สวัสดีเพื่อนๆ ชาวอยู่สบายค่ะ รีวิวนี้พามาชมคอนโด The Tree Interchange ของ พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ตั้งอยู่ระหว่างสถานี MRT เตาปูน และสถานี MRT บางโพ คอนโดที่อยู่ในโซนนี้ส่วนใหญ่ก็จะขอต่อท้ายชื่อตัวเองด้วยคำว่า “Interchange” ที่เป็นแบบนี้เพราะสถานีเตาปูนเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ – บางใหญ่) กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ – ท่าพระ) คอนโด The Tree Interchange ตัวนี้เป็นโครงการที่สร้างเสร็จเป็นโครงการที่ 3 ของแบรนด์ The Tree ในย่านนี้ถัดจาก The Tree BangPo, The Tree Privata ซึ่งในบรรดาทั้ง 3 โครงการ The Tree Interchange นี้จัดเป็นพี่ใหญ่ไซซ์บิ๊ก ด้วยจำนวนยูนิตมากกว่า 1,700 ยูนิต ตอนนี้โครงการเสร็จและมีลูกบ้านย้ายเข้าอยู่แล้ว เราตามไปดูรีวิวคอนโด The Tree Interchange กันแบบละเอียดยิบเช่นเคยค่ะ
The Tree Interchange รีวิวคอนโด high rise ติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ระหว่างสถานีเตาปูนและสถานีบางโพ จากพฤกษา
· 38 min readเริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน
The Tree Interchange
(เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์)
- เจ้าของโครงการ >>> บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนประชาราษฎร์สาย 2 (เยื้องโรงพยาบาลบางโพ)
- ขนาดที่ดิน >>>
- อาคาร A 7 – 1 -0 ไร่
- อาคาร B 4 – 2 – 5 ไร่
- จำนวนชั้น >>>
- อาคาร A 40 ชั้น
- อาคาร B 39 ชั้น
- จำนวนอาคาร >>> 2 อาคาร
- ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
- Cooper 22 ตารางเมตร
- Studio 29.50 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 35.00 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms Corner 58 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms Special 63 ตารางเมตร
- จำนวนยูนิต >>>
- อาคาร A 1,085 ยูนิต
- อาคาร B 639 ยูนิต
- ที่จอดรถ >>>
- อาคาร A 548 คัน 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- อาคาร B 380 คัน 60% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.4 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 10/11/2558)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> 82,xxx – 91,xxx บาทต่อตารางเมตร (ราคา ณ วันที่ 10/11/2558)
- พิกัด GPS >>> 13.805467, 100.525177
- เว็ปไซต์โครงการ >>> www.thetreecondo.com/interchange
คอนโด The Tree Interchange ตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลบางโพค่ะ ที่ตั้งคอนโดอยู่ระหว่างสถานีเตาปูนของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสถานีบางโพของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือจะพูดว่าอยู่ระหว่างแยกบางโพกับแยกเตาปูนก็ได้ค่ะ ระยะทางจากคอนโดเดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ ไปที่สถานีเตาปูนมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ส่วนไปสถานีบางโพได้ในระยะ 380 เมตรค่ะ จะไปสายสีม่วงยังไงก็ต้องเดินไปทางเตาปูน แต่ถ้าจะไปสายสีน้ำเงินเดินไปทางบางโพก็ใกล้กว่า ระยะทางไปสถานีบางโพนับว่าพอเดินได้อยู่ เพราะรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดใช้ปี 2560 นี้แล้วค่ะ ส่วนสายสีน้ำเงินต้องรอกันไปอีก 3-4 ปี
เริ่มเดินทาง ดูทำเล
วันนี้เราเริ่มเดินทางด้วยการใช้ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี วิ่งเข้าแยกเตาปูน แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ค่ะ แล้วขับมุ่งหน้าไปที่แยกบางโพ โครงการ The Tree Interchange จะอยู่ทางซ้ายมือ ถัดจากโครงการคอนโด The Stage เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ค่ะ
เริ่มจากบนถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี มุ่งหน้าไปที่แยกเตาปูนค่ะ
เห็นป้ายเลี้ยวขวาไปบางโพ ก็ชิดขวาได้เลย
เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่แยกเตาปูน ตัวสถานีเตาปูนจะคล่อมแยกนี้อยู่ค่ะ
ขับมาเรื่อยๆ ผ่านคอนโด Chewathai Interchange จากบริษัทชีวาทัยค่ะ คอนโดนี้ติดทางขึ้นสถานีเตาปูนเลย
เลยมาหน่อยเป็นคอนโด Rich Park 2 หรือ Rich Park เตาปูน
จะผ่านตึกแถวอาคารพาณิชย์ข้างทางมาเรื่อยๆ ก่อนจะเจอ คอนโด The Stage เตาปูน จาก Real Asset ป้ายสีส้ม แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ขับชลอๆได้เลยค่ะ เดี๋ยวเลยโครงการ
ถึงแล้วค่ะ คอนโด The Tree Interchange ป้ายสีน้ำเงิน
เป็นโครงการที่หาได้ง่ายมากค่ะ เพราะจะเห็นมาแต่ไกล เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ มี 2 อาคารแบบนี้ค่ะ
มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
เริ่มจากตำแหน่งที่ตั้งโครงการคอนโด The Tree Interchange อยู่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 ระหว่างสถานีเตาปูน (สถานี Interchange) และสถานีบางโพ (สายสีน้ำเงิน) ซึ่งค่อนมาทางสถานีบางโพมากกว่า ถนนประชาราษฎร์สาย 2 นี้กำลังเป็นที่นิยมมากจากบริษัท Developer เนื่องจากใกล้สถานีเตาปูนซึ่งเป็นสถานี Interchange Station แถมถนนสายนี้เป็นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งยาวตลอดถนน ทำให้ถนนเส้นนี้มีโครงการคอนโดเกิดขึ้นเพียบและราคากระโดดจนน่าตกใจ คอนโดตรงโซนนี้จะแบ่งเรื่องทำเลออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มคอนโดที่ม่ีทำเลที่ติดกับสถานีเตาปูนซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ เช่น Chewathai Interchange, Rich Park 2 @ Taopoon Interchange หรือจะเป็น Ideo Mobi Bangsue Grand Interchange ล่าสุดที่เพิ่งเปิดของทางอนันดาฯ กับกลุ่มคอนโดที่ทำเลมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น Chewathai Residence บางโพ, The Tree บางโพสเตชั่น และ 333 Riverside ซึ่งเจ้าคอนโด The Tree Interchange ตัวที่เรามารีวิววันนี้จะอยู่กึ่งกลางระหว่างคอนโด 2 กลุ่ม คือก็พอเดินไปสถานีเตาปูนได้แต่ไม่ได้ใกล้นักแต่ก็เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ภาพรวมๆของโซนที่ตั้งนั้น ถือว่าอยู่ริมๆ ของกรุงเทพฯ สามารถเข้าตัวเมืองได้ไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับจะพูดได้ว่าสะดวกสุดๆ เดิมเป็นย่านเก่าแก่และเป็นที่พักอาศัย ไม่ค่อยมีศูนย์การค้าเท่าไหร่ มีก็แต่ Tesco Lotus สาขาประชาชื่น ที่แยกประชาชื่น กับตลาดเล็กๆอย่างตลาดบางโพ, และตลาดใหญ่มากในพื้นที่อย่าง ตลาดเตาปูน และร้านค้าเล็กๆในตึกแถวตลอดสองข้างทางค่ะ เข้าซอยไปก็จะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยเก่า เป็นบ้านปูนบ้าง บ้านไม้บ้าง บ้านครึ่งปูนครึ่งไม้บ้าง แต่ในอนาคตอันใกล้ แถวๆนี้คงเจริญได้อีกค่ะ เพราะมีหลายโครงการใหญ่ๆที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ค่ะ อย่างรัฐสภาใหม่และสะพานเกียกกาย (กราฟิกชมพู) รวมไปถึง Hub รถไฟฟ้าบางซื่อค่ะ (กราฟิกชมพู) ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อโครงการคอนโดที่ขึ้นแถวนี้ให้เดินทางสะดวกขึ้น (หรือจะแออัดกว่าเดิมก็ไม่ทราบ :P) แต่มีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้จะกลัวอะไรไป ที่แน่ๆ คือจะมีกฎหมายห้ามสร้างอาคารสูงใกล้รัฐสภา ในระยะ 500 เมตร ทำให้คอนโดแถวๆที่อยู่ตามเส้นประชาราษฎร์สาย 2 มีโอกาสน้อยที่จะมีโครงการอาคารสูงอื่นขึ้นมาบังวิว สามารถมองเห็นวิวรัฐสภาได้ชัด รวมถีงได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
