สวัสดีค่ะ วันนี้อยู่สบายเปลี่ยนบรรยากาศมาชมโครงการโฮมออฟฟิศ District เอกมัย-รามอินทรา เป็นโครงการประเภท Home Office ของ AP ซึ่งก็ได้มีการพัฒนาตัว Product เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ประกอบการมากขึ้น ด้วยการทำชั้นบนสุดเป็นที่อยู่อาศัยเหมือนอยู่คอนโดแบบ 2 ห้องนอน เราเองก็ไม่เคยรีวิวโครงการประเภทโฮมออฟฟิศมามากนัก จะแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วไปอย่างไรกันบ้าง วันนี้อยู่สบายพาไปดูพร้อมๆ กันกับรีวิวฉบับเต็มของโครงการ District Ekkamai-
รีวิว District เอกมัย-รามอินทรา โฮมออฟฟิศโซนรามอินทรา-นวลจันทร์ จาก AP
· 18 min readเริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นโครงการกันก่อน
District Ekkamai-Ramintra
(ดิสทริค เอกมัย – รามอินทรา)
- เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์
- ขนาดที่ดิน >>> 6-0-9.6 ไร่
- ประเภท >>> โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น
- จำนวนหลัง >>> 36 หลัง
- พื้นที่ใช้สอย >>>
- โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น / 360.95 ตารางเมตร / 6 ที่จอดรถ
- โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น / 172.80 ตารางเมตร / 2-3 ที่จอดรถ
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 8.9-15.9 ล้านบาท (ราคา ณ วันเปิดตัว มิ.ย.59)
- ราคาขายเริ่มต้น Update >>> 14.99 ล้านบาท* (ณ ตุลาคม 2020)
- ราคาขายเริ่มต้น Update >>> 11.99 ล้านบาท* / บ้านตัวอย่างพร้อมเฟอร์ 17.99 ล้านบาท* (ณ พฤศจิกายน 2020)
- พิกัด GPS >>> 13.838440, 100.637647
-
- เว็บไซต์ >>> District เอกมัย-รามอินทรา
- โทร >>> 1623
ทำเล
วันก่อนได้สรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าถึง ทำเล และสภาพแวดล้อมรอบๆ เอาไว้แล้วรอบนึงในพรีวิว District เอกมัย-รามอินทรา ใครยังไม่ได้อ่านย้อนกลับไปอ่านกันก่อนได้ค่ะ รีวิวฉบับเต็มนี้เลยจะเล่าในส่วนของทำเลแค่คร่าวๆ แล้วจะไปลงลึกในส่วนของรายละเอียดภายในตัวโครงการกันเลยนะคะ
ทำเลที่ตั้งโครงการ DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา อยู่ในซอยรามอินทรา 40 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนนวลจันทร์และถนนรามอินทรา ตัวโครงการ ดิสทริค เอกมัย – รามอินทรา จะอยู่ค่อนไปทางถนนนวลจันทร์มากกว่า ซึ่งตัวถนนนวลจันทร์นั้นเชื่อมต่อระหว่างถนนเกษตร-นวมินทร์ กับ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ที่มีแนวทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ใช้วิ่งตรงเข้าเมืองได้เลย นอกจากนี้บนถนนรามอินทรานั้นก็มีแผนการสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) ซึ่งมาจากแจ้งวัฒนะวิ่งไปตามแนวถนนรามอินทราค่ะ … ส่วนใหญ่บริเวณนี้จะเป็นย่านที่มีการทำโฮมออฟฟิศ บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์หลายโครงการค่ะ เป็นโซนที่ผสมผสานระหว่างที่อยู่อาศัยและธุรกิจต่างๆ
