งานสถาปนิก 58 ณ Impact Arena เมืองทองธานี เก็บตกบรรยากาศในงาน
· 1 min readทุกปลายเดือนเมษายนต่อกับต้นเดือนพฤษภาคมของทุกทีจะมีงานสถาปนิกซึ่งจัดขึ้นที่ Challenger Hall, Impact Arena เมืองทองธานี เป็นประจำทุกปีครับ ปีนี้ก็มีจัดอีกเช่นกัน งานสถาปนิกนั้นก็จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆคล้ายกันทุกๆปี ส่วนแรกก็คือส่วนที่แสดงผลงานการออกแบบในวงการสถาปัตยกรรมของเมืองไทย ทั้งผลงานของบริษัทต่างๆรวมถึงผลงานของนิสิตนักศึกษา, ผลงานประกวดแบบแนวความคิดทางสถาปัตยกรรม และก็นิทรรศการซึ่งจะจัดเข้ากับธีมของงานในแต่ละปี รวมถึงการบรรยายสัมมนาในหัวข้อต่างๆที่มักจะเชิญสถาปนิกและนักออกแบบที่น่าสนใจมาพูดคุยเล่าประสบการณ์ต่างๆให้ฟังกัน และอีกส่วนนึงซึ่งกินพื้นที่ใหญ่มากและเป็นที่สนใจของคนทั่วไปก็คือพื้นที่ในการแสดงสินค้าและวัสดุก่อสร้างต่างๆที่ขนกันมาเพียบ ถ้าใครจะสร้างบ้านมางานนี้งานเดียวก็ได้กันเกือบครบครับ อยู่สบายเก็บบรรยากาศมาฝากกัน
เข้ามาใน Challenger Hall แล้วก็มาลงทะเบียนหน้างานครับ ช่วงคนพีคๆนี่มีหลายคนที่บ่นเรื่องต่อคิวนานเยอะเหมือนกัน ผมโชคดีที่ตอนไปคนไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ในแบบฟอร์มลงทะเบียนก็จะให้กรอกข้อมูลของผู้เข้าชมงาน และก็ให้กรอกข้อมูลช่องทางการส่งข่าวสารของงานสถาปนิก(ปีหน้า)ได้ในช่องทางไหนบ้าง ผมกรอกข้อมูลไปทุกปี แต่ถึงเวลาก็ไม่เคยได้ข่าวสารมา ตรงนี้ผมว่าทีมงานน่าจะปรับปรุงหน่อยก็ดีนะครับ (บ่นๆๆ 555)
ด้านหน้าก็จะมีแผนผังของงานอยู่ พื้นที่ตรงกลางสีเหลืองที่เห็นจะเป็นส่วนของสมาคมสถาปนิกสยามที่จัดนิทรรศการต่างๆ พื้นที่รอบๆก็จะเป็นบูธแสดงสินค้า วัสดุ และการก่อสร้าง โดยแบ่งออกเป็นโซนๆชัดเจน วัสดุหมวดเดียวกันก็จะอยู่ใกล้ๆกันครับ
ติดๆกันก็เป็นตารางของกิจกรรมต่างๆตลอดงาน ระบุช่วงเวลาและสถานที่เอาไว้เรียบร้อย
เข้ามาตรงกลางก็จะมีนิทรรศการเกี่ยวกับสถาปนิกรุ่นใหญ่ๆที่ประสบความสำเร็จกันไปแล้วครับ
มีมุมจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติและผลงานของสถาปนิกที่เป็นศิลปินแห่งชาติในสาขาสถาปัตยกรรมและสาขาต่างๆครับ
พอเข้ามาพื้นที่ตรงกลางเป็นการรวบรวม 100 projects ที่น่าสนใจอยู่ในขณะนี้เอามาให้ดูกัน มีทั้งที่เป็นของบริษัทออกแบบและมาจากสถาบันการศึกษาครับ
พื้นที่ตรงกลาง Hall นั้นก็ใช้จัดกิจกรรมหมุนเวียนกันไป ตอนที่ผมไปเป็นช่วงกิจกรรมของเด็กๆ น้องเลยวิ่งเล่นกันเยอะเลย
ลองเดินดูโปรเจครอบๆกันครับ ในงานปีนี้มีธีมว่า ASA NEXT ตัวตนคนไทย เราเลยจะเห็นโมเดลงานสถาปัตยกรรมไทยรวมถึงงานสถาปัตยกรรมเชิงอนุรักษ์มาจัดแสดงอยู่ในสัดส่วนที่มากกว่าปีก่อนๆครับ