มาเริ่มไล่การเดินทางกันก่อนดีกว่าว่าสามารถไปทางไหนได้บ้าง จากถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่หน้าโครงการ หัวถนนและปลายถนนจะเชื่อมกับแยกเตาปูนและแยกบางโพค่ะ ที่แยกเตาปูนสามารถเข้าเมืองได้โดยไปทางบางซื่อ เข้าถนนกำแพงเพชรไปออกพหลโยธิน หรือจะเลี้ยวที่แยกไปเข้าถนนกรุงเทพฯ – นนทบุรี, ถนนประชาชื่นเพื่อไปออกถนนรัชดาภิเษกก็ได้ค่ะ ส่วนแยกบางโพเป็นจุดที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 สามารถใช้ไปทางสะพานพระราม 7 ได้หรือจะไปทางแยกเกียกกาย, รัฐสภาใหม่ก็ย่อมได้ และอยู่ติดเจ้าพระยาขนาดนี้ ต้องเดินทางด้วยเรือได้แน่นอน มีท่าเรือบางโพอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ (แต่ตอนก่อสร้างรถไฟฟ้าท่าเรือปิดยาวนานจนกว่าจะสร้างเสร็จ ถึงจะเปิดให้บริการใหม่นะคะ)
ดูภาพรวมไปแล้ว ทีนี้มาดูบริเวณรอบๆ คอนโด The Tree Interchange กันบ้างค่ะ เริ่มจากคอนโดที่อยู่ใกล้ๆกับ The Tree Interchage คือคอนโด The Stage เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ จาก Real Asset (หมายเลข 1) ไล่มาที่หน้าโครงการตลอด 2 ข้างทางจะเป็นอาคารพาณิชย์ (กราฟิกสีฟ้า) ใกล้ๆ The Stage เตาปูนจะมีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาราษฎร์ (หมายเลข 2) ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกันเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโพ หน้าโครงการ The Tree Interchange มี 7-Eleven ด้วย (หมายเลข 3) ไล่ต่อไปทางแยกบางโพ มีปั๊มเติมแก๊ส (หมายเลข 4) หลังปั๊มเป็นบ้านเดี่ยวสูง 1-2 ชั้นติดกับโครงการ (หมายเลข 5) ถัดไป The Market ที่เป็นศูนย์การค้าแต่ตอนนี้ปิดบริการอยู่ เจ้าของจริงๆ คือเครือ TCC Land (หมายเลข 6) ติดๆกันเป็นปั๊มน้ำมัน Esso (หมายเลข 7) หลังปั๊มเคยเป็นอาคารจอดรถของ The Market ซึ่งตอนนี้ปล่อยรกร้างอยู่ (หมายเลข 8) ส่วนตรงข้ามปั๊มคือโรงพยาบาลบางโพค่ะ
ถัดมาที่แยกบางโพ จะมีตลาดบางโพ และโครงการคอนโดอยู่หลายๆโครงการ อย่าง Chewathai Residence จากบริษัท ชีวาทัย, 333 RiverSide ของ Land and House ที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและติดสถานีบางโพ และ The Tree Bang Po Station จากพฤกษาซึ่งทีมที่พัฒนาก็เป็นทีมเดียวกับที่ทำคอนโด The Tree Interchange นี่แหละค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบคอนโด
พาไปเดินเล่นรอบๆก่อนเข้าตัวโครงการค่ะ
หันหน้าออกจากโครงการหันไปทางขวามือ ลองไปเดินสำรวจฝั่งนี้กันก่อนค่ะ
สบายแล้วหน้าโครงการมี 7-Eleven ด้วยอยู่ใกล้ๆกับสะพานลอยค่ะ
ถ้าข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่งจะเป็น อู่ซ่อมรถยนต์ติดกับภัทรอพาร์ตเมนต์ ที่อยู่ตรงข้ามกับโครงการ The Tree Interchange พอดี
และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโพ อยู่ฝั่งตรงข้าม
เดินต่อมาเรื่อยๆจะเป็นพวกร้านทำเบาะรถยนต์
ใกล้ๆกับร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ไม้
ทางเดินเท้านับว่าคุณภาพดีเลยค่ะ บล็อกไม่กระเดิดมาก น่าจะเพิ่งปูใหม่ไม่นาน รูปนี้ถ่ายหน้าร้านรับจัดพวงหรีดไม่ห่างจากโครงการมากนัก
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนประชาราษฎร์ สามารถจอดรถได้ข้างหลังตัวอาคารค่ะ
แล้วก็จะถึงโครงการคอนโด The Stage เตาปูน Interchange
ฝั่งตรงข้ามคอนโด The Stage เตาปูนเป็นอาคารพาณิชย์เก่าสูง 3 – 4 ชั้นค่ะ
เดินย้อนกลับไปที่หน้าโครงการกัน ฝั่งตรงข้ามแล้วส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้นค่ะ
ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เป็นถนน 4 เลนไป-กลับค่ะ มีเกาะกลางถนน
ทีนี้เราไปออกจากโครงการเดอะ ทรี อินเตอร์ เชนจ์ไปทางซ้ายมือกันบ้างค่ะ
อาคารพาณิชย์ด้านหน้าโครงการฝั่งนี้สูง 5 ชั้น
มีร้านขายอุปกรณ์มือถือค่ะ
ติดกับคลินิกสัตว์เลี้ยงบางโพและคลินิกรักษาโรคทั่วไป
ร้านนวด, ร้านซักอบรีด ดูครบครันทีเดียวเพราะชั้นบนๆเป็นอพาร์ตเมนต์ค่ะ
หลุดจากอาคารพาณิชย์มาจะเป็นปั๊มเติม Gas เล็กๆ
ติดๆกันเป็น The Market สาขาบางโพ ของ TCC Capital Land ตอนนี้ก็ปิดตายอยู่ค่ะ
ถัดมาเป็นปั๊มน้ำมัน Esso ค่ะ ด้านในหน้าตาเหมือนเป็นโกดัง
โรงพยาบาลบางโพ ติดกับซอย Dely Bell อยู่ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมัน ESSO
โครงการ Chewathai Residence บางโพค่ะ กำลังก่อสร้าง
ติดคอนโด Chewathai Residence มีไปรษณีย์ สาขาบางโพด้วย
ถึงแยกบางโพที่เป็นจุดตัดของถนนประชาราษฎร์สาย 1 และสาย 2 ค่ะ
เหนือแยกบางโพจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าบางโพ ห่างจากคอนโด The Tree Interchange 380 เมตร และห่างจากคอนโด Chewathai Residence บางโพ 60 เมตรค่ะ
เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ
เข้าไปสำรวจด้านในโครงการกันค่ะ
บรรยากาศทางเข้าหน้าโครงการเมื่อมองจากฝั่งตรงข้าม
หน้าโครงการถูกขนาบด้วยอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นอพาร์ตเมนต์
และอีกฝั่งเป็นอาคารพาณิชย์เก่าสูง 3 ชั้นค่ะ
มองกลับไปที่ทางเข้าโครงการค่ะ ความกว้างประมาณอาคารพาณิชย์ 3-4 คูหา ถนนทางเข้า 2 เลน มีที่จอดข้างๆอีกรวมแล้วกว้างประมาณ 4 เลนได้
เข้าโครงการมาจะเจอทางแยก เลี้ยวซ้ายจะไปอาคาร B ที่อยู่ด้านหน้า ส่วนถ้าไปทางขวาจะไปอาคาร A ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในค่ะ เข้าไปแล้ว ทั้งสองอาคารจะไม่สามารถเดินเชื่อมหากันได้ค่ะ ต้องเดินอ้อมมาข้างหน้าตรงนี้
เราเข้ามาที่อาคาร B ที่อยู่ด้านหน้ากันก่อนค่ะ เลี้ยวเข้ามาด้านหน้าอาคาร B แล้ว ซ้ายมือจะเป็นโถงทางเข้าโครงการค่ะ
ส่วนขวามือเป็นร้านค้า ตั้งเป็นเหมือนเกาะอยู่ด้านหน้าอาคาร B ค่ะ
ถ้าอยู่ในโถงของอาคาร B จะมองออกไปเป็นเกาะร้านค้าอยู่ฝั่งตรงข้ามแบบนี้ค่ะ และจะมองเห็นอาคาร A ที่อยู่ลึกเข้าไปด้วย
ขับรถต่อเข้าไปค่ะ ซ้ายมือเป็นทางเข้าที่จอดรถ ลูกบ้านมีบัตรก็สามารถสแกนเข้าไปจอดได้เลยค่ะ พื้นที่จอดรถทาสีเทาเข้ม เสาโครงการจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผอมๆยาวๆ แบบในรูปนี้เลยค่ะ
ถัดจากอาคาร B เข้ามาข้างในสุด ก็จะเป็นพื้นที่ร้านค้าอีกเช่นกัน ใครขับรถเลยมาตรงนี้ก็ต้องถอยรถออกกันลำบากหน่อยค่ะ มันไม่มีที่วนรถกลับออกไปค่ะ ปัจจุบันตรงนี้เป็นสำนักงานขาย ส่วนขวามือที่เป็นขอบสีเทาๆ ใช้กั้นรถยนต์ แยกกับถนนทางเข้าโครงการ A ค่ะ
จากมุมนี้จะเห็นว่าอยู่ถัดมาจากทางเข้าที่จอดรถของอาคาร B มาไม่ไกลค่ะ
มองกลับไปที่ ร้านค้าที่เป็นเกาะด้านหน้าโครงการ เป็นฝั่งทางเข้าไปโครงการ A ค่ะ แต่ดันเป็นฝั่งที่วางเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ของร้านค้าที่อยู่ตรงเกาะกลางซะงั้น ซึ่งตรงนี้น่าจะทำฟินอะไรมาบังเสียหน่อยค่ะ เพราะเกาะกลางนี้มันอยู่ด้านหน้าโครงการเลย ลูกบ้านอาคาร A ก็จะเห็นทุกครั้งที่เข้าออกโครงการค่ะ
โถงภายนอกอาคาร B ก่อนเข้าโถงรับรองก็ตกแต่งด้วยกระจกเงาสีทองแดง มีเคาน์เตอร์หินตั้งอยู่ข้างหน้า พื้นกระเบื้องวางเป็นริ้วๆ ดูเข้ากับหลุมไฟที่ฝ้าค่ะ
พื้นกระเบื้องเชื่อมเข้ามาถึงข้างในโถงอาคาร B เลยค่ะ ด้านในตกแต่งเสาด้วยกระเบื้องสีดำเงา และไฟห้อยลงมา ดูหรูหรามากเลย