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะอยู่ในเส้นเลียบด่วนรามอินทราเป็นหลัก ตั้งแต่ The Walk เกษตรนวมินทร์, Index Living Mall, CDC, Crystal Park, Central Festival Eastville, Tesco Lotus และ HomePro ค่ะ
อ่านพรีวิวรายละเอียดทำเลทั้งหมดของ District Ekkamai-Ramintra >> คลิก
เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ
เรามาเริ่มดูจากด้านหน้าโครงการกันเลยค่ะ ป้ายด้านหน้าโครงการตกแต่งด้านหน้าทางเข้าจะเป็นโทนสีขาว สบายตา
ด้านหน้าทางเข้าออกโครงการนั้น ซุ้มทางเข้าด้านบนจะทำเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งก็จะมีห้องฟิตเนส และห้องนิติบุคคลที่ดูแลพื้นที่ในโครงการอยู่ค่ะ ส่วนป้อมยามนั้นเก็บซ่อนอยู่ตรงเสากลางเรียบร้อยดีค่ะ
ชั้นบนที่บอกว่าเป็นฟิตเนสค่ะ ตัว Facade เป็นวัสดุพวก perforated material ฉลุเป็นช่องเล็กๆ เพิ่มลูกเล่นให้ตัวอาคารได้ ดีไซน์ตรงนี้นอกจากจะเป็นการสร้างความเด่นให้ทางเข้าแล้วก็ยังช่วยบังสายตาคนนอกมองเข้าไปยังฟิตเนสที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการได้ด้วย
จากบริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการอีกมุมค่ะ
ทางเข้าออกโครงการด้วยรถยนต์ ถ้าเป็นรถของผู้ประกอบการในโครงการจะมีบลูทูธควบคุมกับปิดเปิดประตูให้ค่ะ ส่วนถ้าเป็นลูกค้าที่จะเข้ามาติดต่อออฟฟิศนั้นจะใช้ระบบ ฺBit-Visitor จะใช้ถ่ายรูปบัตร เก็บประวัติ ผู้มาติดต่อ โดยที่ไม่ต้องแลกบัตรค่ะ ต้องผ่าน รปภ. ก่อนถึงจะเข้าไปในโครงการได้
ส่วนด้านข้างโครงการฝั่งที่ติดกับบริษัทขายอะไหล่รถยนต์เก่า ทางโครงการทำรั้วมาค่อนข้างสูงเลยค่ะ สูงประมาณอาคาร 2 ชั้นได้ ช่วยบังสายตาโกดังเก่าข้างเคียง เวลามองที่ระดับพื้นก็จะดูเรียบร้อยดี
ดูผังโครงการ การเข้าถึง
ถนนหน้าโครงการเป็นถนนฝั่งละ 2 เลน แต่เลนที่ติดกับฟุตบาท ส่วนใหญ่จะมีรถจอดอยู่ตลอดแนวค่ะ ตัวทางเข้าโครงการถ้ามาจากถนนนวลจันทร์ระยะทางจะอยู่ที่ประมาณ 150 เมตร ส่วนถ้ามาจากถนนรามอินทรานั้น ระยะทางไกลกว่า ประมาณ 1.6 กิโลเมตรค่ะ ฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนรามอินทราจะเป็นโรงงานคอนกรีต ตัวโครงการเข้าออกได้ด้านเดียวติดซอยรามอินทรา 40 ที่ดินด้านข้างโครงการจะเป็นบริษัทขายอะไหล่รถยนต์เก่า เป็นโกดังสูงประมาณ 3 ชั้น ที่ลงรูปให้ดูไปด้านบน เข้าไปด้านในจะติดกับซอยโรงเรียนวัดนวลจันทร์ อีกด้านจะติดกับคลองบางขวดค่ะ รอบๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยมีอาคารสูง
การวางผังในโครงการ ส่วนด้านหน้าทางเข้าออกโครงการจะเป็นคลับเฮ้าส์มีฟิตเนสและห้องนิติบุคคลอยู่ด้านบน ด้านหน้าติดถนนจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3.5 ชั้น (กราฟิกสีน้ำเงิน) 6 ยูนิต และด้านในอีก 6 ยูนิต รวมเป็น 12 ยูนิตค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นแบบ Home office สูง 4 ชั้น (กราฟิกสีเขียว) มีอยู่ 24 ยูนิตค่ะ โครงการ District เอกมัย-รามอินทรา นี้จะวางโปรดักส์โดยเน้นในส่วนหลังใหญ่มากกว่า ถนนภายในโครงการกว้าง 9 เมตร มุมด้านหลังมีสวนและที่จอดรถส่วนกลางให้เล็กน้อยค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร
