วันนี้เรามีรีวิว Life Ladprao คอนโดทำลดี จาก AP ที่ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate Group มาฝากกันค่ะ คอนโด ไลฟ์ ลาดพร้าว เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 45 และ 46 ชั้น มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลติดรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สวนต่อขยาย) สถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่กำลังก่อสร้าง, MRT พหลโยธิน และใกล้ศูนย์การค้า ทำให้หาของกินง่ายและเดินทางสะดวก ที่สำคัญยังเป็นคอนโดแบรนด์ Life ตัวแรกที่ทาง AP อัพเกรดคุณภาพให้พรีเมี่ยมมากขึ้นจาก Life แบบเดิมๆ ที่ผ่านมาอีกด้วย ตัวอย่างของ Life เวอร์ชั่นอัพเกรด ก็เช่น พื้นที่ส่วนกลางที่มี Co-Working Space หลายจุด พร้อมกับนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในโครงการ เช่น Wireless Phone Charger, Cocoon Space หรือการใช้ Application มือถือจองพื้นที่ส่วนกลางล่วงหน้าได้ ติดตามแจ้งซ่อมห้อง หรือรับข่าวสารต่างๆ จากคอนโด ได้อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดอื่นๆ ยังมีอีกเยอะ ตามไปอ่านรายละเอียดกันได้ในรีวิวนี้ค่ะ
รีวิวคอนโด Life Ladprao (ไลฟ์ ลาดพร้าว) คอนโดสูง 2 อาคาร ตรงข้าม Central ลาดพร้าว ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว
· 30 min readLife Ladprao
( ไลฟ์ ลาดพร้าว )
- เจ้าของโครงการ >>> AP (Thailand) ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป
- ที่ตั้งโครงการ >>> ติดถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง
- ขนาดที่ดิน >>> 7-0-71.4 ไร่
- จำนวนอาคาร >>> 2 อาคาร
- จำนวนชั้น >>> อาคาร A 45 ชั้น, อาคาร B 46 ชั้น
- ประเภทห้อง >>>
- สตูดิโอ 26 – 29 ตารางเมตร จำนวน 509 ยูนิต
- 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร จำนวน 832 ยูนิต
- 2 ห้องนอน ห้องน้ำ 48.5 – 75 ตารางเมตร จำนวน 273 ยูนิต
- Duplex 355 ตารางเมตร จำนวน 1 ยูนิต
- จำนวนยูนิต >>> 1,615 ยูนิต (รวม 2 อาคาร) + 1 ร้านค้า
- อาคาร A 706 ห้อง
- อาคาร B 909 ห้อง
- ที่จอดรถ >>> 723 คัน ประมาณ 44% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> เริ่ม 2.9 ล้านบาท ได้ห้องแบบ Fully Fitted
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ย 140,000 บาท/ตารางเมตร
- คาดว่าแล้วเสร็จ >>> ประมาณปี 2563
- พิกัด GPS >>> 13.817238, 100.563049
- เว็บไซต์โครงการ >>> Life Ladprao
- โทร >>> 1623
.
คอนโด Life ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง ห่างจาก MRT พหลโยธินประมาณ 500 เมตร และในอนาคตจะติดสถานีห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมกับคอนโดค่ะ
การเดินทาง
การเดินทางไปยังคอนโด Life ลาดพร้าว สะดวกมาก เราจะใช้บริการ MRT ลงสถานีพหลโยธิน ออกประตู 4 ค่ะ จะออกมาตรงหัวมุมห้าแยกลาดพร้าวหน้า Union Mall พอดี แล้วเราก็จะเดินต่อไปทางขวามือ เลาะถนนฝั่งตรงข้าม Central ลาดพร้าวไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงหน้า Life Ladprao ค่ะ
เริ่มที่บรรยากาศด้านหน้าของ MRT พหลโยธิน ประตู 4
ด้านหน้าจะเป็นลานว่างฝั่งตรงข้าม Central ลาดพร้าว ให้เดินต่อไปด้านหน้าแล้วเลี้ยวขวา
เราจะเดินผ่านดงของร้านอัดรูปไปเรื่อยๆ ค่ะ
ร้านอาหารแถวนี้ก็มีเยอะเหมือนกัน แม้ไม่เข้าห้าง แต่ก็จัดว่าอุดมสมบูรณ์ทีเดียว
ฝั่งตรงข้ามเป็น Central ลาดพร้าว ส่วนเกาะกลางถนนกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวกันอยู่ ช่วงนี้ก็รถติดวนไปก่อน ใครอยู่แถวนี้ก็อดทนเพื่ออนาคตค่ะ
ผ่านร้าน 7-Elven และป้ายรถเมล์ มีคนมารอใช้บริการกันเยอะค่ะ เพราะว่าเป็นจุดต่อรถที่สำคัญ
ถ้าดูจากมุมสูง จะเห็นกลุ่มอาคารพาณิชย์เหล่านี้ ที่เราต้องเดินผ่านไปจนถึงโครงการ Life ลาดพร้าว
พอเราเดินผ่านกลุ่มร้านค้ามาแล้วจะเจอ M Ladprao ของ Major ซึ่งเปิดขายไปตั้งแต่ปี 2011 สร้างเสร็จพร้อมอยู่
M ลาดพร้าว สูง 44 ชั้น เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของ Life ลาดพร้าว ค่ะ
เดินผ่านวานิสสาคลินิกเวชกรรม
จากนั้นเดินผ่านอาคารพาณิชย์มาอีก 1 ช่วงตึก
และผ่านหน้าบ้านอีกซักหลัง
ถึงสำนักงานขายแล้วค่า เก๋ไก๋ดี คุมโทนสีขาว-ดำ ดีไซน์ให้ทางเข้าเสมือนลอยอยู่บนผิวน้ำ โดยส่วนตัวก็ยกให้เป็นสำนักงานขายของ Life ที่สวยที่สุดที่เคยไปมาเลยทีเดียว
ทางเท้าด้านหน้าโครงการและสำนักงานขายอยู่ในสภาพดี มีต้นไม้ตลอดถนน
รั้วสีน้ำเงินจะกั้นพื้นที่ปรับปรุงด้านใน เพื่อเตรียมพื้นที่ก่อสร้างอยู่
ถนนหน้าโครงการไลฟ์ ลาดพร้าว เป็นถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปที่ห้าแยกลาดพร้าว ตอนนี้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจาก BTS หมอชิต เลยมองไม่เห็นฝั่งตรงข้ามที่เป็นโรงเรียนหอวังค่ะ ซึ่งตรงนี้จะเป็นสถานีห้าแยกลาดพร้าวพอดี มีขาทางขึ้น-ลงมาบริเวณหน้า Life Ladprao พอดีด้วย
สุดเขตโครงการ Life ลาดพร้าวฝั่งทิศเหนือ จะติดกับซอยส่วนบุคคล
มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง
