SC Asset เตรียมเปิดโครงการเข้าสู่ตลาดทุก segment รวม 17 โครงการ 27,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ทะลุ 20,000 ลบ. ในปี 2562
· ~ 1 min readนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงแผนธุรกิจในปี 2560 โดยตั้งเป้ามุ่งเน้นลงมาทำตลาด Mass ในสัดส่วนที่มากขึ้น เพื่อหาช่องทางของโปรดักส์ใหม่ๆ สำหรับ SC Asset ที่จะโตต่อไปในอนาคตในยุค 4.0 ยุคแห่ง Connectivity โดยจะวางแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ที่โลกเชื่อมต่อกันทั้งหมดด้วยระบบดิจิตอล มีแผนการเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายในปี 2562 ทำรายได้เกิน 20,000 ล้านบาท ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 4 ข้อ
- Human-Centric innovation: ผสานนวัตกรรมพัฒนา “บ้านรู้ใจ” ในทุกระดับราคา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุค 4.0 โดยจะเปิดตัวบ้านรู้ใจ ในไตรมาส 3 ปีนี้
- Top-line growth: แผนยุทธศาสตร์เชิงรุก พัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา โดยยังรักษาฐานผู้นำส่วนแบ่งตลาดของกลุ่ม high-end และรุกขยายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของกลุ่ม mass โดยทาง SC จะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการในตลาดระดับกลางที่ราคาถูกลงมากขึ้น โดยในอีก 3 ปี ข้างหน้า ทาง SC จะไม่มีการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาคอนโดมิเนียมใน Luxury segment เพิ่มแต่อย่างใด แต่จะไปเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับราคา 120,000-250,000 บาท/ตร.ม. รวมประมาณ 8 โครงการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนสัดส่วน Portfolio ของทางบริษัทด้วย และแม้ในตลาดระดับกลางจะมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าขนาดของตลาดใหญ่เพียงพอที่จะเข้ามาลงทุน
- Top quality: รักษามาตรฐานคุณภาพทั้งสินค้าและบริการ โดยที่ผ่านมา ลูกค้าของทาง SC Asset มีสัดส่วนที่เป็นลูกค้าจากการบอกต่อถึง 17% ซึ่งก็เชื่อว่าตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
- Lean: ปรับ process ทั้งภายในและภายนอกให้เป็นระบบ Digitization เพื่อความแม่นยำ และคล่องตัว และมีการปรับโครงสร้างองค์กรสำหรับยุค 4.0
ปัจจัยสำคัญสำหรับปี 2560 ภายใต้นโยบายใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีคนใหม่ จะมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกทั้งหมด และจะมีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยทั้งในระยะกลางและระยะยาว รวมถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน ซึ่งมุมมองระยะสั้นสำหรับปีนี้ มี 2 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ
1. หนี้ครัวเรือนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงมาก แต่ยังมีสัดส่วนต่อ GDP ที่สูงอยู่
2. อัตราการปฏิเสธให้สินเชื่อจากธนาคาร (bank rejection) และhousing NPL ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ก็ตามคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 5% ด้วย GDP ของประเทศไทยยังมีการเติบโตมากกว่า 3% ต่อปี นอกจากนี้กำลังซื้อของกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีความแข็งแรงอยู่ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ลูกค้าของในบ้านระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ของทาง SC Asset มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 8% แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มนี้ก็ยังมีกำลังซื้อสูงเช่นกัน และซื้อด้วยเงินสดกว่า 50% โดยภาพรวมของการถูกปฎิเสธสินเชื่อรวมทั้งหมดของทาง SC Asset ประมาณ 10% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทาง SC ยังไม่เคยมีมาก่อน
ในปี 2560 SC มีเป้าหมายรายได้ 14,800 ล้านบาท และยอดขาย 16,000 ล้านบาท เติบโต 38% พร้อมแผนเปิดโครงการใหม่ ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ซึ่งสำหรับโครงการบ้านเดียวระดับราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ทาง SC Asset จะได้แตกแบรนด์ The Gentry และ Headquarters ที่จะขยับเข้ามาอยู่ในกลางเมืองมากขึ้น และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ 28 Chidlom (มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท) และ Chambers Cher รัชดา-รามอินทรา (มูลค่าโครงการ 880 ล้านบาท) และในครึ่งปีหลังเปิด 11 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ในส่วนอาคารสำนักงานแห่งใหม่ SC Tower ที่ได้รับความสำเร็จ ปัจจุบันมียอดจองครบ 100 % เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้เช่าหลัก 2 ราย เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านการเงิน และบริษัททางด้านเทเลคอม โดย SC Tower จะพร้อมเปิดดำเนินการในปลายไตรมาส 1 นี้
ทั้งนี้คาดว่าเป้าหมายรายได้ 14,800 ล้านบาท ในปี 2560 ของทาง SC Asset จะประกอบด้วย
- รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม ประมาณ 3,000 ล้านบาท
- รายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่า ประมาณ 800 ล้านบาท
- รายได้จากโครงการแนวราบ ประมาณ 11,000 ล้านบาท
และทาง SC Asset เตรียมงบลงทุนเอาไว้ 16,000 ล้านบาท เป็นงบซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท และงบก่อสร้างอีก 8,000 ล้านบาท นายณัฐพงศ์กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงเร็วอย่างไร SC พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งปริมาณควบคู่ไปกับคุณภาพ”