Land and Houses แผนธุรกิจ 60 เปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 26,000 ล้าน และเป้ารับรู้รายได้ 31,000 ล้านบาท
· ~ 1 min readแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (Land and Houses) ตั้งเป้ายอดขายปี 2560 26,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 31,000 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก 3,150 ล้านบาท จากโรงแรม 4 แห่งในกรุงเทพฯ และอพาร์ตเมนต์ 4 แห่งในอเมริกา
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2559 ว่ามีหนี้เงินกู้สุทธิจำนวน 41,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 85% และมีต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.85%
โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งปรมาณ 10,000 ล้านบาท หรือ 70% เป็นการลงทุนในอสังหาริมทัพย์เพื่อการเช่า โดยมีการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าที่อเมริกาไป 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 8,100 ล้านบาท
สำหรับปี 2560 ทาง Land and Houses ได้เตรียมงบลงทุนเอาไว้ประมาณ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดินประมาณ 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าอีก 4,000 ล้านบาท และมีแผนจะออกหุ้นกู้จำนวนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ทาง Land and Houses ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขายโรงแรม Grand Center Point Rajdamri เข้ากอง REIT คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่า ณ สิ้นปี บริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่่ระดับไม่เกิน 80%
ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2559
นายนพพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สรุปภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2559 ว่ามีการหดตัวลง โดยยอดจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะประเภทจัดสรรตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 59 มีทั้งหมด 89,940 หน่วย ลดลง 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่ 92,815 หน่วย และหากประมาณการยอดตัวเลขทั้งปี คาดว่าจะมีจำนวน 97,200 หน่วย จะลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปี 58
หากมองแยกตามประเภทของโครงการจัดสรรแล้ว สำหรับบ้านเดี่ยว (ม.ค.-พ.ย. 59) เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปี 2558 มีจำนวนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 4.3% และประมาณการทั้งปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.1% ส่วนโครงการจัดสรรประเภทอื่นมียอดลดลงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านแฝด, ทาวเฮ้าส์, อาคารพาณิชย์ หรือคอนโดมิเนียม โดยบ้านแฝด 11 เดือนแรกของปี 59 ลดลง 15.3% และคาดว่าทั้งปีจะลดลง 23.9% , ทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ช่วง 11 เดือนแรกลดลง 13.6% และทั้งปีคาดว่าจะลดลง 10.3% และสุดท้าย คอนโดมิเนียม ใน 11 เดือนแรกลดลง 1% และทั้งปี 59 คาดว่าจะลดลง 3.9%
หากสรุปภาพรวมทั้งตลาด ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 59 มีจำนวนหน่วยจดทะเบียนลดลง 3.1% และคาดว่าทั้งปีจะลดลงประมาณ 4.2%
ในส่วนของผลการดำเนินงานของทาง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปี 2559 ยังคงเน้นหนักไปที่ตลาดบ้านเดี่ยว โดยมีสัดส่วน 78% รองลงมาเป็นคอนโดมิเนียม 13% และทาวน์เฮ้าส์ 9% โดยทั้งหมดอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมลฑลรววมกัน 87% และอยู่ในต่างจังหวัด 13%
หากแบ่งตามประเภทราคาแล้ว 87% เป็นโครงการที่มีระดับราคาตั้งแต่ 4.01 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีเปิดโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ในปี 2559 ทั้งสิ้น 68 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 43 โครงการ ต่างจังหวัด 25 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ระหว่างปีอีก 10 โครงการ ทำให้ ณ สิ้นปี 2559 มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 78 โครงการ รวมมูลค่า 18,590 ล้านบาท
สำหรับในด้านส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) นับตามจำนวนหลัง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค.-พ.ย. 59 แบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย มีสัดส่วนดังนี้
- บ้านเดี่ยว มีส่วนแบ่งตลาด 15.1%
- ทาวน์เฮ้าส์ มีส่วนแบ่งตลาด 4.0%
- คอนโดมิเนียม มีส่วนแบ่งตลาด 1.3%
แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560
ในปี 2560 ทางแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีแผนงานเปิดโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ ซึ่งถ้าแบ่งตามประเภทโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ , ทาวน์เฮ้าส์ 4 โครงการ (มี 2 โครงการที่เป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดในโครงการเดียวกัน มีนับซ้ำ คือ Villagio พระราม 2 และ Inizio ปิ่นเกล้า-วงแหวน) และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ รวมมีจำนวนโครงการที่จะเปิดดำเนินการ ณ สิ้นปี 2560 ทั้งหมด 81 โครงการ
เป้าหมายในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย (Booking) ประมาณ 26,000 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ยของยูนิตที่ขายในปี 2560 เท่ากับ 7.5 ล้านบาท (ปี 2559 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.0 ล้านบาท) และมีเป้าหมายการรับรู้รายได้จากกาารโอนกรรมสิทธิ์ 31,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าพิจารณาตามประเภทที่อยู่อาศัยตามมูลค่า จะมีสัดส่วนของบ้านเดี่ยว 73%, ทาวน์เฮ้าส์ 9% และคอนโดมิเนียม 18%
ในด้านการลงทุนซื้อที่ดิน ได้ตั้งงบประมาณไว้ 7,000 ล้านบาท โดยจะพิจารณาทำเลที่สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีศักยภาพที่ดี
สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 มองว่า ต้นทุนราคาที่ดินในเมืองและชานเมืองยังสูงอยู่ ซึ่งยังส่งผลต่อการพัฒนาโครงการ ในด้านกำลังซื้อมองว่าดีมานด์ด้านการเก็งกำไรคอนโดมิเนียมลดลงเยอะ แต่สำหรับดีมานด์จริง (Real Demand) ยังน่าจะไปได้ และธนาคารก็ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ในตลาดล่าง แต่สำหรับตลาดกลางและบน ในราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป สถาบันการเงินยังมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อสูงอยู่ โดยผู้ประกอบการพยายามแก้ปัญหาโดยการเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์ให้มากขึ้น
ในปี 2560 นี้ ทาง Land and Houses ยังคงเน้นเปิดโครงการในตลาดจัดสรรแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ไม่ได้ลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมมากนัก ในเขตกรุงเทพมหานคร จะมีพัฒนาเพิ่มเติมโครงการเดียวในช่วงไตรมาสที่ 2 คือ The Bangkok สุขุมวิท 38 โดยมีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ประมาณ 300,000 บาท ต่อตารางเมตร และมีมูลค่าโครงการ 1,620 ล้านบาท สำหรับในตลาดคอนโดมิเนียมต่างจังหวัด จะมีโครงการคอนโด 2 โครงการในเชียงใหม่ (North 6 เชียงใหม่ และ North 7 เชียงใหม่) แต่เป็นโครงการขนาดเล็ก มูลค่าโครงการไม่มากนัก
สำหรับในอสังหาริทรัพย์ประเภทเช่าในต่างประเทศ จะมีการลดการลงทุนลงและหันมาลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยในปัจจุบัน มีมูลค่าของอสังหาริทรัพย์ประเภทเช่าในอเมริกาอยู่ประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาท และมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) สูงถึง 90%