โครงสร้างงานนี้เท่ดี
มีผลงานตึกใหม่ๆมาจัดโชว์ด้วยเช่นกัน ที่เห็นสูงสุดใน Hall วันนั้นก็เป็นโมเดลของ Super Tower ที่สี่แยกพระราม 9 ที่เปิดตัวไปปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบอยู่ครับ
แอบซูมดู สเปซในตัวตึกจะมีการซอยเป็นสเปซโล่งๆแต่ละจุดกระจายไปในหลายๆชั้น ลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ด้วย ดีไซน์จริงๆก็คงต้องรอดูกันต่อไปเรื่อยๆครับ
ข้างๆกันเห็นโมเดลโครงสร้างอาคารของตึกตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ที่ตอนนี้ก็คืบหน้าไปมากแล้ว ตามกำหนดช่วงปลายๆปีนี้ก็น่าจะเปิดใช้ได้
โปรเจคนี้ชื่อ Glasshouse อยู่หน้าตึกสินธร ทีกำลังปรับปรุงอยู่ครับ
ชอบบ้านหลังนี้เป็นพิเศษ เป็นบ้านชั้นเดียวสเปซน่ารักๆ
นี่เป็นโมเดลของสเปซภายในบางส่วนอาคารผู้โดยสารของสถานีกลางบางซื่อในส่วนที่เป็นรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) ครับ
ต่อกันด้วยโมเดลสเปซภายในบางส่วนของอาคารสยามกิตติ์ ที่อยู่ในสยามสแควร์
โมเดลอาคารเฉลิมพระเกียรติของโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าฯ
ใน Hall ตรงกลางจริงๆก็ยังมีโปรเจคน่าสนใจอีกหลายที่ลองไปเดินดูกันได้ครับ ออกมาด้านข้างก็จะมีส่วนจัดแสดงผลงานการประกวดแบบของปีนี้ที่จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยามอยู่ หัวข้อการประกวดในปีนี้คือ Density l Dense City โดยโจทย์ในปีนี้จะตั้งคำถามปลายเปิดว่าเราจะใช้งานสถาปัตยกรรมเข้าไปเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่แทรก “ผ่าตัด” เข้าไปในใจกลางความหนาแน่นของเมืองเพื่อเบียดแทรกพื้นที่สาธารณะเข้าไปได้อย่างไรบ้าง
มีผลงานที่ได้รับการคัดเลือกมาจัดแสดงอยู่หลายชิ้นด้วยกัน
นี่เป็นงานชิ้นที่ชนะเลิศการประกวดครับ งานชิ้นนี้มองให้ทางด่วนนั้นเหมือนสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่ง แทนที่จะเป็นทางวิ่งในระนาบเดียวก็สร้างพื้นที่ซ้อนทับกันทั้งระบบขนส่งมวลชน พื้นที่สาธารณะ รวมถึงพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ด้านบนกับด้านล่างให้เกิดประโยชน์และก็เพิ่มพื้นที่เมืองได้น่าสนใจดี
รูปขยายแนวความคิดที่ได้รางวัลชนะเลิศชัดๆครับ ส่วนงานอื่นใครอยากติดตามก็ดูได้ตาม link >> ผลรางวัลประกวดแบบ ASA International Design Competition ครับ
เรามาเดินสำรวจดูวัสดุและงานแสดงสินค้าส่วนต่างๆกันบ้างครับ การแบ่งหมวดหมู่ก็จะรวมๆกันเป็นโซนๆอย่างที่ได้เล่าไปแล้วคร่าวๆ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่แยกตัวออกจากโซนสินค้าของตัวเองไปบ้าง ต้องมีเวลาพอควรในการเดินดูหล่ะครับ เพราะงานใหญ่จริงๆ