ทำเลตรงห้าแยกลาดพร้าวนี้ถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ของคนในย่านลาดพร้าวและพหลโยธินตอนต้นมานานมาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว นั้นก็จัดเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่ทำรายได้ให้เครือเซ็นทรัลมากเป็นลำดับต้นๆ ตลอดมา และก็เพิ่งต่อสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยออกไปอีก 30 ปี เมื่อไม่กี่ปีมานี้ค่ะ ซึ่งก็คงจะทำให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยหลักไปอีกนานนับสิบปีหล่ะค่ะ
ในปัจจุบันมี MRT พหลโยธิน เป็นการเดินทางสาธารณะที่สะดวกที่สุดค่ะ แต่มีจำกัดในการเชื่อมต่อกับใจกลางเมืองโซนสุขุมวิทตอนต้น ก็คือจะต้องไปเปลี่ยนขบวนเป็น BTS ที่หมอชิต หากแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ต่อขยายออกมา (หมอชิต-คูคต) ทำเสร็จเมื่อไหร่ ก็จะทำให้สามารถเชื่อมโซนห้าแยกลาดพร้าว เข้าไปใจกลางเมืองได้สะดวกมากยิ่งขึ้นค่ะ
ก่อนที่จะพาไปเดินสำรวจรอบๆ โครงการ เรามาดูแผนที่โครงการ Life Ladprao ในภาพรวมกันก่อนค่ะ ที่ตั้งของโครงการนั้นอยู่ใกล้กับ Tesco Lotus ลาดพร้าว หาของกินของใช้ได้ง่ายมาก ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนหอวัง, ศูนย์การค้า Central ลาดพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักของย่านนี้ และยังมีสถานีรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว หน้าโครงการอีกด้วย ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว นั่งยิงยาวเข้าใจกลางเมืองได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนค่ะ
บริเวณ Union Mall – Central ลาดพร้าว – Tesco Lotus จะเป็นแหล่งชุมชนที่มีร้านค้าคึกคัก และอุดมสมบูรณ์มาก แต่พอเลย Tesco Lotus ขึ้นไปจะเริ่มเหงาๆ ละ มีพวกอาคารสำนักงานและตึกแถว จะไปคึกคักอีกทีที่แยกรัชโยธิน มี Major รัชโยธิน และสำนักงานใหญ่ SCB (SCB Park Plaza) เป็น Hub ค่ะ บริเวณแยกรัชโยธินสามารถเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษก หรือไปทางวงศ์สว่างได้ หากตรงต่อไปจะไปยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนห้าแยกลาดพร้าวจะเป็นจุดเชื่อมระหว่างถนนเส้นหลัก 3 สาย ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ถนนลาดพร้าว และถนนวิภาวดีรังสิต มี Central ลาดพร้าว และ Union Mall ปัจจุบันมี MRT พหลโยธินที่มารองรับการเดินทางจุดนี้ เมื่อสายสีเขียวส่วนต่อขยายก็น่าจะทำให้ระบบขนส่งครบวงจรได้มากขึ้น กลายเป็นกึ่งๆ Interchange ย่อยๆ แม้จะไม่ได้เชื่อมกันโดยตรง แต่ก็มีข่าวคราวว่าจะทำทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีห้าแยกลาดพร้าว มายัง MRT พหลโยธิน ด้วยนะคะ (ไม่คอนเฟิร์ม) เดี๋ยวต้องรอดูรายละเอียดในอนาคตกันต่อไป
หากเลยห้าแยกลาดพร้าวไปทางหมอชิต จะมีสวนจตุจักร, สวนรถไฟ เป็นพื้นที่สีเขียวให้ไปวิ่งออกกำลังกายได้ ส่วนเส้นวิภาวดีรังสิตก็มีมหาวิทยาลัยเซ็นต์จอห์น, สำนักงานใหญ่ ปตท.และ Energy Complex เป็นแหล่งงานสำคัญค่ะ
ทีนี้มาซูมดูเพื่อนบ้านใกล้ๆ ค่ะ ผังโครงการ Life ลาดพร้าว จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูไปบานออกด้านใน ลึกไปจนถึงที่จอดรถของ Tesco Lotus ด้านหลัง … ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นโรงเรียนหอวัง สอนระดับมัธยมต้น-ปลาย ด้านข้างติดถนนส่วนบุคคลและ ศูนย์รถยนต์ Toyota (หมายเลข 1) อีกข้างเป็นอาคารพาณิชย์เก่า (หมายเลข 2) หากไล่ไปฝั่งทิศเหนือจะมี Tesco Lotus สาขาลาดพร้าว ที่ด้านหลังมีคอนโด Abstracts พหลโยธินพาร์ค สูง 34 ชั้น 3 อาคาร แต่ตอนนี้สร้างเสร็จไปแค่ 1 ตึก ซึ่งใช้โครงสร้างตึกเก่าตั้งแต่ที่ร้างมาเมื่อปี 40 ตำแหน่งจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ Life ลาดพร้าว อาจจะมีบางมุมถูกบังวิวบ้าง .. เลย Tesco ขึ้นไปอีกจะเป็นโชว์รูม Honda, กองปราบปราม และสนามแข่งรถ หรือแดนเนรมิตเก่านั่นเอง
ส่วนถ้าไล่มาทางทิศใต้ ถัดจากอาคารพาณิชย์จะเป็น วานิสสา คลินิกเวชกรรม (หมายเลข 3 ) ติดกับคอนโด M Ladprao สูง 44 ชั้น (หมายเลข 4 ), ต่อด้วย Tyreplus ร้านยางรถยนต์ (หมายเลข 5 ) และร้านค้าตามอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ตลอดแนวถนน (หมายเลข 6, 7 ) พอพ้นโซนร้านค้าก็จะถึง MRT พหลโยธิน และ Union Mall ค่ะ (หมายเลข 8 )
ของกินหรือร้านอาหารในย่านนี้จัดว่าอุดมสมบูรณ์ขั้นสุด คือมีตั้งแต่เกรดดีๆ ในศูนย์การค้า หรือจะเป็น Street Food แบบทั่วไป ตามตึกแถวอาคารพาณิชย์ข้างทางก็มีอยู่เกือบตลอดแนว เรียกว่าเลือกได้ไม่อดแน่นอน
สภาพแวดล้อมรอบคอนโด
จากที่เราได้ดูแผนที่ตั้งของ Life ลาดพร้าว กันไปแล้ว ทีนี้เราเดินไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ ที่ตั้งโครงการกันค่ะ
ตั้งต้นกันที่หน้าโครงการแล้วเดินทางไปขวาก่อนนะคะ จะพาไปดู Tesco Lotus
ผ่านศูนย์รถยนต์ Toyota
สภาพทางเท้ากว้างและมีต้นไม้ริมถนน
พ้นศูนย์ Toyota มาก็เจอ Tesco Lotus สาขาลาดพร้าวเลยค่ะ มีตลาดนัดตั้งอยู่ด้านหน้า ขายทั้งของกินและเสื้อผ้าราคาไม่แพง แบบบ้านๆ หน่อย
Tesco Lotus อยู่ถัดเข้ามาด้านใน มีร้านอาหาร เช่น MK, BAR-B-Q Plaza, KFC ตามสูตรโลตัสทั่วไป
และด้านหน้าเทสโก้ ก็จะมีสะพานลอยและป้ายรถเมล์ คนมานั่งรอกันเยอะ แต่สะพานลอยนี้คาดว่าจะโดนรื้อ แล้วจะมีบันไดของรถไฟฟ้ามาให้ใช้ข้ามฝั่งกันแทน