พื้นที่ส่วนกลางนั้นจะมี Clubhouse เป็นอาคารด้านบนซุ้มทางเข้าออกโครงการค่ะ มีห้องฟิตเนสและห้องน้ำให้ ซึ่งติดกันจะเป็นห้องของนิติบุคคลด้วยค่ะ ส่วนท้ายโครงการจะมีสวนหย่อมและที่จอดรถกลางแจ้ง จากแปลนจอดได้ประมาณ 7 คัน
เปิดแปลนบ้าน
โฮมออฟฟิศในโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา จะมีแบบ 3.5 และ 4 ชั้น อย่างที่เล่าไปแล้วค่ะ ภายในทั้ง 2 แบบจะเป็นพื้นที่ Bare Shell คือ เตรียมที่โล่งและงานระบบเอาไว้ให้ ไม่มีี Finishing Material ให้ ต้องมาตกแต่งเพิ่มเติมเองตามสไตล์และรูปแบบการใช้งานในแต่ละธุรกิจ เพราะว่าธุรกิจที่แตกต่างกันการจัดสเปซพื้นที่ใช้สอยก็จะแตกต่างกันไปด้วยค่ะ
แปลนโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น District เอกมัย-รามอินทรา
โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 360.95 ตารางเมตร และสามารถจอดรถได้ 4-6 คัน คือ ด้านหน้าจอดเรียงกัน 4 คัน แล้วก็จอดด้านข้างซ้อนลึกเข้าไปอีก 2 คันค่ะ ถ้าทำพื้นที่จอดรถเพิ่ม พื้นที่สวนก็จะหายไปต้องแลกกัน … แปลนแบบนี้จะวางคู่กันเป็นลักษณะเดียวกับบ้านแฝด ทำให้แต่ละยูนิตจะมีพื้นที่ด้านข้างเป็นแปลงมุมทั้งหมด มี 2 ยูนิตติดกันแล้วเว้นระยะห่างเล็กน้อย แล้วจึงขึ้นอีก 2 ยูนิต
สเปซด้านในชั้น 1-3 จะเป็น bare shell ค่ะ ทำพื้นฉาบเรียบ ผนังทาสีขาวเอาไว้ให้ ไม่มีฝ้า เพราะโดยปกติโฮมออฟฟิศก็มักจะต้องให้เจ้าของตกแต่งเองตามสไตล์และแนวทางของแต่ละออฟฟิศอยู่แล้ว ส่วนของชั้น 4 จะทำคอนเซ็ปเป็นเหมือนคอนโด 2 ห้องนอน ให้เจ้าของกินนอนใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ได้เลย ลองไปดูแปลนกันค่ะ
เข้ามาที่ชั้น 1 ด้านหน้าจะเป็นประตูบานเลื่อน เข้ามาเป็นสเปซโล่ง ส่วนด้านในมีห้องน้ำอยู่เยื้องๆ กับทางขึ้นบันไดค่ะ ซึ่งบันไดบริเวณชั้น 1 ขึ้นไปชั้น 2 จะกว้างกว่าบันไดชั้นอื่น
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ตรงข้ามกับบันไดจะเป็นห้องน้ำค่ะ เดินเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่โล่งเช่นกัน เพียงแต่จะมีเสาลอยอยู่ ณ 3 ต้น ด้านหน้าอาคารนั้นจะเป็นกระจกเข้ามุม มีระเบียงเล็กๆ ให้ด้านหน้า
ที่ชั้น 3 แปลนก็จะคล้ายกับชั้น 2 เป็นสเปซโล่งๆ ที่มีเสาตีกรอบพื้นที่อีกที แต่บันไดที่ขึ้นมาจะแคบกว่า ห้องน้ำในชั้นนี้ก็จะใหญ่กว่าชั้น 2 ด้วยค่ะ แล้วก็ต่างกันตรงระเบียงด้านหน้าที่ตรงชั้น 3 จะเป็นระเบียงยาวเกือบจะตลอดแนวผนัง แต่จะไม่ได้กระจกเข้ามุม ถ้าเทียบกัน 2 ชั้นแล้ว ที่ชั้น 2 จะได้แสงธรรมชาติมากกว่าชั้น 3 แต่ถ้าต้องการดีไซน์เป็นสเปซปิดที่ใช้แสงไฟจากอินทีเรียเป็นหลักก็จะไม่มีอะไรต่างกันค่ะ
ชั้น 4 ด้านบนสุด ทางโครงการทำเป็นที่พักอาศัยค่ะ อย่างที่บอกไปว่าแปลนจะเหมือนเป็นคอนโดแบบ 2 ห้องนอน ขึ้นบันไดมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่ pantry ครัวสำหรับเตรียมอาหาร มีทางเดินเข้าไปด้านใน ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ส่วนด้านในสุดจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนค่ะ มีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet ได้ มีห้องน้ำในตัวค่ะ พื้นชั้นนี้จะปูลามิเนตมาให้ ไม่ได้เป็น Bare Shell เหมือนชั้นอื่นนะคะ