ผมเริ่มเดินตั้งแต่ทางขวามือสุดของ Hall มาเลย มีสินค้าที่หนักๆอย่าง Folk Lift มาด้วย (จริงๆก็ดูจะผิดจากงานสถาปนิกไปหน่อย ไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่)
ฝั่งริมสุดจะเป็นสินค้าพวกหลอดไฟ โคมไฟ ประเภทต่างๆ ทั้งแบรนด์ใหญ่ๆ และแบรนด์แนวๆ
มีบูธเครื่องพิมพ์อย่างพวก Canon , Epson เน้นไปพวกเครื่องพิมพ์งานขนาดใหญ่
แล้วก็มีสินค้าพวกกล้องวงจรปิดตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ
หิวๆหรือเมื่อยก็มีร้านอาหารให้นั่งพักอยู่
สินค้าพวกระบบปั๊มต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบสุขาภิบาลก็มาด้วย
เครื่องปรับอากาศเจ้าใหญ่อย่าง Mitsubishi ก็มา
ถัดมาก็เป็นบูธของอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกสวิตซ์และปลั๊ก ของ Biticino ยี่ห้อนี้เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะโปรเจคบ้านและคอนโดต่างๆชอบใช้กัน
จริงๆมีหน้าตาสวยๆเยอะมาก แต่คอนโดทั้งหลายก็มักเลือกเอาแบบรุ่นถูกสุดประหยัดสุดมาให้ใช้หล่ะนะ
เดินผ่านเข้าไปในบูธของ Christina เป็นแบรนด์สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำที่โครงการบ้านและคอนโดต่างๆใช้กันอยู่เยอะเช่นกันครับ ห้องนี้เขาจัดแสดงอ่างอาบน้ำใช้ Lighting นี่ได้ดูเหมือนอยู่ในผับดี ออกแนว Erotic หน่อยๆ
ถัดจาก Christina แล้วก็เดินเข้าบูธของ Charmer เคาน์เตอร์ตัวนี้คุ้นๆไหมครับ ถ้าใครเคยดูคอนโดของ LPN นี่ใช้สเปกนี้เลย เป็นอคิลิก เวลาทำความสะอาดนี่ไม่ควรใช้น้ำยาที่เป็นกรดเป็นด่างสูงๆนะครับ ผิวพวกนี้ไม่ได้ทนทานมากเดี๋ยวมันจะเป็นขุยซะหมด แนะนำให้ใช้พวกน้ำยาล้างจานผสมน้ำอ่อนๆก็ได้
อ่างแบบนี้ทำจากเรซิน ซึ่งก็คืออคิลิกผสมกับเซรามิคนั่นเองครับ ราคาก็จะแพงขึ้นมาอีกหน่อย
เดี๋ยวนี้เริ่มมีอ่างที่ทำจากหินเทียมด้วย ผิวก็จะเรียบๆ เวลาสัมผัสดูจะรู้สึกด้านกว่าแบบอื่นๆ พวกนี้ก็ทำความสะอาดยากหน่อยครับ
ยังอยู่ที่โซนในห้องน้ำครับ เราแวะไปดูบูธของ i-spa
Rain Shower อันนี้แนวมาก
Rain Shower ของบ้านแพงๆนี่ปรับได้หมดทั้งรูปแบบของน้ำที่ออกมา แสง สี เรียกว่าเพลินทีเดียว แต่สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ใช้ฝักบัวธรรมดากันไปก่อนนะครับ
ใกล้ๆกับบูธ i-spa ก็จะมี Hafele’
ใกล้ๆกันก็จะเป็นของ Kenzai ครับ เป็นกระเบื้องยอดฮิตอีกแบรนด์เหมือนกัน
เดินมาอีกหน่อยจะเจอบูธนี้ของ TOA ครับ เด่นมาก
ตรงข้ามกับ TOA ก็เป็นปูนกาวตราจระเข้
พวกวัสดุพื้นก็มีมากันหลายยี่ห้อให้เลือกดูกัน
ส่วนนี่เป็นการเคลือบผิวหน้าบานต่างๆทำเป็นผิว High Gloss มันวาว โดยพวกนี้ข้างในก็มักจะใช้วัสดุอย่างพวก MDF มาทำครับ
