ง Generation ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้นั้นใช้ช่วงอายุเป็นหลักในการแบ่งครับ อย่างรุ่นพ่อรุ่นแม่พวกเราที่เกิดในยุค Baby Bloomer นั้นก็เป็นยุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นกลุ่มคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม อดทนรอดอกผลในระยะยาวได้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่หลายๆครั้งผู้ใหญ่ในยุค Baby Bloomer นั้นมักจะบ่นว่าเด็กๆลูกหลานของเขาใน Generation ต่อๆมาว่า ไม่อดทนกับการงานหรือชีวิตเหมือนดังรุ่นพ่อรุ่นแม่ …. แต่ก็แน่นอนหล่ะครับ โลกหมุนไปทุกวัน ชีวิตเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป สื่อรวดเร็วขึ้น เดี๋ยวนี้ทำอะไรต่อมิอะไรง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ชีวิตในปัจจุบันนี่แทบจะกลายเป็น convenient life ไปกันหมดแล้ว
แน่นอนว่าสำหรับคนเมืองแล้วสื่อสังคมออนไลน์นั้นรวดเร็วและมีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของพวกเราแทบจะทุกคน จนเมื่อสัก 4-5 ปี ที่ผ่านมา สังเกตหรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แต่คน Gen X , Gen Y หรือ Gen Z ที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เดี๋ยวนี้คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ใน Generation Baby Bloomer ก็ใช้ iPad, iPhone, Android กันเป็นว่าเล่น ยิ่งเวลาผ่านไปเทคโนโลยีเริ่มสลายการนิยามของ “การแบ่ง Generation” ด้วยช่วงอายุทิ้งไปซะหมด แล้วเริ่มจะมี trend ใหม่ที่เรียกว่า “Generation C” ขึ้นมา
เท่าที่เคยอ่าน Magazine ของทางต่างประเทศมานิดหน่อย ไอ้เจ้า Generation C นี้ พื้นฐานเริ่มแรกมาจากคำว่า “Content” เป็นหลักครับ ซึ่งเจ้าตัว Content นี้ก็ไม่ได้หมายความถึงการเขียนบทความ บลาๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ แต่มันรวมถึง ข้อความหรือสารที่ส่งออกไปให้คนหมู่มากได้รับรู้ …. เอาเป็นว่า ถ้าคุณเคยอัพสเตตัสใน Facebook หรือ บ่นเรื่องฝนตกแดดออกใน Twitter ให้เพื่อนๆมาแชร์ไอเดียกัน แค่นี้คุณก็เป็น Generation C โดยไม่รู้ตัวแล้วหล่ะครับ
เล่าเรื่องแบบน้ำท่วมทุ่งมาซะเยอะ พอดีได้มีโอกาสไปงานปาร์ตี้ของคนกลุ่มนี้ ที่จัดโดยอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (Ananda Development) โดยคุณชานนท์ เรืองกฤตยา ก็เลยได้มีโอกาสพบปะกับ Blogger มากมายหลายคน บางคนก็เป็นคนที่ผมเคยตามอ่านผลงานเขาอยู่บ้าง เห็นว่าสนุกดีเลยเก็บบรรยากาศมาเล่าให้ฟังครับ ….. และแน่นอนว่างานนี้กินฟรี!!! เพราะ Gen C ต้อง Consume 555555
งานนี้ชื่อว่า “The C Generation” ครับ จัดที่ IDEO Mobi Rama9 ก่อนพาเข้างาน พาไปดูบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางของ IDEO Mobi ที่ใช้จัดงานนี้กันก่อน เป็นรูปที่ทางอยู่สบายถ่ายตอนได้มีโอกาสแวะเข้าไปทำรีวิวเมื่อไม่นานมานี้กันก่อนครับ …. (อ่านรีวิว IDEO Mobi Rama9 คลิกที่นี่)
งานจัดที่พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 6 ครับ
ห้องส่วนกลางมีครัวที่กว้าง วันงานห้องนี้ก็ถูกปรับให้เป็นงานคอกเทล รับประทานอาหารร่วมกัน (ตอนนี้อาหารยังไม่ลง 5555)
มีห้อง Games Room ด้วยค่ะ พื้นที่ตรงนี้วันงานจะเป็นที่เอาไว้นั่งพูดคุยเสวนาร่วมกัน
สระว่ายน้ำครับ
มีพื้นที่ไว้ปาร์ตี้ได้ด้วย
แหนงหน้าดูตัวคอนโดกันบ้าง
มาดูภายบรรยากาศภายในงาน ตอนกลางคืนกันครับ น่าเสียดายวันที่จัดงานมีฝนตกลงมา ทำให้ต้องเปลี่ยนไปจัดในห้องด้านใน ไม่อย่างงั้นคงได้ปาร์ตี้ริมสระน้ำกันแล้ว ^__^ (ว่าแต่ใครปักตะไคร้คร้าบบบบ สารภาพมา!!! :P)
คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ซีอีโอหนุ่มของ IDEO มากับชุดผ้ากันเปื้อน ทำให้บรรยากาศเป็นไปแบบสบายๆ ความฝันที่จะมีคนระดับ CEO มาเสริ์ฟอาหารให้ทานก็เป็นจริงวันนี้แหละ