ขึ้นมาบนสะพานลอยแล้วมองไปทางรัชโยธิน มองเห็นตึกช้างที่อยู่ใกล้แยกรัชโยธินค่ะ ส่วนอาคารกระจกสีฟ้าทางซ้ายมือคืออาคารสำนักงาน Rasa Tower ส่วนคอนโด Abstracts พหลโยธิน จะเข้าทางเดียวกับ Tesco Lotus
ฝั่งตรงข้ามโครงการ Life ลาดพร้าว เป็นโรงเรียนหอวังที่มีต้นไม้เยอะๆ ถัดไปเป็นศูนย์การค้า Central ลาดพร้าว
ระหว่างโรงเรียนหอวังกับ Rasa Tower จะเป็นกลุ่มบ้านพักอาศัย
ตรงนี้เคยเป็น Index Living Mall สาขารัชโยธิน แต่ปิดบริการไปแล้ว
จากนั้นก็มาคึกคักอีกที่บริเวณแยกรัชโยธิน มีเมเจอร์รัชโยธิน เป็น Hub ของบริเวณนี้
และตึกช้าง
ทีนี้กลับมาตั้งต้นที่หน้าโครงการ Life ลาดพร้าว อีกครั้งแล้วเดินไปทางซ้าย มุ่งหน้าไปที่ MRT พหลโยธิน
อาคารพาณิชย์ที่อยู่ติดกันสูง 4 ชั้น
ถัดมาเป็นวานิสสา คลินิกเวชกรรม ตรวจโรคทั่วไป
คั่นด้วยซอยจันทร์เจริญสุข เป็นซอยตันค่ะ
แล้วก็เป็นคอนโด M ลาดพร้าว ของ Major Development
เดินต่อมาอีกเป็น Typeplus ที่เราเดินผ่านตอนขามาแล้วรอบนึง
จากนั้นก็เป็นอาคารพาณิชย์ต่างๆ มีร้านกาแฟ
ส่วนใหญ่เป็นร้านอัดรูปค่ะ มีเยอะมากๆ แล้วก็มีร้านทำฟัน
เนื่องจากเป็นฝั่งตรงข้าม Central จึงมีคนผ่านเยอะ เลยมีร้านอาหารต่างๆ ให้เลือกกิน ฝากท้องกันได้ตลอด
ถ้ามาดูมุมสูงจะชัดกว่านะ มี ร้านอัดรูปเช่น ร้าน World Camera, จักรวาล ไปจนถึงร้านขายทอง
และเราก็กลับมาถึงบริเวณหน้า MRT พหลโยธิน ประตู 4 กันอีกรอบ ฝั่งตรงข้ามถนนลาดพร้าวจะเห็นคอนโด Saint at Residence ค่ะ ติดกับมหาวิทยาลัยเซ็นต์จอห์น ถ้าข้ามถนนลาดพร้าวไปก็ยังพอมีร้านอาหารอยู่บ้างนะ
ถ้าเบื่อร้านข้างทาง ให้เดินไปอีกนิดก็จะถึง Union Mall ค่ะ มีร้านค้าและร้านอาหารเพียบ ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกิน
ส่วนฝั่งตรงข้ามถนนพหลโยธิน ก็มี Central Plaza ลาดพร้าว สินค้าครบถ้วน
ด้านหลัง Central มีโรงแรม Centara Grand at Central Ladprao ด้วย
เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ
หลังจากไปเดินสำรวจทำเลกันแล้ว กลับมาที่สำนักงานขายกันต่อ
สำนักงานขายออกแบบมาเหมือนกล่องสีขาวตั้งอยู่กลางน้ำ แล้วมีฉากมาบังด้านข้างหลอกตาว่าเล็กแค่นี้ จริงๆ มีด้านหลังอีก
ด้านข้างเป็นที่จอดยนต์สำหรับลูกค้าที่มาติดต่อ เตรียมไว้ให้เยอะทีเดียว
บ่อน้ำตื้นๆ แต่เพิ่มบรรยากาศได้ดีนะ จุดประสงค์ก็เพื่อทำเป็น Reflecting Pool นั่นเอง
จะเข้าไปละน้าาา
ส่วนแรกจะเจอโถงสูงและเคาน์เตอร์ต้อนรับค่ะ แล้วก็จะมีทางเดินยาวๆ ต่อเข้าไปด้านใน
เคาน์เตอร์ด้านหน้า
แอบแหงนดูฝ้าซะหน่อย
เมื่อเดินผ่านทางเดินเข้ามาด้านในจะเจอห้องรับรอง มีชุดโซฟาหลายแบบคอยต้อนรับ ด้าข้างติดบ่อน้ำบรรยากาศดี
มีโมเดลอาคารให้ดูเป็นตัวอย่าง
หน้าจอแสดงแปลนอาคารและแปลนห้องก็พร้อม
ของตกแต่งในบ่อน้ำเป็นกล่องโปร่งๆ เรียงกัน ซึ่งทำล้อมากับ pattern ของโครงการนี้ ที่จะใช้ลายฉลุลายกราฟฟิกสี่เหลี่ยมเป็นองค์ประกอบตกแต่งผนังด้านนอก ซึ่งเดี๋ยวจะเห็นในโมเดลอาคารค่ะ
ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง
ที่ตั้งของ Life Ladprao นั้นเข้าออกทางเดียวจากพหลโยธิน โดยที่ดินนั้นรูปร่างอาจจะไม่สวยนัก เพราะมีข้อจำกัดที่มีบ้านตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ที่ไม่ขายที่ดิน ทำให้ต้องออกแบบโดยวางอาคารตามรูปที่ดินที่ได้มา ซึ่งก็ถือว่าทำงานภายใต้ข้อจำกัดได้ดีทีเดียวค่ะ โดยรวมแล้วรอบคอนโด Life ลาดพร้าว ไม่มีตึกสูงที่อยู่ติดกันแบบหันชนกันตรงๆ มีก็แต่ M Ladprao และคอนโด Abstracts พหลโยธินพาร์ค หลัง Tesco Lotus เท่านั้น โครงการมีความพยายามวางดีไซน์อาคารหลบมุมมองกัน เพื่อไม่ให้บล็อกวิวกันเอง … คอนโด M Ladprao ที่อยู่ใกล้กันจะสูง 44 ชั้น อาจจะมีมุมที่บังวิวทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปบ้าง แต่ไม่ได้อยู่ตรงกับอาคาร Life ลาดพร้าว ซะทีเดียว เพราะว่า Life Ladprao มีพื้นที่ดินลึกเข้าไปด้านในเยอะกว่า เลยวางตัวอาคารเข้าไปด้านในให้พ้นมุมกันได้ และระยะก็ไม่ได้อยู่ติดกันเกินไป มีพื้นที่ให้หายใจได้อยู่ นอกนั้นสามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบ ชั้นล่างๆ ไม่ได้โดนบังวิว เนื่องจากห้องพักอาศัยของ Life ลาดพร้าว เริ่มที่ชั้น 11 เป็นต้นไป
จุดหนึ่งที่ต้องพูดถึงในที่ดินของ Life Ladprao นี้ก็คือด้านข้างจะมีแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่ โครงการเลยถอยตำแหน่งของตัวคอนโด Life Ladprao เข้าไปชิดที่ดินอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นทั้งในแง่ของกฎหมายและการดีไซน์เพื่อลบข้อด้อยของที่ดินให้มากที่สุด ทำให้ที่ดินฝั่งที่ใกล้สายไฟฟ้าเป็นพื้นที่สีเขียวกว้าง 25 เมตร ตามที่กฎหมายกำหนดในเรื่องความปลอดภัย และเกิดผลพลอยได้ทำให้โครงการนี้มีพื้นที่สีเขียวเกินกว่าปกติ เลยกลายเป็นการคืนกำไรให้ให้คนซื้อในเรื่องพื้นที่สีเขียวไปโดยปริยาย เวทข้อดีข้อเสียกันไป จากภาพกราฟิกจะเห็นว่าสัดส่วนพื้นที่ foot print ของอาคารต่อพื้นที่ว่าง จัดว่าค่อนข้างเยอะค่ะ