นอกจากพื้นแล้วกระเบื้องแล้ว กระจกเงาสีทองแดงก็ทะลุเข้ามาในตัวโถงอาคารด้วยเหมือนกัน ออกแบบได้ดีค่ะ ดูเป็นเรื่องราวเดียวกัน วัสดุเงาในสเปซช่วยสะท้อนมุมต่างๆ ทำให้เกิดเป็นมิติที่น่าสนใจ
ด้านในมีที่นั่งรับรองก่อนเข้าโถงลิฟต์ทางซ้ายมือค่ะ ผนังหน้าโถงลิฟต์เป็น Pattern แผ่นไม้สลับฟันปลา ทำได้เนียนดีค่ะ
อาคาร A และ อาคาร B ไม่สามารถเดินเชื่อมไปหากันได้ ต้องเดินไปวนที่หน้าป้ายโครงการใหม่เพื่อเข้ามาที่อาคาร A ค่ะ (ถ้าจะปีนข้ามขอบกั้นถนนมาก็จะดูกระไรอยู่) ที่โครงการกั้นพื้นที่แยกกันก็น่าจะมาจากเรื่องของการขออนุญาตก่อสร้างอาคารและเหตุผลทางด้านกฎหมายค่ะ ทั้งสองอาคารมีป้อมยามแยกกันเพื่อความปลอดภัย
เราเข้ามาดูที่อาคาร A กันบ้านค่ะ ที่ชั้น 1 ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ Drop Off ชั้น 1 ยกสูงประมาณ 5-6 เมตร ผนังอาคารสีบริเวณที่ทาสีน้ำเงินเข้ม งานฉาบผิวอาคารแอบเป็นคลื่นเล็กน้อย
สามารถวนรถ Drop Off ที่ใต้อาคาร A ตรงนี้ได้ค่ะ มีเคาน์เตอร์อยู่หน้าด้านเหมือนอาคาร B ทางซ้ายมือจะเป็นทางไปสวนพักผ่อน ทางขวาเป็นโถงต้อนรับ
ถ้าเดินลึกเข้าไปทางสวนพักผ่อนจะผ่านห้องเด็กเล่นค่ะ ลึกเข้าไปจนสุดจะไปออกที่สวน และลานกิจกรรมของโครงการ
ส่วนทางขวามือเป็นโถงต้อนรับ ทางเดินทางซ้ายมือที่เห็นเป็นทางเดินของชั้น 1A (ระหว่างชั้น 1-2) เพื่อไปสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสค่ะ
เข้ามาในโถงต้อนรับของอาคาร A กันบ้าง หรูหราสูสีกับอาคาร B เลยค่ะ มีพื้นที่โถงเล็กกว่าแต่ฝ้าสูง Double Space เท่าด้านนอก พื้นตกแต่งด้วยกระเบื้องหินสีดำเงา เข้าโถงลิฟต์และห้องจดหมายทางซ้ายมือ หรือจะเดินขึ้นบันไดไปจะไปที่ชั้น 1A ชั้นสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และอาคารจอดรถชั้น 1A
มองกลับลงมาที่โถง ภาพรวมก่อสร้างและตกแต่งได้ดีน่าประทับใจพอๆกับอาคาร B เลยค่ะ
โคมไฟสวยๆ ในโถงต้อนรับ
ที่นั่งริมหน้าต่าง ผนังสูงดีจริงๆ ดูแกรนด์และโอ่โถงค่ะ ส่วนวิวข้างนอกติดกับที่ดินโครงการเป็นโกดังเก่า ดูยังไม่สวยงามเท่าไหร่ คงต้องรอให้เหล่าต้นไม้ที่ปลูกไว้โตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย เพื่อจะได้พรางสายตาได้ วิวจะดีขึ้นค่ะ
ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง
ก่อนเข้าไปดูบรรยากาศภายในคอนโด The Tree Interchange มากกว่านี้ ไปดูตัวที่ดินของโครงการกันก่อน รูปร่างของที่ดินขอแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนด้านในสุด ที่เป็นที่ตั้งของอาคาร A และสวนพักผ่อน เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผอมและยาวมาก ส่วนตรงกลางของที่ดินเป็นตัว L อ้วนๆ เป็นที่ตั้งของอาคาร B และร้านค้าในโครงการ ส่วนเล็กๆด้านหน้าเหมือนซื้อตึกแถวเพื่อเป็นทางเข้ามายังที่ดินด้านในได้ค่ะ พื้นที่ของคอนโด The Tree Interchage อยู่ลึกเข้ามาด้านในแบบนี้ จึงอยู่ติดกับเขตที่อยู่อาศัยค่ะ ข้อดีที่อาคารอยู่ลึกเข้ามาหน่อยจากถนนคือเสียงจะไม่ดังและได้ความเงียบสงบมากกว่า ถ้าเป็นโครงการอยู่อยู่ริมถนนเสียงจะดัง และมลพิษเยอะ แต่เดินเหนื่อยน้อยกว่า ซึ่งก็ต้อง trade off กันไป ส่วนด้านหน้าจะเป็นอาคารพาณิชย์ตลอดแนวถนนประชาราษฎร์สาย 2 หลังอาคารพาณิชย์เป็นลานจอดรถ ซึ่งก็จะติดกับโครงการเดอะ ทรี อินเตอร์ เชนจ์ช่วงด้านหน้าพอดี
โดยรวมๆแล้วไม่มีอาคารสูงๆอยู่ใกล้ๆ เท่าไหร่ ทำให้มองเห็นวิวจากแต่ละห้องได้เต็มที่ ยกเว้นก็แต่อาคาร B ห้องทางหัวมุมด้านตะวันออกออกเฉียงเหนือ จะเจอกับโครงการคอนโด The Stage Taopoon Interchange พอดี ซึ่งห้องนี้นอกจากจะไม่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วยังโดนบังวิวอีกค่ะ ใครที่อยากได้ห้องที่มองเห็นวิวไปไกลๆ ก็คงต้องเลี่ยงห้องที่จะเห็นอาคารเพื่อนบ้านของตัวเองด้วยค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ตึก A หรือ B ก็ตาม อย่างห้องของอาคาร A ที่อยู่ทางทิศเหนือริมๆ อาคารใกล้กับอาคาร B อาจจะโดนอาคาร B เองนั่นแหละบังวิวไปซะเยอะ ยังไงแล้วก็ต้องพิจารณาเป็นห้องๆไปค่ะ แต่พอโครงการเสร็จออกมาแล้วก็ง่ายในการดูวิวจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
บินขึ้นมาดูมุมสูงกันบ้าง เริ่มกันจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วจะหมุนตัวไปทางขวามือเรื่อยๆค่ะ จากตัวโครงการมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ ถ้าอยู่อาคาร A จะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และรัฐสภาใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ (ทางซ้ายมือของภาพ)
หมุนตัวมาทางขวาอีกหน่อย มาทางทิศตะวันตกค่ะ เห็นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งจรัญเลยทีเดียว ที่เห็นก่อสร้างอยู่ทางขวามือของภาพคือคอนโด 333 RiverSide ค่ะ คอนโดนั้นจะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย และอีกไม่นานก็จะเห็นคอนโด Chewathai Residence โผล่มาอยู่ใกล้ๆค่ะ
หันมาอีกเป็นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก็จะเห็นโครงการคอนโด The Tree Bang Po Station อยู่ถัดเข้าไปตามถนนประชาราษฎร์สาย 1 ค่ะ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ถัดไปนู่นคือสะพานพระราม 7 ค่ะ
ทิศเหนือค่ะ จะเห็นรูปด้านของ The Tree Bang Po Station ชัดๆ มองไปทางนนทบุรี วิวนอกเมืองค่ะ
มุมไปทางขวาอีก ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากอาคาร A มองไปทางอาคาร B ได้ริมๆเมือง มองไปทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรีค่ะ
ด้านทิศตะวันออก มองไปตามเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนู้น ในรูปจะมองไม่เห็นสถานีเตาปูนค่ะ เพราะมีคอนโด Rich Park เตาปูน บังอยู่ สุดขอบฟ้ายังไม่เป็นแนว City Line ชัดเจนนักค่ะ ได้อารมณ์เกือบจะเฉยๆ
แต่พอหมุนขวามาทางทิศใต้ ด้านนี้จะได้วิวในเมืองไปเลยค่ะ City Line สวยงาม ทางทิศนี้จะหันไปทางถนนทหาร ฝั่งนี้จะมีแต่บ้านพักอาศัยทั้งนั้นเลย หมุนหัวไปทางขวาอีกหน่อยก็มองเห็นวิวรัฐสภาใหม่นะคะ
ดูวิวบนอาคาร A กันไปแล้ว เรากลับมาดูบนอาคาร B ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าโครงการมากกว่ากันบ้างค่ะ ก้มมองลงมาที่ด้านหน้าโครงการเพื่อดูอาคารที่อยู่ติดกัน เริ่มจากทางด้านหน้าโครงการจะเห็นกันชัดๆ ว่าด้านหน้าทางเข้าโครงการขนาบด้วยอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น และ 3 ชั้น หลังอาคารพาณิชย์จะเป็นลานจอดรถค่ะ ถัดไปเป็นปั๊มเติมแก๊ส
ด้านหลังของปั๊มแก๊สเป็นบ้านพักอาศัย สูง 1-2 ชั้น ถัดเข้าไปเป็น The Market สาขาบางโพค่ะ
อีกมุมมองจากอาคาร A มองลงมาที่ The Market ค่ะ เป็นหลังคาใหญ่ ถัดมาทางซ้ายเป็นส่วนของที่จอดรถที่อยู่หลังปั๊มน้ำมัน ESSO
มองไปทางขวาจากด้านหน้าโครงการบ้าง จะเป็นที่จอดรถของเอกชน หลังหลังธนาคารกสิกร สาขาถนนประชาราษฎร์ค่ะ
ด้านหลังลานจอดรถหลังธนาคารกสิกร สาขาถนนประชาราษฎร์ คือคอนโด The Stage Taopoon Interchange ที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ ซึ่งโครงการ The Stage เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ จะสูง 36 ชั้น สูงพอๆกับ The Tree Interchange ดังนั้นไม่อยากโดนบล็อกวิวก็ต้องระวังห้องที่หันหน้าไปทางทิศนี้ค่ะ คอนโดที่อยู่ไกลออกไปนั่นคือ Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ค่ะ
ทิศทางแดด ฝั่งไหนร้อน? ฝั่งไหนร่ม?
