Eastern Star เผยแผนธุรกิจปี 60 ตั้งเป้ายอดรายได้ 2,200 ลบ. เตรียมเปิดโครงการปีนี้ 2-3 โครงการ ในกรุงเทพฯ และระยอง
· ~ 1 min readEastern Star Real Estate เปิดแผนธุรกิจปี 2560 วางเป้ารายได้ 2,200 ล้านบาท และเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท พร้อมชูแบรนด์ EStar เตรียมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ให้ครอบคลุมหลากหลายผลิตภัณฑ์และขยายกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เน้นการบริหารจัดการให้ตอบโจทย์ลูกค้า (Customer focus) เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และระยอง และเสริมทัพผู้บริหาร ปรับทีมรวมทั้งกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) (ESTAR) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และในเขตอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยยังคงเน้นลูกค้าระดับกลาง-บน ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการเน้นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเพิ่มความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และราคาขาย รวมไปถึงแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่ตลาดที่อยู่อาศัยเกิดความผันผวน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับองค์กรในระยะยาวมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้จะมีการปรับโครงสร้างการบริหารงานทีมงาน และกระบวนการทำงานให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการเติบโตของธุรกิจ
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ด้านการรับรู้รายได้ตั้งเป้าขั้นต่ำประมาณ 2,200 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 โครงการ ประกอบด้วย
1. คอนโดมิเนียม Star View คอนโดมิเนียม วิวแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 6.7 ล้านบาท เหลือยูนิตพร้อมขายประมาณ 15% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 2560
2.คอนโดมิเนียม นารา 9 (Nara 9) คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางสาทร บนถนนนราธิวาสฯ มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 9.7 ล้านบาท เหลือยูนิตพร้อมขายประมาณ 17% โดยอยู่ระหว่างการทยอยส่งมอบห้องให้ลูกค้า
3. คอนโดมิเนียม แอมเบอร์ (Amber) คอนโดมิเนียม ติดสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สถานีติวานนท์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท พร้อมเข้าอยู่ราวกลางปี 2561 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการในเขตอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ปัจจุบันมี 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสินทวี การ์เด้นท์ 2, โครงการวินเทจ โฮมวิลเลท 3 และโครงการแฮมเลท 3 ซึ่งภาพรวมมียอดขายและยอดรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะผลักดันให้มีอัตราการเติบโตทางด้านยอดขายและรายได้ อย่างน้อยราว 20% ในปี 2560 โดยจะมีการปรับภาพลักษณ์และรูปแบบให้ตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น และชูจุดขายพื้นที่ใกล้สนามกอล์ฟและศูนย์กีฬา ที่มีบรรยากาศร่มรื่น เป็นสังคมคุณภาพ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าพื้นที่บริเวณนี้มีศักยภาพสูง ด้วยการเดินทางที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย และพร้อมรองรับนโยบายการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นเป็นระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) ของรัฐบาลที่จะเริ่มทยอยเห็นผลตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวเสริมว่า คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ ในปี 2560 ภาพรวมตลาดน่าจะทรงตัว เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในการใช้จ่ายมากนัก อีกทั้งราคาที่ดินปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็วตามนโยบายการพัฒนาสาธารณูปโภคของรัฐ ในขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภคอาจตามไม่ทัน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง สำหรับตลาดคอนโดมิเนียม เชื่อว่ายังมีความต้องการอยู่มาก โดยความต้องการส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณพื้นที่ ที่มีการคมนาคมที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลัก/สายรอง หรือตามจุดขึ้นลงทางด่วนต่างๆที่รองรับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง
“คนจะเริ่มหันมาซื้อบ้านหลังที่ 2 เป็นคอนโดฯมากขึ้นเพื่ออยู่อาศัยในช่วงวันทำงาน และมองว่าโครงการในรูปแบบ Mixed use ที่ผสมผสานระหว่างที่พักอาศัยและการใช้ประโยชน์อื่นๆ อาทิ พื้นที่สำหรับการค้า สำนักงาน หรือการใช้ประโยชน์รูปแบบอื่นๆ น่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้มองว่า คอนโดมิเนียมในระดับราคากลาง ถึงกลางบน ( ราคา 5–10 ล้านบาทต้นๆ) จะยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้แล้ว บริษัทฯได้ปรับโครงสร้างการบริหารงาน ทีมงาน และกระบวนการทำงานให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ กลยุทธ์หลักคือสร้างการจดจำแบรนด์ “ EStar ” ที่มีรากฐานมายาวนานเกือบ 30 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ โดยมีจุดเด่นในด้านการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตอบสนองการใช้ชีวิตและความต้องการที่หลากหลาย ไปพร้อมกับการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าโดยให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ลูกค้า (Customer focus) ผ่านเครื่องมือต่างๆ อาทิ การบริหารความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า (CRM) เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer satisfaction) และเราจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้ได้รับรู้และมีโอกาสมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ และร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกับอีสเทอร์น สตาร์ มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน Eastern Star Real Estate (ESTAR) มีทุนจดทะเบียน 5,022,246,185 บาท (ชำระเต็ม) ซึ่งถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีทุนจดทะเบียนที่สูงในอันดับต้นๆ ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และด้วยรากฐานมายาวนานเกือบ 30 ปี ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงินและการลงทุนสูงมาก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯสามารถก้าวเดินต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอาจจะยังมีความผันผวนอยู่บ้างก็ตาม ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวท้ายสุด