หากพิจารณาไปทีละอาคาร เริ่มจากอาคาร A จะเห็นว่าอาคาร A ฝั่งทิศเหนือ (1) จะได้วิวโล่งๆ มองผ่าน Tesco Lotus ไปทางแยกรัชโยธิน , ทิศตะวันออกเฉียง (2) ได้วิวไปทางด้านหลัง Tesco Lotus เจอคอนโด Abstracts พหลโยธินพาร์ค บังวิวไปพอสมควร แต่ไม่ได้อยู่ชิดกันจนอึดอัด และบางห้องก็โดนอาคาร B Block วิวกันเองด้วย (ตรงนี้ดูชัดๆ ได้จากโมเดล) … ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้ (3) จะหันเข้าเสาไฟฟ้าแรงสูง แต่ต้องไปเปิดดูแปลนห้องอีกทีว่าหันหน้าต่างไปทางไหน เพราะเป็นห้องมุม สุดท้ายทิศตะวันตกเฉียงใต้ (4) ได้วิวมุมกว้าง ไปทาง Central Ladprao และถนนพหลโยธินค่ะ แต่ก็มีสายไฟฟ้าพาดผ่าน โดยสายไฟฟ้าแรงสูงจะอยู่ประมาณชั้นที่ 14-15-16 (เราไม่คอนเฟิร์มระยะความสูงที่ถูกต้องนะคะ ต้องสอบถามทางโครงการอีกครั้ง) ห่างจากตัวอาคารประมาณ 25 เมตร ใครอยากให้มั่นใจว่าพ้นก็ต้องเลือกชั้นสูงๆ ไปเลย
อาคาร B ที่อยู่ลึกเข้าไปติดกับที่จอดรถ Tesco Lotus จะเดินไกลจากถนนมากกว่า แต่ก็แลกกับความสงบ เพราะไกลจากถนนและรางรถไฟ วิวทางทิศเหนือ (1) ห้องพักตั้งแต่ชั้น 11 ปลอดโปร่งดี มองไปทางแยกรัชโยธิน ตึกช้าง, ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (2) จะแอบเห็นคอนโด Abstract สูง 34 ชั้น วางเหลือมกันอยู่ ไม่ได้ชนกันตรงๆ เลยยังมองเห็นวิวโล่งๆ มากกว่า ตอนนี้ คอนโด Abstracts พหลโยธิน เสร็จไปเพียง 1 อาคาร (อนาคตตามแผนที่ BTS มาร่วมทุนกับแสนสิริ ก็น่าจะทำเพิ่มอีก 2 อาคาร แต่น่าจะอีกนานพอควร เพราะตอนนี้เท่าที่ทราบมา คนที่อยู่ในคอนโด Abstract ตึกแรก เค้าก็ไม่แฮปปี้ที่จะให้คนจากอีก 2 ตึก มาแชร์ Facilities ที่ทำไว้ตั้งแต่แรก เลยเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้โครงการดูเงียบๆ ไปค่ะ) , ส่วนทิศใต้ (3) อาคาร B มุมตรงๆ ถือว่าโล่ง แต่มุมกว้างจะมองเห็น เสาไฟฟ้าแรงสูงด้วย สุดท้ายทิศตะวันตก (4) ได้วิวไปทางถนนพหลโยธิน เห็นสายไฟฟ้าในบางชั้น และบางห้อง (5) จะมองเห็นอาคาร A กันเองค่ะ
ลองมายืนในที่ตั้งโครงการแล้วมองไปทางด้านหน้า จะเป็นถนนพหลโยธิน และ Central ลาดพร้าว
หมุนตัวมาทางขวาอีกหน่อย จะเห็นสายไฟฟ้าวิ่งผ่านหัวเรา จากท้ายโครงการไปอีกเสานึงที่อยู่ข้างโรงเรียนหอวังค่ะ ความสูงของสายไฟประมาณ ชั้น 14 – 15 – 16 (โดยประมาณ)
ทิศเหนือจะเห็นด้านข้างของ Tesco Lotus ลาดพร้าว แต่ไม่ได้รั้วติดกัน เพราะมีซอยส่วนบุคคลคั่นอยู่
ท้าย Tesco Lotus มีคอนโด Abstract พหลโยธินพาร์ค สูง 34 ชั้น ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จจะมี 3 อาคาร
ที่ดินตรงกลางตรงบ้านหลังคาสีแดง จะเป็นบ้านพักอาศัยที่ไม่ได้ขายที่ให้โครงการ เลยจะคั่นกลางอยู่ระหว่างอาคาร A, B ค่ะ เพื่อนบ้านกันเนอะ
เสาไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ทิศใต้ ใกล้อาคาร B
คอนโด M ลาดพร้าว จาก Major รูปร่างผอมสูง ตำแหน่งเยื้องๆ กับอาคาร A นิดหน่อย ไม่บังวิวกันมากนักค่ะ
ส่องโมเดล
Life ลาดพร้าว ประกอบไปด้วยอาคารสูง 2 อาคาร อาคาร A อยู่ด้านหน้าสูง 45 ชั้น และอาคาร B อยู่ด้านหลัง สูง 46 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นทันสมัย คุมโทนสีขาว-ดำ ได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลาย Silhouette ของผ้าฉลุ จึงทำมาใช้เป็นผนังตกแต่งอาคาร โดยเฉพาะตรงผนังทึบ เช่น ผนังบันได ในโมเดลจะเห็นเป็นตารางหมากรุกค่ะ เพิ่มลูกเล่นให้รูปด้านอาคารมีลูกเล่นมากขึ้น
มุมมองจากด้านหลัง
ตึก B จากมุมทิศตะวันออกค่ะ เป็นด้านที่ติดกับที่จอดรถของ Tesco Lotus ชั้น 1 – 10 สำหรับจอดรถ ชั้น 11 – 45 เป็นห้องพักอาศัย ซึ่งแปลนเหมือนกันทุกชั้น
ซูมให้ดูลายผนัง ที่จะอยู่ตรงผนังทึบของอาคาร เพิ่มดีเทลให้อาคารได้พอสมควร
ตรงกลางของผืนที่ดินเป็นบ้านพักอาศัยเดิม เลยเวลามองลงมาเลยอดเห็นส่วนกลางแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ไม่เป็นไรนะคะ รอบๆ อาคารที่มีพื้นที่ว่างเหลือ ทางโครงการก็จัดเป็นสวนให้หมดเลย
เนื่องจากทางขวาจะเป็นแนวสายไฟฟ้าแรงสูง ต้องร่นระยะเข้าไปอีก 25 เมตร ทางโครงการเลยต้องดันให้อาคารไปอยู่ชิดทางซ้าย แล้วจัดถนนเข้าอาคาร B มาอยู่ทางขวาแทน ขนานไปกับสวนขนาดใหญ่ระหว่างอาคาร A, B ค่ะ ส่วนอาคาร A นั้นจะแยกออกมาอยู่ทางซ้าย ใกล้กับทางเข้าออกโครงการ ซึ่งนอกจากทางรถยนต์แล้ว ทางคนเดินก็แยกออกมาต่างหากอยู่ตรงกลางค่ะ สามารถเดินเข้าได้จากหน้าโครงการเดินทะลุผ่านสวนไปได้เลย
ด้านข้างของถนนเข้าอาคาร B สามารถจอดได้ทั้งสองฝั่ง ถัดจากถนนจะเป็นสวนขนาดใหญ่ มี Pavilian นั่งเล่นเอาไว้ให้ บางส่วนก็จัดเป็นบ่อน้ำ งาน Landscape มีรายละเอียด ออกแบบจัดเต็มทีเดียวค่ะ
หลังคาจะให้เป็นบางส่วนเท่านั้น มีทางเดินระหว่างสองอาคารไว้ให้ แต่ไม่ได้มีหลังคาเชื่อมกันตลอดแนวนะคะ
พื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นล่าง หรือชั้นดาดฟ้า รูปนี้ของตึก B ชั้น 46 ค่ะ มีสระว่ายน้ำ แบบมีที่นั่งในสระ , ศาลานั่งเล่นริมน้ำ และสวนลอยฟ้า
ส่วนของอาคาร A ก็ไม่น้อยหน้า มีฟังก์ชั่นครบเหมือนกัน แต่พื้นที่เล็กกว่านิดหน่อย เนื่องจากยูนิตน้อยกว่าค่ะ
และชั้นเหนือโพเดียมของทั้งสองอาคารก็มีสวนหย่อมให้ด้วย
พื้นที่ส่วนกลาง
ในปีนี้ AP จะเปิด Life รวมทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งเป็นการจับแบรนด์ Life มาปัดฝุ่น อัพตัวเองใน Position ชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเริ่มที่ Life ลาดพร้าว ซึ่งการอัพ position ของตัวเองขึ้น ทำให้จำเป็นต้องใส่ Facilities ต่างๆ ให้ครอบคลุมวิถีชีวิตคนวัยทำงานรุ่นใหม่มากขึ้นด้วยค่ะ