หน้าตาของโฮมออฟฟิศจะเป็นตัวอาคารสีครีม ตัดด้วยเส้นสีน้ำตาล และไม้ค่ะ มีแนวเส้นสีน้ำเงินที่ทำให้ดูโมเดิร์นขึ้น จะมี perforated metal ที่คล้ายกับด้านหน้าตรงทางเข้าโครงการด้วย ในภาพรวมก็ถือว่าเลือกใช้โทนสีได้ออกมาดูดีค่ะ ดูโมเดิร์นแต่ก็ยังมีความอบอุ่นอยู่ด้วย
อย่างที่บอกไปว่าทุกยูนิตก็คือแปลงมุม เพราะจากจัดวางบ้านจะเหมือนบ้านแฝดค่ะ เป็นโฮมออฟฟิศติดกับ 2 หลัง เลยทำให้มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสามารถจอดรถเพิ่มเติมได้ เพียงแต่ด้านข้างก็ต้องเลือกรถคันเล็กหน่อยนะคะ ถ้าเอาฟอร์จูนเนอร์แบบในรูปไปจอดจะแคบไป
พื้นที่จอดรถด้านหน้าโฮมออฟฟิศ
รูปด้านหน้าตรง
แหงนหน้ามองกันหน่อย
แปลนโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น District เอกมัย-รามอินทรา
โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 172.80 ตารางเมตร มีพื้นที่จอดรถได้ประมาณ 2-3 คันค่ะ แบบนี้จะเป็นแบบที่มีเพียง 12 หลังเท่านั้นในโครงการ
ที่ชั้นล่างจะมีชั้นลอยอยู่ เปิดประตูบ้านเข้ามาก็จะเป็นสเปซโล่งๆ ค่ะ ด้านหลังมีห้องน้ำให้ 1 ห้อง ฝั่งตรงข้ามจะเป็นบันไดขึ้นชั้นลอย ซึ่งใต้บันไดจะมีพื้นที่เก็บของให้อยู่ พอขึ้นมาตรงพื้นที่ชั้นลอยแล้วสเปซก็ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมายค่ะ แต่การมีชั้นลอยนี้จะช่วยให้พื้นที่ที่ชั้น 1 ดูโล่งโปร่งมากขึ้น
ขึ้นมาที่ชั้น 2 กับ ชั้น 3 สเปซแทบจะเหมือนกันเลยค่ะ ตรงข้ามกับบันไดของทั้งสองชั้นก็จะมีห้องน้ำให้ ห้องน้ำที่ชั้น 2 และ 3 จะสามารถอาบน้ำได้ด้วย
สเปซชั้นนี้ก็จะโล่งๆ เป็น bare shell เช่นกัน ไม่ได้มีเสากลางขึ้นมาบังสเปซภายในห้อง ส่วนมุมด้านนอกนั้นก็เป็นระเบียงที่ค่อนข้างแคบและยาวค่ะ ความยาวระเบียงกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของความกว้างอาคาร
บ้านตัวอย่างจะมีให้ดูเป็นแบบ Home office 4 ชั้นค่ะ ทางโครงการตกแต่งจำลองบรรยากาศเป็นออฟฟิศและโชว์รูมของแบรนด์เสื้อผ้า ซึ่งดูน่าสนใจค่ะ ซึ่งนอกจากจะเป็นออฟฟิศแล้ว ชั้นบนสุดยังตกแต่งเป็นที่พักอาศัยด้วยค่ะ ในส่วนบ้านตัวอย่างนี้ก็เลยถือว่าดูกันเพลินๆ นะคะ เพราะว่าการใช้งานสเปซจริงจะต้องมาดัดแปลงตามความต้องการเองอีกทีตอนตกแต่งอยู่แล้ว
ระยะความสูงของสเปซในบ้านนั้นชั้น 1-3 สูงประมาณ 3 เมตร แบบไม่ได้ตีฝ้าให้ค่ะ (ระยะถึงท้องพื้นสำเร็จโดยประมาณ) ส่วนที่ชั้น 4 นั้น จากพื้นถึงฝ้าจะอยู่ที่ 2.6 เมตรค่ะ
บ้านตัวอย่าง District เอกมัย-รามอินทรา
Home Office 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 360.95 ตารางเมตร 4-6 ที่จอดรถ