ตัวคอนโดนั้นเป็นรูปตัว I ทั้งสองอาคารค่ะ วางหลบมุมกันเพื่อไม่ให้บล็อกวิวกันเอง เราเริ่มจากอาคาร A ที่อยู่ด้านในโครงการก่อนค่ะ
อาคาร A จะมีขนาดยาวกว่าอาคาร B มาก วางตามแนวทิศตะวันออกและตะวันตก เริ่มจากทิศที่อยู่สบายที่สุดคือทิศเหนือ ห้องจะไม่ร้อนเลยตลอดทั้งวัน มองออกไปพอมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากมุมเฉียงๆ ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่สวยเท่าด้านรัฐสภาซึ่งอยู่ทิศใต้ เพราะมีคอนโดอื่นๆ มาบัง ระวังแค่ห้องริมสุดทางด้านทิศตะวันออกจะเริ่มโดนอาคาร B บดบังวิวค่ะ ส่วนด้านทิศตะวันออกที่ร้อนน้อยรองลงมา มีห้องอยู่ทางทิศนี้แค่ 2 ห้องมองไปทางบางซื่อ ดูเสียดายกว่าเพื่อนที่อุตส่าเป็นคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กลับมองไม่เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็ปลอบใจด้วยการมองเห็นสวนของโครงการค่ะ ทิศใต้นี้ร้อนเป็นอันดับสองรองจากทิศตะวันตก แต่ก็ได้วิวเมือง City Line, แม่น้ำเจ้าพระยาและรัฐสภาใหม่ นี่วิวสวยๆ จะต้องแลกกับความร้อนหรือนี่ และทิศตะวันตกทิศที่ร้อนสุดๆ เป็นด้านที่มี 2 ห้องเท่านั้น เป็นแบบ 2 ห้องนอนที่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา ได้วิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยาไป ถ้าอยากเห็นวิวรัฐสภาแต่ห้องไม่อยากได้ความร้อน คงต้องเลือกห้องเห็นวิวแล้วไปลงทุนกับม่านกันแดดเอาค่ะ
ส่วนอาคาร B ที่อยู่ด้านหน้าโครงการจะวางเป็นแนวเฉียง แนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ เริ่มจากทิศที่เย็นสบายที่สุดคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ อยู่ด้านหน้าของโครงการเลยมีแค่ 2 ห้องเท่านั้น ได้วิวสองทิศค่ะ ส่วนทิศที่เย็นสบายรองลงมาเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่มองเข้าหาสวนของโครงการและได้วิว City Line ค่ะ ทิศต่อมาคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้านนี้จะเจออาคาร A บังวิวไม่สามารถมองไปเห็นรัฐสภาได้ มองไปทางสะพานพระราม 7, City วิวแทนก็แล้วกัน ส่วนทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มองไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งสะพานพระราม 7 ค่ะ ก็จะเจอกับคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็น Foreground ไป
สรุปแล้วก็แล้วแต่ใครจะเน้นความสำคัญของอะไร จะเน้นวิวหรือแดด อาคาร A มีข้อดีคือมีด้านที่มองเห็นวิวรัฐสภาได้รับแดดเต็มที่ ส่วนอาคาร B ไม่มีด้านไหนที่จะมองเห็นวิวรัฐสภาได้เลย แต่การเข้าถึงโครงการสะดวกเพราะอยู่ด้านหน้า และมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า ถึงอย่างไรแล้วถ้าอยากได้วิวแม่น้ำจริงๆก็คงต้องซื้อชั้นสูงๆเท่านั้น เพราะโครงการไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยามากนัก ชั้นล่างๆ มองแทบไม่เห็นแม่น้ำเลย ต้องซื้อชั้นสูงๆหน่อยอย่างชั้น 18-20 ขึ้นไปค่ะ
สภาพอาคารจริง
ขอเกริ่นตั้งแต่เริ่มเลยว่า คอนโด The Tree Interchange ในภาพรวมทำออกมาได้เรียบร้อย และเนี๊ยบในระดับที่น่าพอใจทีเดียวค่ะ ขอชมเชย สีของอาคารเน้นโทนสีขาวและสีน้ำเงินเข้ม ดูดี การก่อสร้างก่อฉาบผนังต่างๆ ทำออกมาได้โอเค แต่ก็ยังมีบางส่วนเท่านั้นที่ดูเป็นคลื่นและดวงบ้าง คือเนี๊ยบในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีหยดสีกระเด็นเลย ไร้ซึ่งหยดสีเปื้อน ขอบสีเรียบกริบ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น เพราะไม่มีโครงการไหนทำได้ขนาดนั้นอยู่แล้วค่ะ ไม่งั้นคงต้องเป็นโครงการระดับแพงมากๆ ซึ่งโครงการแพงๆ ก็จะไม่ใช้วิธีการทาสีแบบนี้อยู่ดี
อาคาร B ค่ะ มองขึ้นไปจากชั้นล่าง จะเห็นว่าผนังเรียบกริบ เพราะใช้ผนัง Precast ที่หล่อเป็นแผ่นๆ มาจากโรงงานค่ะ มาต่อๆกันขึ้นไป แล้วทาสี เลยคุมคุณภาพได้ดีและผิวของผนังเรียบ
ชั้นหน้าต่างของห้องพักอาศัยมีลูกเล่นกรอบสีขาวมาตัดกับอาคารสีน้ำเงินเข้ม ไม่ให้ดูน่าเบื่อจนเกินไป
ชั้นล่างที่เป็นชั้นจอดรถของอาคาร A ทำฟินยาวๆสีดำลงมาคลุมด้านหน้า ส่วนด้านหลังไม่มีคนเห็นเท่าไหร่ก็ปล่อยโล่งตามระเบียบ
แม้บริเวณชั้นจอดรถก็ยังมีขอบสีขาวลงมาช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้อาคาร ยื่นฟินออกมาไม่มากเท่าชั้นห้องพัก แต่ทำให้การออกแบบดูต่อเนื่องกับชั้นบนค่ะ การดีไซน์แบบนี้ช่วยลดความหนาหนักของรูปทรงอาคารที่ยาวและดูเป็นกำแพงขนาดยักษ์ไปได้พอควร
ฟินทำจาก Aluminium Composite ขึ้นรูปเป็นกล่องทำปิดชั้นจอดรถ
ด้านกว้างของอาคาร A ที่หันไปทางสวนสาธารณะค่ะ ดูสูงชะลูดมาก
พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร
Facilities ของทั้ง 2 อาคารแยกกันอย่างสิ้นเชิงนะคะ ใครซื้ออาคาร A ไม่สามารถไปใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ B ได้ ส่วนลูกบ้านอาคาร B ก็ไม่สามารถไปใช้ของอาคาร A ได้เช่นกัน เพราะโครงการแยกนิตอบุคคลกันชัดเจน ยกเว้นสวนที่ชั้น 1 ด้านหลังโครงการไปใช้งานร่วมกันได้หมดค่ะ
มาเริ่มกันที่อาคาร A มีสวนพักผ่อนที่ชั้น 1, สระว่ายน้ำและฟิตเนสอยู่ที่ชั้น 1A ส่วน Sky Lounge อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าหรือชั้น 41 ค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 10 x 25 เมตร ลึก 1.2 พร้อมสระเด็กค่ะ ส่วนจำนวนลิฟต์ของอาคาร A มี 6 ตัวต่อ 1,085 ยูนิต สัดส่วนอยู่ที่ 180 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว ซึ่งจำนวนลิฟต์ที่มีให้น้อยไปหน่อยค่ะ
เริ่มกันที่ชั้น 1 บริเวณฝั่งตรงข้ามกับโถงเข้าอาคารจะเป็นห้องเด็กเล่น ไม่ใช่สนามเด็กเล่นเพราะมันเป็นห้องจ้า มีโซฟาให้คุณพ่อคุณแม่นั่งรอด้วย ก็ดีเหมือนกันนะคะให้ลูกเล่นอยู่ในบริเวณ ไม่หลุดรอดสายตาไปได้ ยกเว้นว่าเด็กจะเปิดประตูออกไปตอนเราหลับ
เดินออกมาที่ด้านหลังของอาคาร A เป็นพื้นที่สวนค่ะ ล่าสุดก็ปลูกหญ้าและต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว ยังไม่ถึงกับร่มรื่นมากค่ะ ต้องรอต้นไม้โตอีกหน่อย มี Track ทางวิ่งอยู่รอบสนามเลย
มีสนามบาสเกตบอลขนาดย่อมไว้ให้มาออกกำลังกายกันด้วย
มุมนี้จะเห็นอาคาร A เป็นแท่งสูงๆอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอาคารใหญ่ๆทางขวาคืออาคาร B มองเห็นชั้นจอดรถ และสระว่ายน้ำของอาคาร B ที่ชั้น 8 ค่ะ
ออกกำลังกายกันเหนื่อยแล้วก็มีที่นั่งพักกลางแจ้งให้แบบนี้ ตอนไปรีวิวนี่ต้นไม้ยังไม่โตก็ร้อนเอาเรื่อง เอาไว้น่งเล่นตอนเย็นๆ ดีกว่า พื้นที่สวนได้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ก็เนื่องจากจำนวนยูนิตเยอะค่ะ
ดูไปแล้วคงนึกภาพรวมๆไม่ออก มาดูภาพสวนจากชั้น 8 จากอาคาร B กัน จะเห็นว่าสวนเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบและยาว เท่าที่ลองเดินๆรอบๆดู ก็เหนื่อยเอาการทีเดียว
นอกจากที่นั่งพักที่เป็นเก้าอี้นั่งกลางแจ้งแล้ว ยังมีที่นั่งพักหลบแดดให้ด้วย หลังคาก็คล้ายๆกับหลังคาของ Shop ที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ ยึกยักเท่ๆ
ขึ้นไปที่ชั้น 2 กันบ้างค่ะ เราเดินขึ้นมาโถงชั้น 1 มาที่โถงลิฟต์ชั้น 2 จากตรงนี้สุดทางนู่นเป็นทางเข้าที่จอดรถค่ะ
ส่วนอีกฝั่งนึงเป็นทางเดินยาวไปที่ฟิตเนสและสระว่ายน้ำที่อยู่อีกปลายนึงของอาคาร ระหว่างทางเดินมีที่นั่งและโต๊ะให้ด้วย หลังออกกำลังกายเสร็จก็มานั่งพักคุยกัน ไม่ต้องกลัวร้อนค่ะ เพราะลมพัดเข้ามาตลอดเลย อันนี้ชมเรื่องการวางทิศทางอาคารให้รับลมถ่ายเทมาก ลมโฟลตลอด
ทางเดินที่เดินไปยังฟิตเนสเป็นบริเวณโถงด้านหน้าทางเข้าโครงการพอดีค่ะ เป็นพื้นที่ Double Space ลมโกรกดี
ด้านหน้าฟิตเนสก็มีชุดโซฟาให้นั่งเล่นกัน
