Property Perfect และ Grand Asset เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2560 สร้างความเข้มแข็งด้านการเงิน ด้วยแผน 3 เพิ่ม ทั้ง เพิ่มทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มกำไร ประมาณการรายได้ทั้งกลุ่มบริษัทที่ 22,050 ล้าน เป้าขายกลุ่มบริษัทวางไว้ 18,300 ล้าน โดย PF มีแผนเปิด 16 โครงการใหม่ มูลค่า 22,190 ล้าน และเตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน คาดว่าจะเสนอขาย กลางเดือน มี.ค.นี้
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ นางสาวศิริรัตน์ วงศ์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการเงิน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) ร่วมด้วย นายวิทวัส วิภากุล กรรมการและกรรมการบริหาร นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาววิลาวัณย์ เหลืองนาคทองดี กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (GRAND) ร่วมกันแถลงถึงแผนธุรกิจ โดย นายชายนิด เผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า
ครึ่งปีแรก – คาดว่าธุรกิจจะยังอยู่ในภาวะทรงตัว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมีความชัดเจน ทั้งรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ราคาที่ดินจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ครึ่งปีหลัง – ธุรกิจมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ส่งเสริมให้มีเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบมากขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ แผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ของภาครัฐยังมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนตามภาครัฐ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีบางซื่อ-เตาปูน จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพื้นที่โซนตะวันตกของกรุงเทพ เพิ่มมากขึ้น
แผนการดำเนินงานปี 60
กลุ่มบริษัทจะเน้นเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ด้วยแผน 3 เพิ่ม ได้แก่ เพิ่มทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มกำไร
- เพิ่มทุน –
- Property Perfect มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 1,300 ล้านหุ้น เป็นเงิน 1,300 ล้านบาท โดยการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง และมีแผนออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
- GRAND มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 2,110 ล้านหุ้น เป็นเงิน 2,110 ล้านบาท โดยให้สิทธิ์แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 867 ล้านหุ้น และการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 1,244 ล้านหุ้น
- เพิ่มรายได้ – โครงสร้างรายได้ของบริษัท มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% และธุรกิจโรงแรม 40% ทั้งนี้ วางงบลงทุนในระยะเวลา 2 ปี ไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
- Property Perfect
- เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 16 โครงการ มูลค่ารวม 22,190 ล้านบาท เพื่อให้รายได้เติบโตต่อเนื่อง เป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่า 14,252 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 7,938 ล้านบาท เปิดตัวในครึ่งปีแรก 8 โครงการ และครึ่งปีหลัง 8 โครงการ โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางและสูง ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากบ้านเดี่ยวระดับบน 25% และจากบ้านเดี่ยวระดับกลาง 33%
- ครึ่งปีแรกจะพัฒนาโครงการในทำเลแจ้งวัฒนะ พื้นที่รวม 400 ไร่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังได้ลงทุน 500 ล้านบาท สร้างถนนเส้นใหม่ “ถนนหอการค้าไทย” ความยาว 4 ก.ม. ในทำเลดังกล่าว
- ส่วนครึ่งปีหลัง จะนำที่ดินแปลงใหญ่ทำเลถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่มาพัฒนาโครงการ โดยมีพื้นที่รวม 340 ไร่ มูลค่า 9,200 ล้านบาท
- GRAND
- เพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มตลาดระดับบน คอนโดระดับพรีเมียมในเขต CBD และวิลล่าเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ( บ้านเดี่ยวระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป )
- จัดตั้งกอง REIT โรงแรมเชอราตันหัวหิน
- ทยอยจัดตั้งกอง REIT โรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วเมื่อมีความพร้อม สำหรับการเปิดโครงการใหม่
- เปิดดำเนินการโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ ในปลายปีด้วย
- มีแผนออกหุ้นกู้ระยะยาวอายุไม่เกิน 5 ปี เพื่อสนับสนุนแผนการลงทุน
- เตรียมเปิดโครงการใหม่แบบ Mix Used เป็นรีสอร์ทผสมผสานกับคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่า บริเวณหาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง พื้นที่ 90 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท
- Property Perfect
- เพิ่มกำไร – จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารให้มีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการต้นทุน ตั้งเป้าอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ (Net IBD/E) ให้อยู่ที่ระดับ 1.6 เท่าในปีนี้ บริษัทยังจะได้ข้อสรุปในส่วนของพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจหลักอีกด้วย
ด้านการบริหารจัดการการเงินของกลุ่มบริษัท
กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 60 ไว้ 18,300 ล้านบาท ส่วนปีที่ผ่านมาทำได้ 12,614 ล้านบาท สำหรับรายได้ของกลุ่มบริษัท ปีที่ผ่านมา ทำได้ 14,661 ล้านบาท ส่วนปีนี้ประมาณการไว้ที่ 22,050 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของ PF จำนวน 14,500 ล้านบาท รายได้ของ GRAND ในส่วนของคอนโดมิเนียม 2,500 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจโรงแรม 2,900 ล้านบาท จากการขายที่ดิน 2,000 ล้านบาท และ จากธุรกิจให้เช่าอีก 150 ล้านบาท
กลางเดือนมีนาคมนี้ PF มีแผนที่จะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (PERP) ชุดแรกในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งการนับหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นทุน จะทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ โดยคาดการว่าอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนชุดแรกนี้จะไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว จะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับเรื่องตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ซึ่งบริษัทฯ มียอดคงเหลือประมาณ 2,000 ล้านบาทนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการชำระคืนเรียบร้อยแล้ว