บ้านตัวอย่างนั้นจะตกแต่งให้ออกมาเป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์เก๋ๆ ค่ะ โดยที่ชั้น 1 และ ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำหรับรองรับลูกค้า เริ่มตั้งแต่จอดรถแล้วเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศกันเลย ที่เห็นจะเป็นมุมที่นั่งและโชว์เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของแบรนด์ค่ะ
มุมต้อนรับลูกค้าด้านหน้าทางเข้าออกโฮมออฟฟิศ
ทางขึ้นชั้นสองค่ะ
สเปซโล่งๆ ด้านในซึ่งในบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นพื้นที่ครัวเล็กๆ ไว้สำหรับรองรับลูกค้า
บันไดขึ้นชั้น 2 จะอยู่ด้านหลัง ใต้บันไดจะมีพื้นที่เก็บของให้ค่ะ สังเกตว่าบันไดขึ้นชั้น 2 จะกว้างกว่าบันไดชั้นอื่นนะคะ
ขึ้นมาชั้นสองโชว์รูมห้องเสื้อของแบรนด์ ชั้น 2 จะมีหน้าต่างที่เอาแสงธรรมชาติจากด้านหน้าเข้ามาได้มากกว่าชั้น 3 ค่ะ
มีทั้งโต๊ะยาว และโต๊ะเล็ก สำหรับลูกค้าที่เข้ามาลองเสื้อผ้าค่ะ
จากมุมด้านใน ด้านหน้านั้นจะเป็นหน้าต่างบานกระจกทั้งหมดค่ะ
มีมุมไว้สำหรับลองเสื้อผ้าซ่อนอยู่ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ทำงานของห้องเสื้อแล้วค่ะ
มุมโต๊ะทำงานด้านใน ซึ่งชั้น 3 นั้นจะไม่ได้เป็นหน้าต่างบานกระจกทั้งหมดแบบชั้น 2 ค่ะ จะมีพื้นที่ระเบียง ส่วนมุมนี้จะเป็นผนังทึบออกไปทำเป็นมุมชั้นวางหนังสือ
สเปซรวมๆ ของชั้นออฟฟิศ อยู่จริงก็ขึ้นอยู่กับการตกแต่งของแต่ละธุรกิจหล่ะค่ะ
มุมนั่งทำงานอีกมุมที่ติดกับผนังห้องน้ำ
บรรยากาศรวมๆ
เสาลอยที่มีอยู่ในสเปซ อินทีเรียเอามาดัดแปลงเป็นช่องแบ่งพื้นที่ทำงาน
พื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำชั้น 3 ที่กว้างกว่าบริเวณชั้น 2 สามารถวาง Pantry ทำเป็นมุมเตรียมชา กาแฟได้ ตรงนี้ต้องเดินท่อเพิ่มเองนะคะ
ขึ้นไปดูที่ชั้น 4 กันค่ะ
ชั้น 4 นั้นจะเป็นส่วนของที่พักอาศัยแล้ว ขึ้นบันไดมาก็จะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่เตรียมอาหาร
มุมของพื้นที่นั่งเล่นติดกับบันได ซึ่งของจริงจะเป็นราวกันตกโล่งๆ ไม่ได้เป็นบานกรอบกระจกแบบในห้องตัวอย่างนะคะ
จากมุมนั่งเล่นมองไปพื้นที่ครัว ด้วยความที่พื้นที่บริเวณนี้จำกัด เลยทำโต๊ะทานข้าวก็เลยเป็นแบบโต๊ะสูง พร้อมเก้าอี้บาร์ไปแทน แชร์พื้นที่รวมกับพื้นที่ครัว เป็นสไตล์แบบอยู่คอนโด
เก็บมุมของพื้นที่ pantry ครัวกันให้ดูอีกรูป
ระหว่างสเปซของ pantry และพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องนอนด้านในค่ะ
ติดฝั่งพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นห้องนอนเล็ก โดยที่ฝั่งตรงข้ามกับทางเดินจะเป็นห้องน้ำด้านนอกค่ะ
ออกมาจากห้องนอนเล็กก็จะเจอห้องนอนใหญ่ที่อยู่ด้านในสุด ซ้ายมือจะเป็นส่วนนอน เข้าไปในห้องในสุดจะเป็นมุมแต่งตัวและห้องน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ค่ะ
มุมที่นอนค่ะ
พื้นที่ระหว่างเตียงนอนกับระเบียงด้านนอก สเปซตรงห้องนอนใหญ่ค่อนข้างกว้างวางเตียงคิงไซส์ได้สบายๆ มีพื้นที่เหลือ แต่ระเบียงที่ชั้น 4 จะค่อนข้างแคบ เปิดรับลมได้อย่างเดียวค่ะ เอาโต๊ะเก้าอี้ออกไปวางนั่งเล่นไม่ได้
พื้นที่ปลายเตียง
รูปสุดท้ายเป็นทางเข้าออกห้องนอนใหญ่ค่ะ มองออกไปจะเห็นพื้นที่รับประทานอาหารด้านนอก
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