มาถึงบูธใหญ่อีกบูธนึงในงานครับ เจ้านี้มาเหมาพื้นที่ใหญ๋สุดทุกปี ไม่ใช่ใครที่ไหน SCG นั่นเอง
ด้วยความที่บูธใหญ่มาก ด้านในก็จะแบ่งเป็นโซนๆ ส่วนนี้เป็น SCG HEIM บ้านสำเร็จรูปที่ SCG นำเทคโนโลยีเข้ามาจากญี่ปุ่น
มีโซนของ Cotto ที่จัดวัสดุสุขภัณฑ์ต่างโดยทำเป็น Mock-up ห้องน้ำมาให้ดูกันในหลายๆรูปแบบ
มีมุมให้คำปรึกษาเรื่องบ้าน
บูธ SCG นั้นจะอยู่ช่วงกึ่งกลาง Hall ครับ พอออกมาก็เท่ากับเดินงานมาครึ่งนึงแล้ว เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอพรมและเครื่องนอนของ PASAYA
พวกกระเบื้องหินและกระเบื้องผนังต่างๆนี่มากันหลายแบรนด์เช่นเคย
ถัดมาก็จะเป็นโซนของบริษัทรับสร้างบ้านต่างๆครับ แต่ก่อนบูธของบริษัทรับสร้างบ้านจะอยู่ริมๆฝั่งขวาที่คนเดินไม่ค่อยเยอะ ปีนี้ย้ายมาอยู่กลางๆเลย
มาถึงพวกแผ่นวัสดุปิดผิวนี่ก็มี 2 แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Formica และ Wilsonart มาตั้งอยู่ใกล้ๆกัน
เลยมาอีกหน่อย ที่แปลกตาไปคือปีนี้เปิดพื้นที่ให้บูธจากต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้นครับ จัดเป็น International Pavilion กันโซนนึงเลยทีเดียว
ที่เหมาไปเยอะสุดก็เป็นสินค้าจากจีนครับ จริงๆเดี๋ยวนี้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่เป็นแบรนด์ไทยนี่ก็ Made in China กันเยอะมากอยู่แล้ว คราวนี้พี่เขาขนมาเองกันเลย
มีญี่ปุ่นมาด้วยนะก๊ะ อาริงาโตะ!
บูธจากต่างชาติก็จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆกระจายๆกันไปครับ
จากไต้หวันก็มากับเขาด้วย
รัชเซียก็มาครับ (เขาขนพริตตี้มาจากรัชเซียเองเลยด้วยนะ)
เลยจากโซน International Pavilion มาก็จะเป็นโซนของสีครับ ที่เห็นใหญ่ๆก็มี สี Beger กับสี Dulux แต่ก็เรียกว่ามาหลบมุมอยู่ เพราะคู่แข่งอย่าง TOA เขาไปจัดใหญ่อยู่ตรงกลางงานไปแล้ว
เดินมาซะนาน เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันครับ โดยรวมๆถ้าใครจะอยากเดินดูงานนี้ทั่วๆก็น่าจะต้องมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวันหล่ะครับ บรรยากาศในงานโดยรวมๆนั้นก็คล้ายๆกับทุกปี มีทั้งโซนโชว์ผลงาน ให้ความรู้ และโซนขายของ ช่วงหลังๆนี่ดีหน่อยที่ไม่ได้เน้นพริตตี้กันมากเหมือนช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ แต่ก่อนพอมาเดินนี่จะกลายเป็นงานโชว์พริตตี้มากกว่างานสถาปนิกไป โดยรวมๆแล้วก็ยังเป็นงานที่แนะนำให้มาเดินเล่นอัพเดตข้อมูลกันปีละครั้งว่าตอนนี้ตลาดเรามีวัสดุอุปกรณ์อะไรใหม่ๆเข้ามาบ้าง รวมถึงอัพเดตดีไซน์ใหม่ๆกันไม่ให้ตกยุคครับ
วันนี้ก็ลาไปก่อนเท่านี้นะครับ ผมกันใหม่บทความหน้า สวัสดีคร้าบบบบ ^^
来看看