- Co-Working Space อยู่ชั้น 1 ใน Living Area มี Partition กั้นให้นั่งทำงานกับเพื่อนๆ ได้ ส่วนนี้จะมีเทคโนโลยี Sound Dome, จอทัชสกรีน, ผนังห้องใช้วัสดุเป็น Mirror Board และมี Wireless Phone Charger ให้
- Private Meeting Room เป็นห้องประชุมสำหรับทำงานจริงจังมากขึ้น มีอุปกรณ์ไร้สายเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และจอทัชสกรีน เพื่อความสะดวกในการนำเสนองาน
- Sky Working Space และ Cocoon Space พื้นที่ทำงานชั้นดาดฟ้า เห็นวิวได้โดยรอบและมี Cocoon Space เป็นที่นั่งคนเดียวแบบมี Partition ช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัวและเก็บเสียง
- Outdoor Facilities สามารถออกไปนั่งทำงานในสวนตามที่่ๆ จัดไว้ให้ได้ และยังสามารถใช้ Wifi ได้เสมือนอยู่ภายในอาคารอีกด้วย
ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ก็ได้ตามมาตรฐานปกติ เช่น สระว่ายน้ำ (Infinity Lap Pool), ศาลาริมสระชั้นดาดฟ้า, ห้องฟิตเนสแบบ Private Treadmill, ห้อง Yoga Fly, สวนสาธารณะ และห้องดูหนัง โดย Roof Top Facilities แต่ละอาคารจะมีเป็นของตัวเอง ใช้งานแยกกันตึกใครตึกมันค่ะ
นอกจากนั้นโครงการ Life ลาดพร้าว ก็ได้เอาเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ เช่น ระบบ Alexa System หรือระบบสั่งงานด้วยเสียงมาใช้ในส่วนต่างๆ ของโครงการ เพื่อให้เป็นคอนโดที่ทันสมัยมากขึ้น และการใช้ Application เชื่อมต่อกับระบบในอาคาร ทั้งควบคุมสั่งเปิดปิดประตูได้ตั้งแต่ประตูทางเข้าโครงการ, ประตูห้องพัก, การจองห้องประชุม, ติดต่อกับผู้ดูแลคอนโด, E-Payment, การติดตามการแจ้งซ่อม และการติดตามข่าวสารต่างๆ ของคอนโดด้วย ซึ่งถือเป็นว่าคอนโดโครงการแรกๆ ที่ AP จะนำเข้ามาใช้ ในการ Implementation ใช้งานจริง ปัญหาจะมีมากหรือน้อยก็ต้องปรับปรุงกันต่อไปค่ะ แต่ก็นับเป็นนิมิตรหมายทีดีทีเดียว
อาคาร A มีจำนวนห้องพักอาศัย 706 ห้อง ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว มีสัดส่วนเป็น 176 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ส่วนอาคาร B มีจำนวนห้องเยอะกว่า เป็น 909 ห้อง มีลิฟต์โดยสารเพิ่มให้อีกตัวเป็น 5 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว สัดส่วนได้เป็น 181 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ถือว่าความหนาแน่นเมื่อเทียบระดับราคาอยู่ในระดับกลางๆ ทั้ง 2 อาคารเลยค่ะ ส่วนที่จอดรถรวม 723 คัน หรือคิดเป็น 44% แบบไม่รวมซ้อนกัน ถือว่าโอเค สำหรับคอนโดราคาประมาณนี้ (เทียบ ณ ปัจจุบัน) และติดรถไฟฟ้าค่ะ
Facilities อาคาร A, B
เริ่มด้วยพื้นที่สวนสาธารณะรอบๆ โครงการที่ชั้น 1 มีทั้งส่วนที่เป็นบ่อน้ำ ต้นไม้ ลานว่าง และ Pavilion นั่งเล่นในสวน สามารถออกไปนั่งทำงาน ต่อ Wifi ได้เหมือนนั่งทำงานในอาคารค่ะ
อาคาร A
ทีนี้มาดูที่อาคาร A จาก Drop Off จะเข้าสู่โถงต้อนรับ อยู่ใกล้โถงลิฟต์ ถัดมาเป็นห้องจดหมายและห้องน้ำ ในสุดจะเป็น Living Area และมีพื้นที่ Co-Working Space ไว้สำหรับมาประชุมคุยงานกับเพื่อนได้ หรือถ้าจะจริงจังมากขึ้นก็มีห้องประชุมและห้องอเนกประสงค์ให้
ชั้น 11 มีสวนหย่อมลอยฟ้าเล็กๆ ให้เนื่องจากเป็นชั้นเหนือโพเดียมจอดรถ ทางออกอยู่ติดกับโถงลิฟต์
นอกนั้นจะยกมาอยู่ชั้น 45 หมด ประกอบไปด้วย ห้องฟิตเนส ที่บางส่วนกั้นเป็น Private Treadmill คือเป็นช่องสำหรับลู่วิ่งเครื่องเดียว เป็นส่วนตัวมากขึ้น แล้วก็มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องซาวน่าแยกชายหญิง สระว่ายน้ำแยกสระเด็กสระผู้ใหญ่ และห้อง Social Club หรือ Sky Working Space ที่มีบันไดวนขึ้นไปชั้น Mezzanine
สุดท้ายที่ชั้น Mezzanine จะเป็น Theatre Lounge ค่ะ ได้วิวสูงสุดเลย
อาคาร B
สำหรับอาคาร B เข้ามาจะเจอโถงก่อน ต่อด้วย Living Area ที่มีพื้นที่ Co-Working Space และห้องอเนกประสงค์ให้เหมือนกัน ถัดเข้าไปเป็นห้องจดหมายและโถงลิฟต์ ด้านหลังจะเป็นห้องนิติบุคคลและร้านค้า 1 ร้านค่ะ
ชั้น 11 เหนือโพเดียมจอดรถ มีสวนหย่อมเล็กๆ บนอาคารให้เช่นกัน อยู่ทางซ้ายติดกับบันไดหนีไฟ
ชั้น 46 จะรวมทุกอย่าง เช่น สระว่ายน้ำสระผู้ใหญ่ สระเด็ก, ศาลานั่งเล่นริมสระ, สวนหย่อม อีกฝากนึงของอาคารมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องซาวน่าแยกชายหญิง ห้องฟิตเนส, ห้อง Yoga Fly , ห้อง Social Club หรือ Sky Working Space ที่มี Cocoon Space
จบที่ชั้น Mezzanine เป็นห้อง Theatre Lounge ค่ะ
ทีนี้มาดูภาพบรรยากาศจำลองกัน
ทางเดินเท้าจะแยกออกมาต่างหากจากทางรถยนต์ ทางเดินจะผ่านสวนไปยังอาคาร A และอาคาร B แต่ไม่มีหลังคาคลุมนะคะ
โถงต้อนรับชั้นล่าง คุมโทนสีขาว เทา ดูหรูหรา
บริเวณ Living Area มีพื้นที่ Co-Working space ให้ มี Partition แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน สามารถนั่งพักผ่อนหรือทำงานกับเพื่อนๆ ได้ มี Free Pocket Wifi, Sound Dome, Wireless Phone Charger, Mirror Board
ถ้าจะจริงจังมากขึ้นก็มีห้องประชุม (Private Meeting Room) พร้อมอุปกรณ์สนับสนุน เช่น อุปกรณ์ไร้สายเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ จอทัชกรีน เรียกว่าทำ Presentation งานกันได้จริงๆ จองห้องไว้แล้วเชิญลูกค้ามาที่คอนโดได้เลย