เข้ามาในห้องฟิตเนส มีอุปกรณ์พอสมควรค่ะ แต่ยูนิตเป็นพัน ยังไงก็คงต้องต่อคิวกันเล่นอยู่แล้ว แบ่งๆกันใช้นะคะ
ถัดจากฟิตเนสมาจะเป็นสระว่ายน้ำอยู่ปลายสุดของอาคาร แต่เนื่องจากอยู่ชั้น 1A จะไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไหร่ค่ะ ถ้าเทียบเรื่องวิวของสระว่ายน้ำกันแล้วสระว่ายน้ำอาคาร A สู้ของอาคาร B ไม่ได้
มีที่ล้างตัวเตรียมไว้ให้ก่อนลงสระว่ายน้ำค่ะ
ฟิตเนสมี 2 ชั้น ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และสวนพักผ่อนที่ชั้น 1 ค่ะ
ขึ้นลิฟต์ไปดูชั้นบนสุดกันบ้าง ระบบลิฟต์เป็นแบบล็อคชั้น ต้องใช้บัตรแตะก่อนเลือกชั้นได้เฉพาะชั้นของตัวและและชั้นส่วนกลางค่ะ
โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย ลิฟต์ 6 ตัวเรียงหน้ากระดานกันเลยทีเดียว มีข้อเสียตรงที่ดูยากว่าลิฟต์ไหนมาถึงแล้ว ถ้าวาง 3 ตัวหันหน้าเข้าหากันกันจะสะดวกกว่า ถ้ากดอีกด้านแล้วลิฟต์ที่ขึ้นมาถึงก่อนเป็นตัวริมสุด ก็ต้องวิ่งไปขึ้นลิฟต์กันหน่อย
ออกจากลิฟต์มาก็จะเจอป้ายบอกชั้น ด้านซ้ายจะเป็นทางหนีภัยที่อยู่กลางอาคารค่ะ ส่วนเยื้องที่ทางขวาหน่อยจะเป็นกระจกมองออกไปด้านหน้าโครงการ ช่วยเอาแสงธรรมชาติเข้ามาในโถงลิฟต์และระบายอากาศได้ด้วย
หน้าต่างที่โถงลิฟต์มองออกไปจะเป็นพื้นคอนกรีต จริงๆน่าจะใช้ประโยชน์ได้ แต่กั้นไว้ไม่ให้ไปใช้พื้นที่ น่าจะเป็นเพราะเรื่องขนาดพื้นที่อาคารรวมเกินค่ะ กั้นเอาไว้ก็จะไม่ถูกเอามานับเป็นพื้นที่ที่ต้องนำไปคิดตััวเลข EIA ผลพลอยได้ของการมีหน้าต่างไว้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ เพราะอาคารค่อนข้างยาว ทำให้ช่วยลดความทึบตันของตัวคอนโดเมื่อมองจากด้านนอกเข้ามาได้ด้วย
ส่วนทางเดินหน้าห้องพักเป็นสีขาวล้วนเลยค่ะ ปลายสุดของอาคารทั้งสองทางจะเป็นหน้าต่างกระจก เพื่อเป็นช่องแสงและระบายอากาศให้กับทางเดิน
ออกมาจากโถงลิฟต์ชั้น 40 จะกั้นทางเดินเป็นทางเพื่อมาขึ้นบันไดไปที่ Sky Lounge อีกทีค่ะ
ด้านใน Lounge จัดชุดโต๊ะ และเก้าอี้ไว้ มีบาร์และเก้าอี้สตูลด้วย เผื่อลูกบ้านจะจัดปาร์ตี้กันค่ะ ส่วนผนังห้องจะเป็นกระจกรอบด้าน เห็นวิวทุกด้านเลยค่ะ อย่างภาพที่เห็นคือมองออกไปทางตัวเมือง วิวนั้นสวยมาก
ออกมาข้างหลังของ Sky Lounge เป็นทางทิศตะวันตกที่จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ มีทางเดินลงไปนั่งเล่นกัน
ที่มีนั่งให้ทั้งที่เป็นโซฟาและชุดโต๊ะเก้าอี้ มาสังสรรค์กับเพื่อนๆช่วงเย็นๆ ถึงดึกๆได้สบายเลย แต่…
…เสียดายที่ลงมาตรงพื้นที่นั่งเล่นแล้ว มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะผนังสูงประมาณ 2 เมตรค่ะ แป่วววว… จริงน่าจะมีวธีที่เลือกใช้ระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวได้ด้วยนะคะ อุตส่าห์อยู่บนดาดฟ้าและวิวสวยขนาดนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาเลยมองเห็นได้จากบน Indoor Sky Lounge เท่านั้น มา Outdoor แล้วมองไม่เห็น
ยืนบนชั้น Lounge จะเห็นวิวดีกว่าเยอะ จากมุมนี้จะมองเห็นรัฐสภาใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ค่ะ
ส่วนข้างๆของอาคารจะเป็นพื้นที่โล่งๆ เป็นลานว่างเฉยๆออกไปทำกิจกรรมไม่ได้ ก็น่าเสียดายพื้นที่เหมือนกัน แต่คิดว่าเพราะพื้นที่อาคาร เลยต้องกั้นออกไม่นับเป็นพื้นที่ใช้งาน (น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับพื้นคอนกรีตหน้าโถงลิฟต์)
มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกที่อาคาร B กันบ้าง
มาดูอาคาร B ที่อยู่ด้านหน้าโครงการกันบ้าง อาคาร B จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า และตัวอาคารเล็กกว่าค่ะ สระว่ายน้ำขนาด 15 x 20 เมตร ลึก 1.25 เมตร ใหญ่กว่าของอาคาร A และห้องฟิตเนสจะอยู่ชั้น 8 ส่วน Sky Lounge อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าค่ะ จำนวนลิฟต์ของอาคารนี้มี 5 ตัวต่อจำนวนยูนิตทั้งหมด 639 ยูนิต หรือ 127 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว สัดส่วนมาตราฐาน นับว่าความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร A ค่ะ
ห้องจดหมายอยู่ทางซ้ายก่อนเข้าโถงลิฟต์ของอาคาร B ค่ะ เข้าไปแล้วก็เป็นห้องเก็บจดหมายที่ดูดีทีเดียว (สเปซของจริงจะมืดกว่าในรูปนะคะ ถ่ายรูปออกมาให้ดูกันสว่างๆ)
บรรยากาศโถงลิฟต์ชั้น 1 ของอาคาร B ตกแต่งกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำ-ขาว สลับกับกระจกเงาสีชา ดูหรูหราค่ะ
ออกมาจากโถงลิฟต์ ก็จะมีลิฟต์ 5 ตัว หันหน้าชนกัน การใช้งานสะดวกกว่าการจัดลิฟต์ที่เรียงกันเป็นตับแบบอาคาร A ค่ะ
ออกจากโถงลิฟต์ชั้น 8 มาที่ส่วนกลาง เริ่มเป็นพื้นที่ Outdoor แล้ว มีต้นไม้และแผงบังฝนเกาะกับตัวอาคารไปค่ะ
แล้วก็เดินขึ้นบันไดมาอีกหน่อยถึงชั้นสระว่ายน้ำ มีเก้าอี้พักผ่อนไว้ให้ใกล้สระว่ายน้ำด้วย ส่วนเก้าอี้ทางซ้ายดีไซน์มาเป็นทรงนี้อยู่แล้วนะคะ ตอนแรกคิดว่าเก้าอี้ล้มอยู่
สระว่ายน้ำของอาคาร B อยู่ที่ชั้น 8 จะมองเห็นวิวรอบๆได้ดีกว่าของอาคาร A ค่ะ มองลงไปก็จะเห็นสวนส่วนกลางที่ชั้น 1 ด้วย ขวามือที่เป็นตัวอาคาร ชั้นที่ระดับเดียวกับสระว่ายน้ำเป็นส่วนของฟิตเนสชั้น 2 ค่ะ
มองกลับไปที่ทางขึ้นมาชั้นสระว่ายน้ำค่ะ
เดินลึกเข้ามาด้านในจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ ชั้นล่างจะมองเห็นผนังสระว่ายน้ำ
โถงบันไดเพื่อขึ้นไปฟิตเนสชั้น 2
ขึ้นมาชั้น 2 ฟิตเนสจะก็หันหน้าไปทางสระว่ายน้ำของตัวเองค่ะ
กดลิฟต์ขึ้นมาชั้น Sky Lounge บ้าง ลักษณะห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆเหมือนของอาคาร A ค่ะ มีเคาน์เตอร์และเก้าอี้สตูลให้เหมือนกัน
ต่างกันที่การตกแต่งภายใน และการเลือกใช้โซฟาค่ะ ผนังกระจกรอบอาคาร ด้านนี้มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและคอนโด 333 Riverside ค่ะ
เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan
Floor Plan คอนโด The Tree Interchange
Building A
เริ่มที่ชั้น 1 กัน ตรงกลางอาคารจะเป็นพื้นที่ Drop Off ห้องโถงจะอยู่ทางทิศตะวันตก ลึกเข้าไปเป็นที่จอดรถ ส่วนทิศตะวันตะวันออกจะเป็นห้องเด็กเล่น ลึกเข้าไปเป็นที่จอดรถ ไปออกสวนพักผ่อนค่ะ ที่จอดรถจอดได้ทั้งชั้นตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 8 เลยค่ะ ยกเว้นชั้น 1A ที่จะแบ่งเป็นที่จอดรถครึ่งอาคาร อีกครึ่งนึงทางทิศตะวันออกจะเป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนส มีจุดสังเกตที่ชั้นจอดรถตรงที่สุดอาคารที่จอดรถจะเป็นปลายตัน ไม่สามารถวนรถไปได้เรื่อยๆ ถ้าขับไปจนสุดท้ายจะต้องกลับรถเอา ถึงจะมีระยะตามกฎหมายแต่ ความเป็นจริงจะกลับรถได้ลำบากค่ะ ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 จนถึง 40 เลย มีจำนวนยูนิต 35 ห้องต่อ 1 ชั้นค่ะ ชั้น 41 ชั้นบนสุดจะเป็นชั้น Sky Lounge ค่ะ
Floor Plan คอนโด The Tree Interchange
Building B
อาคาร B จะมีรูปตัว I เหมือนอาคาร A แต่สั้นกว่า ชั้นจอดรถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 7 เป็นแบบ Split Type การวนรถเกือบจะวนรถได้รอบๆแล้วค่ะ แต่ก็ยังมีปลายๆ อาคารหัวท้ายที่ต้องกลับรถออกมา ลำบากพอๆกับอาคาร A เลย ส่วนชั้นพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ ชั้น 8 ขึ้นไป ช่วงชั้น 8 ถึงชั้น 27 จะมีจำนวนห้อง 21 ยูนิตต่อ 1 ชั้น พอเป็นช่วงชั้น 28 – 39 จะตัดห้องขนาด 2 ห้องนอนที่อยู่ตรงหัวมุมออกไป 2 ห้อง ลดลงเหลือ 18 ยูนิตต่อ 1 ชั้นค่ะ แน่นอนว่าอาคาร B จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าอาคาร A เพราะจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยกว่าค่ะ ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นชั้น Sky Lounge
แปลนห้องดีไหม?