ประเด็นเรื่องวัสดุนั้นไม่ได้มีให้พูดถึงเท่าไหร่ เนื่องจากภายในของ District เอกมัย-รามอินทรา ได้เป็น bare shell ค่ะ สำหรับแบบ 4 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นอารมณ์ห้องเปล่าตามแบบคอนโด คือจะปูพื้น ตีฝ้า ทาสีผนังให้ ส่วนครัวนั้นจะไม่มีให้ แต่จะมีต่อท่อไว้ให้ที่ชั้น 1 และชั้น 4 ส่วนห้องน้ำนั้นมีทุกชั้น แต่เป็นห้องโล่งๆ จะมีที่ชั้น 4 ที่ได้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามห้องตัวอย่าง นอกนั้นไม่ได้ค่ะ
รวมๆ แล้ววัสดุก็จะอาจจะให้มาน้อยไปนิด เข้าใจว่า พื้นที่ตรงส่วนของชั้น 1-3 นั้นเน้นให้ลูกค้าออกแบบตกแต่งเองได้ตามความต้องการซึ่งก็เป็นคอนเซ็ปที่วางไว้ แต่วัสดุบางชิ้นคิดว่าถ้าให้มาเพิ่มก็ดีค่ะ อย่างราวจับบันไดให้มาเป็นเหล็กกล่องเฉยๆ ไม่มีตัวจับปิดผิวที่เป็นไม้มาให้ด้วย
วัสดุห้องน้ำ
อ่างล้างหน้าในห้องนอนใหญ่ชั้น 4 นั้นจะได้เป็นเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า Kohler มีที่เก็บของให้ด้านล่าง
พื้นที่เก็บของด้านในค่ะ
ก๊อกน้ำ Englefield
ไฟห้องน้ำเป็นดาวน์ไลท์ค่ะ มีพัดลมระบายอากาศของ Mitsubishi
พื้นที่อาบน้ำของห้องน้ำชั้น 4 ในห้องนอนใหญ่ค่ะ สเปซกว้างพอหมุนตัวและใช้งานได้สบาย ไม่แคบ
ฝักบัวของห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ ชั้น 4 จะมีที่วางสบู่ให้
พื้นที่อาบน้ำของห้องนอนใหญ่ ชั้น 4 กั้นเป็นสัดเป็นส่วนดี พิเศษอยู่ห้องเดียว
พื้นที่อาบน้ำห้องน้ำชั้น 4 ตรงส่วนกลาง สเปซจะเป็นสี่่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นจะลดระดับลงไปเล็กน้อย
อ่างล้างหน้าที่ห้องน้ำชั้น 4 จะไม่ได้ตู้เก็บของให้ แต่ด้านหลังจะมีพื้นที่วางของให้ค่ะ
วงกบประตูห้องน้ำทาสีขาว
หน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศที่ห้องน้ำที่ชั้น 3 ค่ะ
บานหน้าต่างที่ห้องน้ำที่ชั้น 2 ค่ะ
พื้นระหว่างห้องน้ำและพื้นลามิเนตที่ชั้น 4 ซึ่งพื้นห้องน้ำจะลดระดัับลงไปจากพื้นห้องทั่วไปค่ะ
วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)
เริ่มจากทางเข้าออกเลยค่ะ เป็นประตูบานเลื่อน ยกพื้นสูงกว่าด้านนอกอยู่นิดหน่อย
บานจับจะนูนขึ้นมาเพื่อให้จับสะดวกขึ้นค่ะ
ด้านในเป็นมือจับด้านใน
ชั้นล่างมีพื้นที่เก็บของใต้บันได
สวิตซ์ bticino หน้าตาดูดี
โคมไฟตรงบันได
แผงควบคุมไฟที่ชั้นล่าง ซึ่งแต่ละชั้นจะมีแผงควบคุมไฟแยกกันค่ะ
แผงควบคุมไฟที่ชั้น 2
หน้าตาสเปซของชั้น 2 ค่ะ เป็นสเปซโล่ง ได้กระจกเข้ามุม พื้นจะเป็นซีเมนต์ฉาบเรียบ เพดานก็จะโล่งถึงท้องพื้นด้านบน ไม่ได้ตีฝ้าให้แต่ทาสีเก็บความเรียบร้อยมาให้เสร็จ ถ้าใครจะตกแต่งสไตล์ loft ก็ไม่ต้องทำฝ้าเพิ่มนะคะ
ที่ชั้น 3 ออกไปเป็นระเบียงด้านนอกได้ ต่างจากชั้น 2 ที่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าต่างบานกระจกค่ะ ชั้นนี้จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาน้อยกว่า
บันไดระหว่างชั้น 1 ไป ชั้น 2 จะกว้างกว่าชั้นอื่นๆ ค่ะ (พื้นจริงจะเป็นซีเมนต์ฉาบเรียบแทนนะคะ ทั้งพื้นห้องและพื้นบันไดเลย)