ที่นั่งทำงานในสวนมี Pocket Wifi ให้เหมือนกัน
หากเป็นบริเวณที่นั่งพักผ่อนจะมีหลังคาให้เกือบทุกจุด ทำเป็นซุ้มๆ
ส่วนชั้นบนสุดของอาคาร A, B ก็มี Social Club เป็นพื้นที่ทำงานที่มองเห็นวิวได้โดยรอบ มี Cocoon Space คือ เก้าอี้สีดำที่เห็นในภาพ เป็น Private Space สามารถนั่งทำงานได้โดยไม่ถูกรบกวน และสามารถใช้ Wifi ที่จัดเตรียมไว้ให้ได้เช่นกัน
ชั้น Mezzanine ที่เดินบันไดขึ้นไป จะเป็น Theatre Lounge สำหรับดูหนังโดยเฉพาะ หรือเป็นจุดชมวิวก็ได้นะ
ภาพดาดฟ้าของอาคารจากภายนอกค่ะ
สระว่ายน้ำแบบมียกขอบสูงให้วางเก้าอี้ได้
ห้องฟิตเนสที่มีช่อง Private treadmill เป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่รู้สึกเคอะเขิลกับคนที่วิ่งออกกำลังกายข้างๆ กัน ตรงกลางจัดเป็นที่นั่งพักและวางของ รอบๆ ปลูกต้นไม้เพิ่มสีเขียว
เพิ่มเติมคือหน้าต่างบริเวณโถงทางเดินภายในอาคาร จะออกแบบใหม่ให้อากาศยังถ่ายเทได้อยู่แม้ปิดหน้าต่าง หน้าต่างจะเหลือแค่ครึ่งบนแบบนี้ค่ะ
ใต้หน้าต่างจะเป็นแผง Perforated Metal (อะลูมิเนียมเจาะรู) ช่วยให้อากาศถ่ายเทเข้ามา เพิ่ม ventilation ในตัวทางเดินภายในอาคาร
และเมื่อเปิดดูจะเห็น Grill 3 ชั้น อยู่ใต้หน้าต่างด้านนอกอีกที ทำหน้าที่ช่วยบังฝนไม่ให้สาดเข้ามา ขณะเดียวกันอากาศก็ยังสามารถหมุนเวียนได้ตามปกติ
เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan
Master Plan คอนโด Life Ladprao
กลับมาดูแปลนชั้นล่างกันอีกครั้งค่ะ อาคาร A จะอยู่ทางซ้ายใกล้กับทางเข้าโครงการ ส่วนอาคาร B จะอยู่ทางขวา ทั้งสองอาคารแยกทางเข้าออกกันชัดเจน โดยถนนเข้าอาคาร A จะรวบถนนไว้ชิดด้านบน ขับเข้ามาไม่ไกลก็ขึ้นที่จอดรถได้เลย ถ้าจะ Drop Off ต้องวนเข้าไปด้านใน ส่วนทิศใต้เป็นแนวสายไฟฟ้าแรงสูง เลยรวบถนนของอาคาร B ไว้ด้านนี้ ทั้งยังจอดรถตลอดสองข้างทางได้ด้วย ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบแก้ไขปัญหาได้ดี ที่ให้จัดให้ถนนอยู่ชิดขอบโครงการบนและล่าง พื้นที่ตรงกลางเลยสามารถจัดเป็นสวนขนาดใหญ่ได้เต็มๆ
จากนั้นเรามาดูกันทีละอาคารนะคะ
Life Ladprao Building A
Floor Plan ชั้น 2-10 จะเป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งการวนรถจะแปลกหน่อย เพราะแปลนเป็นรูปเลข 4 เลยค่ะ Ramp จะวิ่งวนเป็นสามเหลี่ยม มีที่จอดรถบางที่อยู่ตรง Ramp และมีที่จอดปลายตันบางส่วน
Floor Plan ชั้น 11 เริ่มเป็นชั้นพักอาศัยชั้นแรก มีห้องแบบ Studio อยู่ 10 ห้อง ซึ่งกระจายอยู่หลายจุด มีให้เลือกครบทุกทิศ , แบบ 1 ห้องนอนปกติ 6 ห้องอยู่ฝั่งทิศตะวันออกหมดเลยค่ะ มีหลุดมา 1 ห้องอยู่ตรงหัวมุมอาคารฝั่งทิศเหนือ, แบบ 2 ห้องนอนอีก 3 ห้อง ตามมุมอาคารต่างๆ รวมแล้วชั้นนี้มี 20 ห้อง และเป็นชั้นที่มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ใกล้กับโถงลิฟต์ด้วยค่ะ เป็นพื้นที่ Extra เหนือโพเดียมจอดรถ ทางเดินกลางเป็นรูปตัว T ทางซ้ายสุดเป็น Fireman Lift ทางขวาสุดเป็นบันไดหนีไฟ
Floor Plan ชั้น 12-42 เป็น Typical Floor มีห้องพักอาศัยเต็มชั้น ตำแหน่งของห้องต่างๆ เหมือนชั้น 11 แต่มีห้องแบบ Studio เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง ติดกับลิฟต์ จำนวนห้องจึงเพิ่มมาเป็น 21 ห้องค่ะ
Floor Plan ชั้น 43-44 ชั้นนี้มีห้อง Duplex เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะมีเพียง 1 ยูนิตเท่านั้นในโครงการนี้ค่ะ จำนวนห้องพักอาศัยจึงเป็นเหลือแค่ 18 ห้อง ถือว่าเป็นชั้นที่มียูนิตน้อยสุดในโครงการแล้ว
Life Ladprao Building B
Floor Plan ชั้น 2-10 เป็นชั้นจอดรถ รูปแปลนเป็นรูปตัว C ทางซ้ายมือเป็น Ramp วนรถ ดูขับง่ายกว่าอาคาร A เพราะมีพื้นที่เยอะขึ้น ปลายอีกด้านนึงจะเป็นที่จอดแบบปลายตัน
Floor Plan ชั้น 11 เริ่มเป็นชั้นพักอาศัยชั้นแรก มีสวนหย่อมอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟทางซ้าย เพราะเป็นชั้นเหนือโพเดียม มีห้องแบบ Studio เพียง 4 ห้อง อยู่ฝั่งทิศใต้เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 16 ห้อง มีให้เลือกทั้งทิศเหนือ , ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ส่วนอีก 4 ห้องเป็น แบบ 2 ห้องนอน อยู่ตามมุมอาคาร รวมแล้วมีห้องทั้งหมด 25 ห้อง
Floor Plan ชั้น 12-45 เป็นชั้น Typical เหมือนกันทุกชั้น ตำแหน่งห้องเหมือนชั้น 11 แต่มีห้องแบบ 1 ห้องนอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง รวมแล้วมีห้องทั้งหมด 26 ห้องใน 1 ชั้น มีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากที่สุดในโครงการ
แปลนห้องดีไหม?
แปลนของคอนโด Life Ladprao จะมีทั้งแบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนค่ะ แต่จะแยกย่อยออกไปอีกหลายแบบ ขึ้นอยู่ขนาดและตำแหน่งของห้องอีกที รวมแล้วมีกว่า 10 แบบตามความชอบค่ะ
- Studio
- Type A1 26-28 ตร.ม.
- Type A2 28.5 – 29 ตร.ม.
- Type A3 28.5 – 29 ตร.ม.
- 1 Bedroom
- Type B1 35 ตร.ม.
- Type B2 35 ตร.ม.
- Type B3 35 ตร.ม.
- 2 Bedrooms
- Type C1 49.5 ตร.ม.
- Type C2 51.5 ตร.ม.
- Type D1 61 ตร.ม.
- Type D2 48.5 ตร.ม.
- Type E1 52 ตร.ม.
- Type E2 54.5 ตร.ม.
- Type E3 75 ตร.ม.
- Type E4 66 ตร.ม.
- Duplex 355 ตร.ม.