แปลนของคอนโด The Tree Interchange นั้นมีทั้งหมด 4 แบบทั้งอาคาร A และอาคาร B ค่ะ ห้องแบบ 1 Bedroom จะมีจำนวนมากที่สุดไหนโครงการ และขายหมดไปแล้วค่ะ
- แบบห้อง Cooper ขนาด 22 ตารางเมตร
- แบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.50 ตารางเมตร
- แบบห้อง 2 Bedrooms Corner ขนาด 58 ตารางเมตร
- แบบห้อง 2 Bedrooms Special ขนาด 63 ตารางเมตร
แปลนห้องคอนโด The Tree Interchange
แบบ Cooper ขนาด 22.00 ตารางเมตร
แปลนห้องแบบ Cooper จะเรียกว่าเป็นห้อง Studio แบบเล็กก็ว่าได้ค่ะ มีขนาด 22 ตารางเมตร รูปทรงห้องจะเป็นทรงเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัสค่ะ เข้าห้องไปแล้วจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่เตียงนอนอยู่ในที่เดียวกันติดกับหน้าต่างห้องค่ะ และเนื่องจากความลึกห้องไม่มาก แสงธรรมชาติจากหน้าต่างก็ยังเข้ามาได้ทั่วห้อง ส่วนพื้นที่ครัวเป็นครัวปิด ทำอาหารได้สบายๆ เพราะแบ่งออกไปเป็นสัดส่วน แล้วค่อยแยกเข้าห้องน้ำกับออกไปตรงระเบียงค่ะ เครื่องซักผ้าสามารถวางไว้ที่ระเบียงได้ คอมเพรสเซอร์แอร์ถูกห้อยไว้ด้านบน โดยรวมห้องแบบนี้น่าจะมีปัญหาการใช้งานอยู่จุดเดียวก็ในเรื่องพื้นที่เก็บของ ซึ่งดูแล้วมีเหลือให้น้อยเหลือเกินตามขนาดของห้องค่ะ คงต้องทำตู้แขวนลอยกับผนังเอา
แปลนห้องคอนโด The Tree Interchange
แบบ Studio ขนาด 29.50 ตารางเมตร
มาต่อกันที่ห้องแบบ Studio ที่มีขนาด 29.50 ตารางเมตร ลำดับการเข้าห้องเหมือนกับแบบ Cooper เลยค่ะ แต่พื้นที่ห้องจะยาวกว่า ทำให้สามารถวางโต๊ะรับประมานอาหารเพิ่มได้ และมีระยะในการนั่งดูทีวีมากขึ้น มีพาร์ทิชั่นเล็กๆยื่นกั้นระหว่างหัวเตียงกับโซฟาให้ดูเป็นสัดส่วนขึ้น ถ้าจะต่อเติมเอาฉากมากั้นระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นนอนก็ยังได้ค่ะ
แปลนห้องคอนโด The Tree Interchange
แบบ 1 Bedroom ขนาด 35.00 ตารางเมตร
แบบ 1 ห้องนอนจะเป็นแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการค่ะ ห้องจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า การวางลำดับการเข้าถึงของห้องก็เหมือนกับห้องแบบ Cooper และ Studio แต่มีประตูกระจกกั้นพื้นที่ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่นอนออกจากกัน และมีระเบียงใหญ่ติดห้องนอนเพิ่มเข้ามาให้ค่ะ สเปซส่วนพักผ่อนนั้นสามารถวางโซฟาใหญ่ขึ้นมาได้ รวมๆแล้วฟังก์ชั่นดูลงตัวมากกว่า 2 แบบก่อนหน้า แต่ก็เนื่องจากขนาดของพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นด้วย ห้องแบบนี้ระเบียงในส่วนที่ออกจากห้องนอนและห้องครัวจะไม่เชื่อมต่อกัน ทำให้เวลาตากเสื้อผ้าไว้ มองจากในห้องก็จะไม่เห็นบรรดาถุงเท้ากางเกงในทั้งหลาย เพราะแยกระเบียงที่ใช้ตากผ้านั้นเข้าจากตรงครัวแยกกันไปเลย
แปลนห้องคอนโด The Tree Interchange
แบบ 2 Bedroom Corner ขนาด 58.00 ตารางเมตร
ส่วน 2 ห้องนอนนั้น ส่วนมากจะอยู่ที่มุมอาคารค่ะ เลยจะมีคำว่า Corner ต่อท้าย ความพิเศษคือห้องนอนใหญ่จะได้กระจกเข้ามุมได้วิวเต็มที่ ขนาดห้องใหญ่ขึ้นจึงมีจำนวนห้องมากขึ้นเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดยส่วนแรกจะมีพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถจัดได้ 4 ที่นั่ง ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียงใหญ่ ลำดับเข้าห้องครัว, ระเบียง, ห้องน้ำเหมือนห้องแบบก่อนหน้า แต่ระเบียงเล็กจะใหญ่ขึ้น ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าห้องคัรวเป็นทางเดินเพื่อเข้าห้องน้ำ, ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ค่ะ ฟังก์ชั่นรวมๆ ก็จัดออกมาได้ลงตัวดี ไม่มีปัญหาอะไร
แปลนห้องคอนโด The Tree Interchange
แบบ 2 Bedrooms Special ขนาด 63.00 ตารางเมตร
มาถึงห้องสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่สุดในโครงการเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมือน 1 ห้องนอน Corner แต่ขนาดของห้องนอนใหญ่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมค่ะ สามารถกั้นเป็นห้อง Walk-in Closet ได้สบายๆ แต่ก็จะไม่มีกระจกเข้ามุมในห้องนอนใหญ่แล้วค่ะ ส่วนระเบียงใหญ่และระเบียงเล็กจะเชื่อมถึงกันได้ค่ะ
ห้องตัวอย่างมีให้ดูแบบสตูดิโอขนาด 29.50 ตารางเมตร , 1 ห้องนอนขนาด 35 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน Corner ค่ะ แบบที่มีจำนวนห้องมากที่สุดในโครงการคือ 1 ห้องนอนซึ่งตอนนี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว ความสูงของฝ้าเพดานในห้องทั่วๆไปสูง 2.60 เมตร ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่าติดวอลเปเปอร์เหมือนกับในห้องตัวอย่าง มีชุดเคาน์เตอร์ครัว, ที่เก็บของติดผนังในครัว และสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำ ยกเว้นฉากกั้นอาบน้ำค่ะ ส่วนฉากกั้นห้องในห้องแบบ Studio จะไม่มีให้แบบในห้องตัวอย่าง แต่ 1 ห้องนอนจะมีประตูกระจกให้ค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Interchange
แบบ Studio ขนาด 29.50 ตารางเมตร
เข้ามาในห้องแบบ Studio เจอพื้นที่นั่งเล่นต่อด้วยพื้นที่นอน และหน้าต่างบานใหญ่ ที่ให้มากว้างเท่ากับตัวห้องและสูงชนฝ้า ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นมากค่ะ
มองกลับไปที่ทางเข้าห้อง จะเห็นว่าระยะระหว่างที่นั่งกับระยะดูทีวีไม่แคบจนเกินไป ดูทีวีได้สบายตา และสามารถทำตู้ Built-in ใหญ่ๆเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้เลยค่ะ
ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ถัดไปจะเป็นประตูเข้าห้องครัว ส่วนฉากขอย้ำอีกทีว่าห้อง Studio ไม่มีฉากกระจกใสแบบนี้มานะคะ แต่เป็นตัวอย่างการแต่งห้องที่ดีค่ะ จะให้ความรู้สึกเป็นสัดส่วนแต่ไม่ทึบตัน
เข้ามาในห้องครัวจะเป็นทรงผอมยาว ทำครัวเล็กๆได้สบายๆค่ะ เดินผ่านได้พริ้วๆ ไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ ด้านนึงจะติดกับระเบียง สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้
พื้นที่ระเบียงขนาดกว้าง 1.20 เมตร ยาวประมาณ 1.50 เมตร ก็เป็นระเบียงเล็กๆ แต่ยืนหมุนตัวได้สบายๆนะ แต่เวลาตากผ้านี่ต้องยืนเบียดๆ หน่อย
ส่วนอีกด้านนึงจะเป็นห้องน้ำ ฉากกั้นอาบน้ำไม่ได้แถมให้ แต่ก็ลดระดับของส่วนอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Interchange
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
ห้องแบบ 1 ห้องนอน เข้ามาแล้วจะเหมือนกับห้องแบบ Studio เลยค่ะ แต่ห้องจะยาวขึ้น และมีระเบียงใหญ่ต่อออกไปจากห้องนอนค่ะ
ต่างตรงที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนจะมีประตูบานเลื่อนกระจกใสไว้ให้ เปิดปิดได้ 3 ตอน เพิ่มแอร์เป็น 2 ตัวค่ะ ที่เห็นในภาพไม่ใช่รูปแอร์ที่สะท้อนในกระจกนะคะ คือให้เป็นแอร์ในห้องนั่งเล่น 1 ห้องนอน 1 เครื่องค่ะ
มองกลับไปทางเข้าห้อง ความรู้สึกเหมือนกับห้องแบบ Studio เลยค่ะ แต่ห้องตัวอย่างห้องนี้ตกแต่งผนังด้วยกระจก ซึ่งจะช่วยให้ห้องกว้างขึ้นไปอีก
เข้ามาในห้องครัวเป็นทรงผอมยาวเหมือนห้องแบบ Studio มีความกว้างของห้องพอกัน แต่ความยาวมากกว่า ทำให้เคาน์เตอร์ครัวห้องนี้จะยาวกว่าด้วยค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าใต้เคาน์เตอร์ได้ด้วย แต่เหมือนเครื่องซักผ้าจะอ้วนล้นออกมาจากเคาน์เตอร์นิดหน่อยค่ะ
ถ้าเกะกะก็เอามาวางไว้ที่ระเบียงได้เหมือนห้อง Studio เพราะขนาดระเบียงพอๆกัน แต่มีจำนวนคอมเพรสเซอร์แอร์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ตัวค่ะ
ในห้องน้ำของห้องแบบ 1 ห้องนอน จัดและสร้างออกมาได้เหมือนกันทุกห้องเลยค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Interchange
แบบ 2 ห้องนอน Special ขนาด 63 ตารางเมตร
ถึงคราวห้องแบบ 2 Bedroom Corner กันบ้างค่ะ เข้ามาปุ๊บจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่จัดที่นั่งได้ประมาณ 4 ที่นั่ง ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดระเบียงใหญ่
มองกลับเข้าไปที่ทางเข้าห้อง ผนังทางซ้ายมือที่อยู่ใกล้ทางเข้าสามารถทำเป็นชั้นวางเป็นแบบสูงถึงฝ้าได้เหมือนกันค่ะ ถ้าอยากจะเพิ่มพื้นที่เก็บของ ประตูทางซ้ายมือที่เห็นเป็นประตูเข้าไปห้องครัว ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นทางเดินเล็กๆไปยังห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็กค่ะ
ฝั่งตรงที่ติดกับห้องครัวสามารถทำ Built-in ได้มาจนถึงพื้นที่นั่งเล่นเลยค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียงใหญ่
ความกว้างของระเบียงประมาณ 90 เซนติเมตร คือแคบกว่าระเบียงเล็ก แต่ยาวประมาณ 2.7 เมตรเลยค่ะ ขนาด 90 เมตรคือระยะที่พอดีกับทางเดินค่ะ แต่ก็พอจะเอากระถางต้นไม้มาวางเบียดได้อยู่
กลับเข้าไปทางเข้าห้องนอนกันบ้าง ห้องนอนเล็กจะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำค่ะ ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ในสุดเพราะจะเป็นห้องอยู่ริมสุดอาคารได้กระจกเข้ามุม