พอขึ้นไปชั้น 2-4 บันไดจะขนาดเท่าๆ กันค่ะ
ที่ชั้น 4 จะมีส่วนที่ยื่นออกตรงบันได ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น
ราวบันไดในบ้านจริงจะเป็นเหล็กกล่องสีดำ ไม่มีมือจับที่เป็นไม้แบบในห้องตัวอย่างค่ะ ตัวบันไดก็เป็นพื้นซีเมนต์ฉาบเรียบไป
ราวระเบียงเหล็กกล่อง ลูกฟักกระจกที่ชั้น 2 ค่ะ ขนาดพอที่จะสามารถออกไปยื่นได้ เผื่อใครจะนั่งในออฟฟิศแล้วอยากออกไปสูดอากาศหรือสูบบุหรี
ประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมสีดำออกไประเบียงชั้น 2
ส่วนชั้น 3 จะได้ระเบียงยาวกว่าค่ะ ตัวราวระเบียงจะเป็นเหล็กกล่องสีขาว ตัว perforated metal ก็สร้าง effect ของแสงและเงาได้ดีทีเดียว
หน้าต่างบานกระทุ้งตรงบันไดด้านหลังบ้านค่ะ
ที่ชั้น 4 จะปูลามิเนตที่พื้นให้ โทนสีสวยดี
ส่วนบานกรอบประตู ตามไปถึงผนังห้องก็จะเป็นสีขาวค่ะ
ประตูบานเลื่อนออกไประเบียงที่ห้องนอนใหญ่ชั้น 4 ค่ะ
บานกรอบประตูบานเลื่อนอะลูมิเนียมอบสีดำทั้งหลัง
ประตูบานเลื่อนมีตัวล็อคให้
ระเบียงกันตกที่ชั้น 4 ก็เป็นเหล็กกล่องสีขาว
ทุกชั้นจะมีบันไดหนีไฟอยู่ทางด้านหลังค่ะ
หน้าตาบันไดหนีไฟที่แปะอยู่หลังบ้าน ชั้น 4-3-2 จะเชื่อมกัน จากตรงชั้น 2 จะต้องต่อบันไดลิงลงมาอีกนิด บันไดจะไม่ได้ลงถึงชั้น 1 เลย ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่งั้นใครๆ ก็ปีนเข้าได้หมด
เงยหน้ามองจากชั้นล่าง
หลังบ้านจะรวมงานระบบและบันไดหนีไฟเข้าด้วยกัน
ที่ชั้น 2 จะลงบันไดหนีไฟด้วยบันไดลิง
ตำแหน่งคอมเพรสเซอร์ที่ชั้น 1-3 จะตั้งไว้หลังบ้านค่ะ
ส่วนคอมเพรสเซอร์ที่ชั้น 4 จะมีที่วางให้
ท่อน้ำยากันปลวกที่ฝังไว้ใต้บ้านจะฉีดปลวกก็อัดน้ำยาลงไปในท่อนี้ได้เลยค่ะ
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
ราคาขายเริ่มต้น ณ วันที่เปิดตัว (25 มิ.ย. 59) ราคาเริ่มที่ 8.9-15.9 ล้านบาทค่ะ ตัวโฮมออฟฟิศราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาทนั้นจะเป็นโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่งนะคะ ส่วนโฮมออฟฟิศ 4 ชั้นที่เป็นแบบที่เป็นจุดขายของโครงการจะเริ่มต้นที่ 15.9 ล้านบาทค่ะ
(เดี๋ยวเราได้ราคาแน่นอนมา จะมาอัพเดตอัตราการผ่อนและรายละเอียดการจองให้อีกทีนะคะ)
ราคา ณ เดือนตุลาคม 2563
ราคาเริ่มต้น : 14.99 ล้านบาท*
เงื่อนไขการจอง :
- เงินจอง
จอง n/A บาท , ทำสัญญา n/A บาท
- ผ่อนผ่อนดาวน์
ขึ้นกับแต่ละหลัง หากเป็นบ้านพร้อมโอนก็ไม่มีเงินดาวน์
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
ค่าส่วนกลาง n/A บาท/ตารางวา/เดือน (ชำระล่วงหน้า … ปี)
ค่าธรรมเนียมโอน 1% (ผู้ซื้อชำระ 1% , ผู้ขายชำระ 1%)
ค่ามิเตอร์น้ำ – ไฟ
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 40 ค่ะ การเดินทางเข้าออกของโครงการสามารถไปได้หลากหลายเส้น เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ถนนหลัก 4 เส้นเชื่อมกันเป็นสี่เหลี่ยม คือถนนประดิษฐ์มนูธรรม, ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนรามอินทรา และถนนนวมินทร์ ข้อดีของซอยที่ตั้งโครงการคือสามารถออกได้ทั้งถนนนวลจันทร์และถนนรามอินทรา โดยรวมๆ แล้วการเดินทางถือว่าสะดวกอยู่ค่ะ ถ้าใช้รถสาธารณะในซอยนวลจันทร์ก็มีสองแถวผ่าน