แปลนห้องคอนโด Life ลาดพร้าว
แบบสตูดิโอ ขนาด 26 – 29 ตารางเมตร
เมื่อเปิดประตูเข้าห้องแบบสตูดิโอ จะเจอส่วนแพนทรี่เล็กๆ ซึ่งก็มีประตูบานเลื่อน 3 ตอน ปิดเป็นห้องครัวปิดได้ ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นค่ะ สิ่งที่ขาดคือโต๊ะทำงานและโต๊ะรับประทานอาหาร แต่แปลนยังพอปรับเปลี่ยนได้นะ เพราะประตูทางเข้าห้องน้ำอยู่ในครัว หากอยู่คนเดียวอาจจะเลือกใช้เตียงเดี่ยวแล้วจัดเข้ามุมห้องได้ แล้วเอาโต๊ะไปไว้ใกล้กับโซฟาแทน จะได้พื้นที่ใช้สอยขึ้นมาอีก หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ก็ยิ่งดีค่ะ
แปลนห้องคอนโด Life Ladprao
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
แบบ 1 ห้องนอน จะมีจำนวนมากที่สุดในโครงการ ส่วนใหญ่จะมีแปลนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เราเลือกแบบ Type B1 และ Type B3 มาให้ดูค่ะ แบบ Type B1 พื้นที่ส่วนแรกของห้องจะเป็นแพนทรี่และส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ตรงกลางว่างๆ ห้องคงโล่งดี ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่สามารถเลื่อนประตู 3 ตอนกั้นกับส่วนครัวได้ ตรงนี้เป็นจุดที่โครงการขายเป็นไอเดียในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ โดยขนาดของสเปซจะสามารถปรับเป็นทั้งห้องนั่งเล่น, ห้องทำงาน หรือห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้ค่ะ ซึ่งสเปซตรงนี้จะอยู่ติดระเบียงได้แสงธรรมชาติเต็มที่ ส่วนห้องนอนหากวางเตียง queen size แล้ววางติดกับโต๊ะแบบนี้ เปิดตู้เสื้อผ้าคงไม่ได้สะดวกเท่าไหร่นัก อาจจะดันเตียงไปชิดหน้าต่างเลยก็ได้
ส่วนแบบ Type B3 จะใช้พื้นที่ห้องคุ้มค่ามากขึ้น โดยการจัดให้ห้องนั่งเล่นอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า แล้วเปิดประตูบานเลื่อน 3 ตอนเชื่อมกับห้องนอนได้ ส่วนห้องครัวก็รวบมาไว้ด้านข้างติดกับห้องน้ำเป็นสัดส่วน ทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนมีพื้นที่เหลือ กั้นเป็นห้องแต่งตัวและวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกค่ะ ฟังก์ชั่น 2 อย่างนี้ค่อนข้างแตกต่างกันตามการใช้งาน ไม่มีแบบไหนดีกว่าแบบไหนอย่างชัดเจน แล้วแต่ชอบค่ะ
แปลนห้องคอนโด Life Ladprao
แบบ 2 ห้องนอน Type C1 49.5 ตร.ม.
แบบ 2 ห้องนอน จะมีแปลนไม่ซ้ำกันเลย แบ่งย่อยออกเป็นอีกหลายแบบทั้ง Type C, D, E แต่ไม่ต้องห่วงเลยเพราะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ และส่วนใหญ่ก็เป็นห้องมุม จัดแปลนได้ง่ายอยู่แล้ว เรายกตัวอย่างมาให้ดูเป็น Type C1 ซึ่งมีแต่ที่อาคาร A มีชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น อยู่หัวมุมทิศใต้ค่ะ เปิดประตูเข้าห้องเจอแพนทรี่ก่อนเลย ต่อเนื่องด้วยพื้นที่รับประอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ได้ระเบียงยาว สเปซตรงส่วนนี้สวยและเคลียร์ดี มีห้องน้ำอยู่ตรงกลางห้อง ที่สามารถเข้าได้ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนใหญ่ค่ะ ภายในห้องนอนใหญ่ก็จัดได้โอเค ตู้เสื้อผ้าเข้ามุม ส่วนห้องนอนเล็กก็มีพื้นที่เล็กลงหน่อย เพราะมีเสาโครงสร้างของอาคารอยู่ด้วย ถ้าใช้ Multi-Function เฟอร์นิเจอร์ ก็จะประหยัดพื้นที่มากขึ้นค่ะ
แปลนห้องคอนโด Life Ladprao
แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ Type E2 54.5 ตร.ม.
ยกตัวอย่างให้ดูอีกซักห้องค่ะ แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ Type E2 จะอยู่ที่อาคาร B เท่านั้น มีชั้นละ 1 ห้อง แปลนห้องนี้จัดออกมาได้ลงตัวดี พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นแพนทรี่, โต๊ะรับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดระเบียง แล้วก็มีทางเดินกลางไปยังห้องนอนทั้งสองห้อง โดยห้องนอนทั้งสองสามารถเข้าห้องน้ำได้โดยตรง และห้องนอนใหญ่จะได้กระจกเข้ามุมด้วยค่ะ ห้องนอนสามารถวางเตียงใหญ่ 5 ฟุตได้สบาย พื้นที่โต๊ะทำงานอาจจะต้องวางแทรกระหว่างโซฟากับโต๊ะรับประทานอาหารนะคะ
ห้องตัวอย่างคอนโด Life ลาดพร้าว
แบบ 1 ห้องนอน Type B1 35 ตร.ม.
ส่วนแรกของห้องเป็นพื้นที่ pantry ครัว ด้านในเป็นสเปซพื้นที่นั่งเล่นที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก สามารถปรับเปลี่ยนเป็นฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้ตามที่ต้องการ
แพนทรี่ครัวจัดไว้ชิดผนังห้อง ขวาสุดเป็นที่วางตู้เย็น สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ใต้เคาน์เตอร์ และซ้ายสุดเป็นชั้นวางของที่ของจริงจะไม่ได้นะคะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ใกล้กับทางเข้าห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำแบบสำเร็จรูป แบบทำเสร็จมาตั้งแต่โรงงามแล้วยกมาตั้งในที่ ช่วยลดปัญหาน้ำรั่ว และซ่อมแซมได้ง่ายไม่ต้องไปเปิดฝ้าห้องชั้นล่างค่ะ ลดเวลาการก่อสร้างด้วย ภายในก็คุมโทนสีขาวสะอาดตา
ประตูเข้าห้องนอนเป็นประตูบานเปิดธรรมดา อยู่ข้างประตูห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นติดระเบียง ได้แสงธรรมชาติเต็มที่ ได้ประตูบานเลื่อนแบบนี้ก็สบายเลย สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ
ระยะดูทีวีประมาณนี้
พื้นที่ระเบียงค่ะ กว้าง 70 ซม. ซักล้างอะไรได้สบาย เพราะยกคอมเพรสเซอร์แอร์ขึ้นไปแขวนด้านบนแล้ว
มองกลับเข้าไปที่ทางเข้าห้องอีกทีค่ะ ห้อง Type นี้ตรงกลางห้องจะโล่งๆ โปร่งดี
ภายในห้องนอน ได้หน้าต่างบานใหญ่ มีบานเปิดเป็นบานกระทุ้งที่เปิดได้จริง 1 บาน สำหรับระบายอากาศ ทีวีปลายเตียงเหมาะที่จะติดที่ผนัง
อีกฝั่งนึงของห้องสำหรับวางตู้เสื้อผ้าค่ะ ส่วนโต๊ะทำงานก็วางข้างหัวเตียงได้ แต่หยิบของในตู้เสื้อผ้าทางฝั่งขวาก็ลำบากหน่อย
มุมนอนดูทีวี
ข้างเตียงมีพื้นที่เหลือๆ สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ หรือจริงๆ เลื่อนเตียงมาชนหน้าต่างเลยก็ได้ จะได้มีพื้นที่โต๊ะอีกฝั่งมากขึ้น และเปิดตู้เสื้อผ้าได้สะดวกขึ้นด้วยค่ะ
ปลายเตียงเหลือที่ประมาณ 60 ซม. เดินผ่านสะดวก
ห้องตัวอย่างคอนโด Life Ladprao
แบบ 2 ห้องนอน Type E2 54.5 ตร.ม.