ก่อนไปห้องนอนทั้ง 2 ห้องขอแวะเข้าห้องน้ำแปปนึงค่ะ ห้องนี้มีหน้าต่างระบายอากาศด้วย ระบายไปด้านนอกอาคาร
ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องนอนเล็ก สามารถวางเตียงเดี่ยวได้ มีกระจกบานใหญ่ให้ด้วย
ฝั่งที่ติดกับประตูทางเข้าห้องนอนเล็กจัดไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งติดกับตู้เสื้อผ้าค่ะ
เข้าห้องนอนใหญ่ จัดเตียงไว้กลางห้อง หน้าต่างห้องยกสูงจากพื้นประมาณ 15 เซนติเมตร สูงเกือบชนฝ้า
มีขนาดตู้ใหญ่กว่าห้องนอนเล็ก 1 ตู้ค่ะ ปิดด้วยกระจกติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง
นี่ค่ะ หน้าต่างเข้ามุมเป็นรูปตัว L จากห้องตัวอย่างนี้มองออกไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และคอนโด 333 Riverside กำลังก่อสร้าง ระยะปลายเตียงถีงทีวีก็ไม่แคบจนเกินไป สามารถวางทีวีแบบตั้งโต๊ะได้เลยค่ะ
พื้นที่ข้างๆเตียงๆ มีพื้นที่สบายๆ จะขยายเตียงเป็น King Size ก็ยังได้นะคะ
พื้นที่ในห้องครัวจะมีขนาดยาวกว่าห้องแบบ 1 ห้องนอนไปอีกหน่อย วางเครื่องซักผ้าได้ที่ใต้เคาน์เตอร์
แต่ถ้าจะย้ายเครื่องซักผ้าไปวางข้างนอก ห้องนี้จะทำไม่ได้แล้วค่ะ เพราะว่ามีคอมเพรสเซอร์แอร์แขวนอยู่เต็มเลย
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
วัสดุในภาพรวมก็ให้มาค่อนข้างดีค่ะ คุณภาพมาตราฐานไม่อ่อนแอ ไม่หรูหรา แต่ใช้งานได้และคุณภาพอยู่ในเกณฑ์โอเค แต่ละห้องจะได้วัสดุที่เหมือนกันหมด เฟอร์นิเจอร์ที่จะได้เป็นเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ
อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน คือ วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Material) เพื่อให้ส่องกันง่ายๆเช่นเคยค่ะ
วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)
ครัวของห้องแบบ Studio ค่ะ
มีช่องวางไมโครเวฟที่ด้านล่างมีพื้นที่เก็บของให้พอประมาณค่ะ บานเปิดแบบธรรมดา ไม่ได้เป็น Soft Closed
ตู้เก็บของชั้นลอยในห้องครัวมีทั้งเป็นตู้และเป็นชั้นวางของธรรมดาค่ะ
วัสดุเป็นพาร์ทิเคิลบอร์ดทำลายไม้ ด้านในเป็นขาวค่ะ คุณภาพมาตราฐาน
ครัวของห้องแบบ 2 ห้องนอนจะได้ความยาวมากที่สุด ใช้วัสดุเหมือนกันทุกห้อง
เก็บของได้ประมาณนึง แต่ถ้าใครของไม่พอต่อตู้ติดผนังสูงจนถึงฝ้าเลยก็ได้ค่ะ แล้วซื้อขั้นบันไดเล็กๆมาด้วย
เพราะตู้ที่เตรียมมาให้อยู่ในระยะที่เอื้อมถึงพอดี ถ้าสูงกว่านี้เอื้อมเปิดไม่ได้แล้วค่ะ
ห้องครัวของห้องทุกแบบจะได้อ่างล้างจาน 1 หลุมเหมือนกันหมด
ก๊อกน้ำทรงสูง และมีซีลกันน้ำที่เคาน์เตอร์กับผนังให้เรียบร้อยค่ะ
วัสดุห้องน้ำ
ห้องน้ำมีระดับเท่ากับตัวห้องค่ะ มีธรณีประตูยกขึ้นมาปิดผิวด้วยกระเบื้องสีเดียวกับห้องน้ำ
สุขภัณฑ์จาก American Standard หน้าตาธรรมดาค่ะ
อ่างล้างมือเซรามิค ของยี่ห้อ American Standard เช่นกัน
มีที่วางของหน้ากระจกมาให้นิดนึงค่ะ เป็นกระเบื้อง
อ่างล้างหน้า Mogen ของห้องสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน
ก๊อกน้ำ American Standard
ที่แขวนผ้าในห้องน้ำ
พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงไปประมาณ 2 เซนติเมตร ไม่มีประตูกระจกกั้นให้
ฝักบัวอาบน้ำก็หน้าตาธรรมดาสามัญทั่วไปค่ะ
วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)
ประตูทางเข้าหน้าตาธรรมดา ทาสีขาว ทำจาก MDF มีเซาะร่องเป็นลาย 2 เส้น
ประตูเข้าห้องต่างๆ ภายในห้องหน้าตาเหมือนประตูทางเข้าเลยค่ะ แต่เปลี่ยนลูกบิดประตู
ลูกบิดประตูเข้าห้องเป็นแบบก้านโยก สีเงิน
ส่วนห้องต่างๆ ด้านในจะเป็นลูกบิดธรรมดาค่ะ
พื้นในห้องทั่วไปเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร มีตัวกันกระแทกประตูไว้ให้ทุกห้อง
เก็บรายละเอียดระหว่างขอบพื้นด้วย ลายไม้สีเดียวกับพื้นลามิเนตในห้อง
ประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อไปยังระเบียงใหญ่ วงกบอลูมิเนียมหนา สีดำ
พื้นระเบียงลาดไปทางระเบียงเล็กที่อยู่ติดกับห้องครัว เพื่อไปลงท่อระบายน้ำค่ะ
ประตูบานเลื่อนค่อนข้างหนา กันเสียงได้ดี ด้านในเป็นมือจับธรรมดาทั่วไป
แต่ที่จับด้านนอกมีดีไซน์ เหมือนเป็นกล่องเหล็กยื่นออกมา สูงตลอดประตู ดูเรียบๆเก๋ๆ เปิดปิดใช้งานง่าย
ส่วนฝ้าที่ระเบียงเป็นพื้นของชั้นบนค่ะ ทาสีขาว มีไฟหน้าตาเหมือนท่อทิ่มลงมา ขอบคอนกรีตเซาะร่องไม่ให้น้ำไหลเข้ามาที่ฝ้าตรงระเบียงด้วย
เหนือหน้าต่างก็ทำขอบปูนยื่นออกมาเล็กน้อย พร้อมเซาะร่องกันน้ำไหลเข้าหน้าต่างเช่นกัน
ระเบียงเหมือนโครงการอื่นๆ ที่เป็นเหล็กแผ่นทาสีดำคทั่วไปค่ะ และมีแผงอลูมิเนียมกล่องยาวลงมาจากด้านบนเพื่อบังตัวคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ดูจากภายนอกเรียบร้อย
ดวงไฟในห้องเป็นไฟ Downlight ทั้งหมดค่ะ
ขอบประตูมีตัวปิดวงกบเป็นสีขาว สีเดียวกับบานประตูค่ะ
แผงไฟฟ้าของแต่ละห้องก็จะจัดไว้ติดกับประตูทางเข้าของทุกห้องค่ะ
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
ราคาเริ่มต้นตั้งแต่วันเปิดตัวตอนพรีเซลนั้นอาคาร A อยู่ที่ 56,xxx บาทต่อตารางเมตร ส่วนอาคาร B เริ่มที่ 65,xxx บาทต่อตารางเมตรค่ะ ราคาปัจจุบันตอนตึกเสร็จแล้ว (ณ วันทำรีวิว 10/11/58) นั้นยังมีห้องเหลืออยู่ทั้ง 2 ตึก แต่มีเฉพาะห้อง Studio และ 2 Bedrooms ซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ในช่วง 81,xxx – 92,xxx บาทต่อตารางเมตรค่ะ เรียกว่าใครซื้อไปตั้งแต่แรกๆ ราคาก็ขยับขึ้นมาพอสมควรเลยทีเดียว
ราคา ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558
ราคาเริ่มต้น :
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคา 2,417,750 บาท เฉลี่ย 81,958 บาท/ตร.ม.
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท เฉลี่ย 86,933 บาท/ตร.ม
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. เฉลี่ย 84,464 บาท/ตร.ม
เงื่อนไขการจอง :
- เงินจอง
Studio จอง 10,000 บาท
2 Bedroom จอง 20,000 บาท
- ผ่อนดาวน์
ไม่มี / คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
ค่าส่วนกลาง 32 บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
โอนสิทธิ์หนังสือจองเสียค่าธรรมเนียม 30,000 บาท
ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน)
(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคนครับ ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :
บนสมมติฐาน กู้ 95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคาขาย 2,417,750 บาท ผ่อนประมาณ 15,960 บาท/เดือน
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท ผ่อนประมาณ 16,929 บาท/เดือน
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. ผ่อนประมาณ 32,340 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคาขาย 2,417,750 บาท ผ่อนประมาณ 16,868 บาท/เดือน
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท ผ่อนประมาณ 17,892 บาท/เดือน
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. ผ่อนประมาณ 34,179 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคาขาย 2,417,750 บาท ผ่อนประมาณ 18,388บาท/เดือน
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท ผ่อนประมาณ 19,505 บาท/เดือน
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. ผ่อนประมาณ 37,259 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคาขาย 2,417,750 บาท ผ่อนประมาณ 21,159 บาท/เดือน
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท ผ่อนประมาณ 22,444 บาท/เดือน
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. ผ่อนประมาณ 42,875 บาท/เดือน
บนสมมติฐาน กู้ 95% / ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก A ชั้น 29 ราคาขาย 2,417,750 บาท ผ่อนประมาณ 27,095 บาท/เดือน
Studio พื้นที่ 29.50 ตร.ม. ตึก B ชั้น 29 ราคา 2,564,500 บาท ผ่อนประมาณ 28,739 บาท/เดือน
2 Bedrooms Special ตึก B ชั้น 18 ราคา 4,898,900 ตร.ม. ผ่อนประมาณ 54,900 บาท/เดือน
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
การเดินทางของคอนโด The Tree Interchange นั้นถ้าขับรถเองก็ค่อนข้างสะดวก เพราะอยู่ติดถนนประชาราษฎร์สาย 2 เลย และอยู่ระหว่างแยกเตาปูนกับแยกบางโพ ซึ่งทำให้สามารถเลือกไปได้หลายเส้นทาง รวมไปถึงเข้าเมืองก็ไม่ยากนักแม้ว่าจะต้องผ่านหลายแยกก็ตาม ถ้าไม่ใช้รถก็มีวินมอเตอร์ไซต์อยู่ที่ซอยข้างโครงการ ใช้บริการพี่วินฯนั่งไปที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆได้ มีรถเมล์ผ่านหน้าโครงการ The Tree Interchange ป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลนัก ตัวโครงการอยู่ระหว่างสถานีเตาปูนของรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสถานีบางโพของรถไฟฟ้สายสีน้ำเงิน ห่างจากสถานีเตาปูน 500 เมตรและสถานีบางโพ 380 เมตรค่ะ ถ้าพูดถึงระยะทางถึงรถไฟฟ้าแล้วคอนโด The Tree Interchange อาจจะเสียเปรียบคอนโดเพื่อนบ้านอื่นๆ ในเรื่องของระยะทางถึงสถานีรถไฟฟ้าอยู่บ้าง เพราะต้องเดินไกลกว่าเพื่อนเลย ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ด้านหน้าโครงการมีทางเท้าให้ตลอดถนนเดินไปสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สถานีได้ค่ะ