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
อนาคตจะมีรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) วิ่งผ่านบริเวณถนนรามอินทราค่ะ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของโซนนี้เปลี่ยน เพราะรถไฟฟ้านั้นเป็นตัวเพิ่มมูลค่าของที่ดินอยู่แล้ว ตอนนี้เท่าที่อัพเดทล่าสุดก็จะเริ่มสร้างกันในปี 2560 ซึ่งตัวสถานีที่ใกล้ที่สุดนั้นก็คือสถานีรามอินทรา 40 ซึ่งเป็นปากซอยที่ตั้งโครงการเป๊ะเลยค่ะ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
โครงการ District Ekkamai-Ramintra นี้เป็นโฮมออฟฟิศที่ขนาดโครงการเล็ก มียูนิตไม่มาก ดีไซน์มี 2 แบบ ซึ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยต่างกันเยอะ มีทั้งแบบ 3.5 ชั้น และแบบ 4 ชั้น โดยดีไซน์ของทั้ง 2 ตัวนั้นจะออกมาในโทนเดียวกัน โทนสีภายนอกเป็นครีม, น้ำตาล ดูอบอุ่น และมีสีน้ำเงินมาตัดให้ดูโมเดิร์นขึ้น มีการใช้วัสดุพวก perforated metal สีขาวมาตกแต่งบางส่วนเพื่อให้ดูทันสมัย ในภาพรวมคุมโทนสีได้ดีค่ะ โครงการใช้ดีไซน์นี้กับทั้งแบบ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น
ลักษณะของการวางแปลน District เอกมัย-รามอินทรา จะมาในลักษณะของทาวน์โฮมหน้ากว้างค่ะ ภายในจัดเป็น open plan เปิดโล่ง เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อสามารถดัดแปลงตกแต่งเพิ่มได้อย่างอิสระตามแต่ละประเภทธุรกิจ สเปซภายในเลยเตรียมให้ในแบบ bare shell เพราะฉะนั้นถ้าจะซื้อก็ต้องคำนวณตัวเลขของงบตกแต่งต่อตารางเมตรคร่าวๆ ที่จะทำเพิ่มแล้วบวกลงไปในราคาขายด้วยนะคะ จะได้เตรียมงบประมาณไว้พอเพียง
ลักษณะของโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น นั้นจะเตรียมพื้นที่ภายในมาเป็น bare shell ทั้งหมด ส่วนของ 4 ชั้น จะเป็น bare shell 3 ชั้น ส่วนชั้นบนสุดจะทำเหมือนเป็นคอนโดมิเนียม 2 ห้องนอน แบ่งกั้นห้องให้อยู่อาศัยได้เลย รวมๆ ก็ถือว่าจัดแปลนมาได้ flexible ค่ะ และสำหรับวัสดุของ District เอกมัย-รามอินทรา ด้วยความที่สเปซข้างในเป็น bare shell ไม่ได้ตกแต่งมาให้ เลยไม่มีอะไรให้คอมเม้นท์มาก จะมรติดใจอยู่หน่อยก็ตรงที่ห้องน้ำชั้น 1-3 ไม่ได้มีสุขภัณฑ์มาให้นี่แหละ โครงการเตรียมให้แต่เฉพาะระบบท่อ เลยต้องมาหาเพิ่มทีหลังพร้อมกับตอนที่ทำอินทีเรียค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการก็มีฟิตเนสให้ แล้วก็มีการดูแลของนิติบุคคลที่ AP จัดหามา ตรงนี้ถือว่าก็เป็นข้อได้เปรียบกว่าโฮมออฟฟิศทั่วไป ที่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางค่ะ อย่างน้อยการที่โครงการมีแบรนด์เวลาจะติดต่อหรือมีปัญหาอะไรก็มีช่องทางเข้าถึงดีเวลลอปเปอร์ได้ง่ายกว่า
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนบ้านจัดสรรที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ดีมากนะรูปภาพชัดเจน แยกเนื้อหาต่างๆน่าสนใจ