มีการเสวนาแบบกันเองในเรื่องของความสำเร็จและการใช้ชีวิตแบบคน Gen C กับ คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Ookbee ผู้พลิกโฉมวิธีการอ่านหนังสือของคนไทยด้วยแอพลิเคชั่นที่สามารถดูได้จากสมาร์ทโฟน และ ดร. มาลียา โชติสกุลรัตน์ Researcher, Writer และ Swing Dancer ครับ
เหล่าบรรดา Blogger หลากหลายสาขามารวมตัวยกันอย่างอบอุ่นทีเดียว
มาพูดถึงจุดประสงค์หลักของงานกันครับ นอกจากจะเป็นการจัดขึ้นเพื่อพบปะสังสรรค์กันแล้ว ยังเป็นการพูดคุยกันเกี่ยวกับ “The C Generation” อย่างที่บอกไปว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ IDEO ซึ่ง Ananda เอามาตีความ “C” และขยายความเพิ่มขึ้นให้มากกว่าแค่คำว่า Content ครับ
อนันดาเลือกจะตีความ The Generation C ออกมาเป็น C ย่อยๆอีก 6 ตัว เพื่อเป็นแนวคิดในการพัฒนาโครงการของตัวเอง C ทั้ง 6 ตัวก็มีดังนี้ครับ
- Cash Smart : ฉลาดคิด ฉลาดในการบริหารเงินให้ได้ประโยชน์สูงสุด อย่างเช่น การซื้อและลงทุนในเรื่องที่อยู่อาศัยแทนที่จะซื้อรถยนต์
- Convenience : ชีวิตที่สะดวกสบาย ทั้งเรื่องการเดินทาง ที่อยู่อาศัย การทำงานหรือการพักผ่อน และใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีอย่างSmartphone
- Creative : สนใจรายละเอียดและการออกแบบที่ดูดี มีสไตล์เพิ่มเติม นอกเหนือการวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
- Casual Work Life Balance : ต้องมีความสมดุลกันของการใช้ชีวิตระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ไม่ใช่วันๆทำแต่งานแต่ไม่รู้จักการพักผ่อน
- Control : จัดการเวลาและชีวิตของตัวเองได้ ทั้ง Live/Work/Play ให้มีทั้งเรื่องการใช้ชีวิต งานและเวลาพักผ่อน
- Connect : เชื่อมต่อตลอด 24 ชม. มีชีวิตออนไลน์ ทั้งการรับรู้ข่าวสารต่างๆ หรือการพูดคุุยกับเพื่อนๆ ก็ทำได้ง่ายได้
โดยกลุ่มเป้าหมาย Gen C นั้น ทาง Ananda ยังสามารถแบ่งลงไปได้อีกเป็น 3 ช่วงอายุ คือ
- Baby Gen C ช่วงอายุตั้งแต่ 18 – 24 ปี คือช่วงวัยมหาวิทยาลัยจนถึงเริ่มทำงานใหม่ๆที่ทางบ้านยังให้การช่วยเหลือทางด้านการเงินอยู่
- Bachelor Gen C ช่วงอายุตั้งแต่ 25 – 34 ปี คือช่วงวัยทำงานรุ่นใหม่
- Marriage Gen C ช่วงอายุ 35 – 44 ปี คือช่วงวัยเริ่มมีครอบครัวและบุตร วัยนี้จะมองหาเรื่องของความมั่นคงเป็นหลัก
..
..
..
ตอนแรกนั่งฟังเพลินๆถึงตรงนี้ ผมว่าอนันดาแบ่ง Segment ไม่ครบนะครับ คือ อนันดาฯ จะไม่มีที่ว่างในสังคมให้คนอายุ 35 ขึ้นไปแล้วยังโสดอยู่บ้างเลยหรอฮะ ….. ลูกค้าเยอะนะครับกลุ่มนี้ Lol
..
..
..
นอกจากนี้มีตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวนึง ซึ่งมีการคำนวนออกมาเล่นๆว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนที่อาศัยในเมืองเนี้ย จะเสียเวลาเฉลี่ยอยู่ในรถติดบนท้องถนนถึง 44 วันต่อปี (มากกว่าวันพักร้อนของพนักงานออฟฟิช 4.4 เท่า!!!) อนันดาก็เลยมักจะวางตัวโครงการคอนโด IDEO ของตัวเองอยู่ในรัศมีห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 300 เมตร เพื่อรองรับชีวิตคนเมืองเป็นหลัก จะได้ตอบสนอง C ทั้ง 6 ตัวที่อนันดาวางแนวคิดเอาไว้
คอนโด IDEO ก็จะถือคอนเซ็ประยะทางไม่เกิน 300 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า ถ้าไกลออกมากว่านั้นก็จะวางแบรนด์ ELIO ไว้แทน
อนันดาคำนวนมาให้เล่นๆว่าระยะทางเฉลี่ยของ IDEP ทุกโครงการห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 120 เมตร
ช่วงปีที่แล้วที่ทางอยู่สบายเปิดเว็บใหม่ เป็นปีที่อนันดาฯส่งคอนโดลงตลาดหลายโปรเจค นับไปนับมาก็รีวิว IDEO กับ ELIO ไปหลายโปรเจคทีเดียว ลองไปอ่านดูเล่นๆได้ครับ
รีวิว IDEO MOBI จรัญ-อินเตอร์เชนจ์
รีวิว Elio Sukhumvit 64 เวอร์ชั่นสร้างเสร็จ
..
..
..
หลังจากฟังทางการตลาดของอนันดาฯเล่าแนวคิดพร้อม(แอบ)ขายของจนจบ
ผมหันไปถามทีมงานอยู่สบายว่า “ตัว C” ของพวกเราเป็นอะไรกันดี ….
..
..
..
เวลาแห่งความนึกคิดผ่านไปแค่ช่วงเสี้ยววินาที …
พร้อมคำตอบกลับมาอย่างมั่นใจว่า
..
..
..
“Cool Beer” สิคร้าบบบบบบบ
จบกันดื้อๆแบบนี้แหละครับ แฮ่… ^^