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ศักยภาพและการเติบโตย่านนี้ก็มาแรงค่ะ เพราะว่าเป็นสายสีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินผ่าน ใกล้สถานีเตาปูนที่เป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์สามารถใช้รถไฟฟ้าสีน้ำเงินออกไปทางจริญหรือรถไฟฟ้าสายสีม่วงออกไปทางบางใหญ่ก็ได้ แต่ช่วงแรกที่เปิดสายสีม่วงจะยังไม่เชื่อมถึงบางซื่อนะคะ ต้องรออีกปีนึง พื้นที่รอบๆ The Tree Interchange มีหลายโครงกาที่กำลังพัฒนาอย่างรัฐสภาแห่งใหม่, โครงการสร้างสะพานข้ามแยกเกียกกายไปฝั่งจรัญฯ เพื่อรองรับปริมาณคนที่มากขึ้นตามการสร้างรัฐสภาใหม่ ไม่ต้องไปวนรถถึงสะพานพระราม 7 ,โครงการสถานีกลางรถไฟที่บางซื่อ-จตุจักร แค่ ณ วันนี้ก็มีโครงการคอนโดก็ขึ้นมารอก่อนเพียบแล้ว อีกไม่นานคงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างตามมาค่ะ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
คอนโด The Tree Interchange มี 2 อาคารเป็นอาคาร A ที่อยู่ในสุดของโครงการเป็นรูปตัว I ผอมยาว ส่วนอาคาร B เป็นอาคารด้านหน้าโครงการชั้นบนๆเป็นตัว I ตั้งอยู่บนโพเดียมสี่เหลี่ยมด้านล่างค่ะ การเดินเข้าถึงตัวคอนโดนั้นคนที่อยู่อาคาร A จะต้องมีระยะทางการเดินจากหน้าโครงการเข้าไปถึงตัวตึกมากกว่าคนทีี่อยู่อาคาร B พอสมควร ด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมออกมาในแนวเรียบง่ายไม่ได้หวือหวาอะไร ลักษณะการวางแปลนเป็นการเรียงหน้ากระดานทั่วไป แต่เนื่องจากรูปทรงของอาคารนั้นเป็นกำแพงยักษ์ที่ใหญ่มาก เลยมีการดีไซน์จังหวะและแพทเทริ์นขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมต่างๆ เข้ามาช่วยลดทอนสเกลของตัวคอนโดไม่ให้ดูหนักจนเกินไป
สเปซตั้งแต่โถงทางเข้าที่ล็อบบี้ชั้นล่างของแต่ละตึกก็ทำออกมาได้แกรนด์และดูอลังการดี การเลือกใช้สีน้ำเงินโทนเข้มนี้ดูมีราคาดีค่ะ และเนื่องจากเป็นคอนโดราคาไม่แพงมาก (เมื่อเทียบกับราคาสร้างเสร็จของ The Tree Interchange กับราคาเปิดตัวคอนโดใหม่ๆ ในตลาดปัจจุบัน) แต่ทำออกมาได้น่าประทับใจคือคุณภาพการก่อสร้างของอาคารโดยรวม ทั้งทาสีทั้งวัสดุตกแต่ง ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวในภาพรวม
ด้านการวางแปลนนั้นจัดมาได้ใช้ได้ค่ะ ขนาดห้อง Cooper ที่เล็กที่สุดยังจัดออกมาใช้ได้สำหรับคนที่งบน้อยจริงๆ (ซึ่งก็ขายหมดแล้วตอนที่เข้าไปทำรีวิว) แต่ถ้างบมากหน่อยก็เลือกห้องใหญ่ขึ้นดีกว่าค่ะ เนื่องจากห้องเล็กก็จะมีปัญหาเรื่องพื้นที่เก็บของเป็นธรรมดา สำหรับแปลน The Tree Interchange แบบสตูดิโอ 29.5 ตารางเมตร นั้นก็เป็นแปลนเก่งของพฤกษาทีมนี้ เราเห็นแปลนคอนโดนี้ในหลายราคา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ The Tree Bangpo หรือแบรนด์อย่าง Ivy Ampio ซึ่งก็จะต่างกันที่เกรดของวัสดุที่ให้มาค่ะ โดยภาพรวมของแปลนก็จัดออกมาได้ดีทีเดียว ส่วนแปลน 1 ห้องนอนขนาด 35 ตารางเมตรนั้น ก็เหมือนจับแบบสตูดิโอยืดออกแล้วกั้นห้องพร้อมทั้งมีระเบียงเพิ่มขึ้นมา ฟังก์ชั่นโดยรวมในห้องจะเหมือนกันหมด ตัวระเบียงถึงจะไม่ยาวทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็มีความกว้างให้ยืนได้สบาย ขนาดห้องน้ำใช้งานได้ ไม่เล็กจนผิดสัดส่วนค่ะ มีข้อสังเกตอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัวความลึกจะแคบไปหน่อยถ้าเอาเครื่องซักผ้าไว้ข้างใต้เคาน์เตอร์ ตัวเครื่องจะเลยออกมาประมาณ 10 ซม. เวลายืนทำอาหารตรงตำแหน่งที่เครื่องซักผ้าอยู่เลยอาจจะต้องมีอาการต้องเอื้อมมือบ้าง ดังนั้นถ้าเอาเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้จะสบายกว่าค่ะ
ด้านวัสดุนั้นให้มาโอเคเมื่อเทียบกับราคาในภาพรวมค่ะ วัสดุต่างๆในห้องให้วัสดุมาเกรดมาตราฐาน พื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ผิวสัมผัสดี ประตู MDF วงกบและขอบประตูต่างๆ ดูคุณภาพแข็งแรงดีค่ะ ส่วนสุขภัณฑ์และชุดครัวหน้าตาธรรมดา คุณภาพปานกลาง เหมือนคอนโดราคากลางๆ ทั่วๆไป แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้เมื่อเทียบกับราคา
พื้นที่ส่วนกลางของ The Tree Interchange บนตัวอาคารของทั้งอาคาร A และ B นั้นจะแยกกรรมสิทธิ์การใช้งานอย่างเด็ดขาด จะมาใช้ข้ามตึกกันไม่ได้นะคะ เนื่องจากแบ่งแยกนิติบุคคลออกเป็น 2 โครงการชัดเจน จะมีก็ในพื้นที่สวนส่วนกลางด้านหลังที่มาเดินเล่น ใช้งานแชร์ร่วมกันได้ ลักษณะของพื้นที่ส่วนกลางบนตัวคอนโดในตึก A และ B ก็จะมีจุดแตกต่างกันออกไป อาคาร A นั้น Sky Lounge ด้านบนจะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเข้าพระยาได้ชัดเจนและสวยกว่า เห็นรัฐสภาแห่งใหม่ได้ด้วยวิวที่ดีกว่า ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 2 วิวไม่ดีนัก ในขณะที่อาคาร B นั้นสระว่ายน้ำจะอยู่สูงกว่า ได้ความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่รอบโครงการมากกว่า แต่วิวบน Sky Lounge นั้นสวยสู้อาคาร A ไม่ได้ค่ะ ถึงเห็นโค้งแม่น้ำก็จะเห็นแบบไม่เต็มที่นัก ตรงนี้เรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง ดีกันคนละแบบ แล้วแต่ชอบ
ด้านสัดส่วนการใช้งานลิฟต์ของคอนโด เดอะทรี อินเตอร์เชนจ์ นั้น อาคาร A จะหนาแน่นกว่าอยู่ที่ 180 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว ส่วนอาคาร B จะสบายกว่าที่ 127 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว เพราะฉะนั้นใครอยู่อาคาร A ช่วงเช้าออกไปทำงานในชั่วโมงเร่งด่วนก็อาจจะต้องเพืื่อเวลามากกว่าคนอยู่ตึก B อีกนิด เช่นเดียวกับที่จอดรถที่ส่วนของอาคาร A นั้นทำมา 50% ส่วนอาคาร B ทำมา 60% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน เพราะฉะนั้นเรื่องสัดส่วนความหนาแน่นต้องถือว่าอาคาร B สบายกว่าพอสมควร แต่อาคาร B ก็จะสู้อาคาร A ไม่ได้เลยในเรื่องของวิวแม่น้ำนี่แหละค่ะ ตรงนี้ก็ต้องช่วงน้ำหนักระหว่าง 2 อาคารดูนะ
ด้านตัวเลือกอื่นๆ
คอนโดที่อยู่บริเวณใกล้ๆกับคอนโด The Tree Interchange และเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาคล้ายๆกัน ปัจจุบันมีอยู่ 4 โครงการค่ะ แต่ละคอนโดจะเป็นคนละระดับกัน มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป ก็จะเริ่มจากคอนโด The Tree Bang Po Station จากพฤกษาเจ้าของเดียวกับ The Tree Interchange นี่แหละ ซึ่ง The Tree Bangpo สร้างเสร็จและขายหมดไปนานแล้ว และก็มี คอนโด The Stage Taopoon Interchange ที่ราคาอย่ในกลุ่มเดียวกับ The Tree Interchange แต่เพิ่งกำลังก่อสร้าง ต้องรออีกนานพอควร ส่วนคอนโดที่ราคาต่อตารางเมตรเกินแสนขึ้นไปได้แก่ คอนโด Chewathai Residence บางโพ ทีเน้นจำนวนยูนิตน้อยห้องใหญ่และเป็นส่วนตัว กับ คอนโด 333 RiverSide ของทาง Land and Houses ที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุดและใกล้สถานีบางโพมากที่สุดด้วยค่ะ
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ (^_____^)
ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์ ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ
ขออนุญาตนำรูปไปใช้ ขอบคุณค่ะ
ให้เช่า Tree interchange ชั้น 35 ตึก A ทิศเหนือ หัวนอนเห็นวิวแม่น้ำ
Room for rent the tree interchange nearby taipoon interchange only 500m
At Pracharaj number 2 bangsue
การเดินทางสะดวกสบาย
โครงการตั้งอยู่ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ใกล้กับสถานีเตาปูนอินเตอร์เชนจ์ เพียง 500 เมตรเท่านั้น
สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ในอนาคต สถานีบางโพ 300 เมตร
ตัวโครงการ
เป็นโครงการที่พึ่งสร้างเสร็จจากค่ายพฤกษา โดยตัวอาคารมีทั้งสิ้น 2 อาคาร คือ อาคาร A และ อาคาร B
อาคาร A จะเป็นเฟสแรกมีจำนวนยูนิต เยอะกว่า อาคาร B อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้ง 2 อาคาร มีจำนวนชั้นสูงสุด 40 และ 39 ตามลำดับ ซึ่งมี Sky Lounge ให้ชมวิวแม่น้ำอยู่ด้านบน
Building A 35 Fl 23 sqm
ห้องที่ปล่อยเช่า
ตัวห้องที่ปล่อยเช่าอยู่อาคาร A ชั้น 35 ขนาด 23 ตร.ม. หน้าต่างทิศเหนือ เห็นวิวแม่น้ำเยื้องทางซ้ายมือ วิวเมือง และรถไฟฟ้า
ปล่อยเช่าราคา 6เดือน = 9000 บาท
12 เดือน = 8500 บาท
*จ่ายล่วงหน้า 1 เดือน ประกันห้อง 2 เดือน รวมค่าส่วนกลาง มีที่จอดรถ 1 คัน
Fully furnished
เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
1. เตียงนอนวินเทจพร้อมที่นอน
2. ตู้ข้างเตียง
3. โซฟา
4. โต๊ะรับแขก
5. LED TV และชั้นวาง
6. โต๊ะเครื่องแป้ง
7. โต๊ะทำงานและเก้าอี้
8. เครื่องทำน้ำอุ่น
9.ไมโครเวฟ
10.ตู้เย็น
11.ผ้าม่าน
12.ตู้เสื้อผ้า
13. เครื่องปรับอากาศ
สนใจดูห้อง หรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่
โทร 0959949047 Line ID: pc87