สำหรับห้องนี้เปิดประตูเข้ามาเจอพื้นที่รับประทานอาหารก่อนเลย
แพนทรี่จะอยู่ด้านข้าง ใกล้โต๊ะกินข้าว
ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดระเบียงค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นจัดออกมาสวยเชียว
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่วางทีวี
จริงๆ พื้นที่ระหว่างโซฟากับโต๊ะกินข้าวก็เหลือพื้นที่อยู่ ขยายโซฟาอีกนิดก็ยังได้น้า หรือไม่วางเล็กๆ สักตัวก็ยังพอไหว
มองกลับไปที่ทางเข้าห้องค่ะ จัดห้องได้กระชับดี
คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนลอยได้ 2 เครื่อง อีกเครื่องต้องวางบนพื้น หันเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก และมีแผงอะลูมิเนียมบังตัวเครื่องไว้ให้ ภาพรวมอาคารจะได้สวยงาม
ทางเดินสั้นๆ ไปยังห้องนอนทั้งสองห้อง กว้างประมาณ 90 ซม.
จากทางเดินสามารถเข้าห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับห้องนอนเล็กได้ ขนาดห้องน้ำได้มาตรฐาน จัดออกมาลงตัวดีค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป พื้นจะสูงขึ้นจากพื้นห้อง 15 ซม. ฝ้าในห้องน้ำรวมแล้วจะอยู่ที่ 2.35 เมตร พยายามใช้สีขาวและสีครีมสว่างทั้งห้อง เพื่อจะได้ไม่ดูแคบไป
ภายในห้องนอนเล็กค่ะ ซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้า
ผนังปลายเตียงสำหรับติดทีวีและเครื่องปรับอากาศ
มาที่ห้องนอนใหญ่บ้าง ห้องนี้จะได้กระจกเข้ามุมค่ะ
ปลายเตียงเหลือพื้นที่มากขึ้น สามารถวางโต๊ะหรือชั้นวางทีวีได้
ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
วัสดุในภาพรวมของคอนโด ไลฟ์ ลาดพร้าว ห้องที่ได้เป็นแบบ Partly Fitted นะคะ คือได้เคาน์เตอร์ครัว ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศ ตัวห้องจะได้พื้นไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสี และฝ้าฉาบเรียบสีขาวค่ะ
อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน คือ วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร (pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Materials) เพื่อให้ส่องกันง่ายๆ เช่นเคย
วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)
เคาน์เตอร์ครัวของห้องแบบ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ได้ 3 ตู้
เก็บของได้เยอะพอสมควรเลย ใส่เครื่องซักผ้าได้ตรงกลาง ไมโครเวฟอยู่ด้านข้าง
แบบ 2 ห้องนอน จะได้ 4 ตู้ เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟเก็บไว้ด้านล่างเช่นกัน
แน่นอนว่าจะมีพื้นที่เก็บของมากขึ้น
ฝาตู้จะมี texture ลายตาราง สีน้ำตาลอ่อน
ลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ แบบ Soft-Close
อ่างล้างจานใต้เคาน์เตอร์ ขนาดค่อนข้างใหญ่ และลึกดี ล้างหม้อได้สบาย Franke
มาพร้อมกับก๊อกน้ำทรงสูง
ด้านหลังปูกระเบื้อง จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
เครื่องดูดควัน Franke
เตาไฟฟ้า 2 หัว Franke ค่ะ
วัสดุห้องน้ำ
ห้องน้ำสำเร็จรูปจากโรงงาน หล่อด้วยอะคริลิกไฟเบอร์ (Acrylic Fibre) ซึ่งช่วยลดปัญหารั่วซึมของน้ำ และเวลาบำรุงรักษาก็เปิดซ่อมท่อได้จากผนังด้านข้าง ไม่ต้องไปเปิดซ่อมที่ฝ้าของห้องชั้นล่าง
แบ่งพื้นที่เปียก-แห้ง ให้เรียบร้อย มีกระจกกั้นอาบน้ำให้ด้วย
อ่างล้างหน้า ทรงสี่เหลี่ยม มีที่แขวนผ้าด้านหน้า น่ารักดี จาก Bathroom Design
ก๊อกน้ำก้านโยก Grohe
กระจกเงาสูงครึ่งตัว แต่กว้างตั้งแต่อ่างไปถึงโถสุขภัณฑ์
ส่วนอาบน้ำจะยกธรณีขึ้นมาประมาณ 1 ซม.
ฝักบัวอาบน้ำ Grohe
โถสุขภัณฑ์สีขาว จาก Kohler
วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)
ประตูไม้อัดเคลือบลามิเนต ลายไม้สีน้ำตาลอ่อน
มี Door Stopper ให้เรียบร้อย
มีจับแบบก้านโยก พร้อมที่ล็อคกุญแจ
ส่วนด้านในจะมี Digital Door Lock รูปวงกลม เอาไว้เชื่อมต่อกับมือถือ สั่งเปิดล็อคได้เอง
พื้นห้องปูไม้ลามิเนตหนา 8 มม. สีน้ำตาลอ่อน
ระหว่างห้องจะมีแผ่นไม้ปิดรอยต่อพื้นให้
วงกบประตูสำเร็จรูปสีขาว
ฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว โคมไฟดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยม
ประตูบานเลื่อน ทำจากอะลูมิเนียม Powder coated สีน้ำตาล คุณภาพแข็งแรงดีค่ะ กระจกเขียวตัดแสง
แบบ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ประตูบานเลื่อนเปิดได้ 3 ตอน รางประตูวางบนพื้นและสูงชนฝ้า
ธรณีประตูออกระเบียงยกสูงขึ้นมา 15 ซม. รวมวงกบประตู กันน้ำไหลเข้าห้อง
ระเบียงทำจากเหล็กทาสีดำ แต่แผงบังคอมเพรสเซอร์แอร์จะเป็นอะลูมิเนียมสีดำ
ด้านนอกของประตูบานเลื่อนที่ระเบียง จะมีครีบหน้าตรงกรอบหน้าต่างยื่นออกมาด้วย เพิ่มความสวยงาม และให้จับถนัดมือมากขึ้นค่ะ
คอมเพรสเซอร์แอร์ยกลอยสูงจากพื้น และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก
พื้นระเบียงปูกระเบื้องสีเทาอ่อน ขนาด 30×30 ซม.
มือจับประตูบานเลื่อน
ห้องน้ำจะยกสูงจากพื้นห้อง 15 ซม. เวลาเดินเข้าออก ในช่วงแรกๆ สำหรับคนที่ยังไม่ชินอาจจะแปลกๆ อยู่บ้าง
ปลั๊กไฟและสวิตซ์ไฟสีเงิน Legrand หรือเทียบเท่า หน้าตาดูดีทีเดียว
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
ราคาเริ่มต้นคอนโด Life ลาดพร้าว ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท เป็นแบบสตูดิโอ ขนาด 26 – 29 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ย 140,000 บาทต่อตารางเมตรค่ะ ช่วงราคาจัดไว้ค่อนข้างกว้างทีเดียว ทั้งหมดขายเป็นห้องแบบ Partly Fitted ส่วนราคารายห้องของโครงการ (ตอนที่เราเข้าไปรีวิว 24 เมษายน 2560) ยังไม่ได้เคาะออกมานะคะ ในรีวิวนี้เราเลยยึดมาตรฐานของราคาเฉลี่ยที่ 140,000 บาท/ตร.ม. เป็นตัวพิจารณาค่ะ
ราคา ณ วันที่ 24 เมษายน 2560
ราคาเริ่มต้น :
Studio ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2,900,000 บาท เฉลี่ย 111,540 บาท/ตร.ม
เงื่อนไขการจอง :
- เงินจอง
n/A
- ผ่อนดาวน์
n/A
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
ค่าส่วนกลาง n/A บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า x ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) n/A บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
การเดินทางด้วยรถยนต์จากคอนโด Life Ladprao นั้น ถนนพหลโยธินด้านหน้าโครงการจะมุ่งหน้าเข้าห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมถนน 3 สาย ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนลาดพร้าว สามารถเลือกเดินทางไปได้หลายเส้นทาง หรือจะขึ้นทางด่วนต่างๆ ก็ไม่ไกลนัก เช่น ดอนเมืองโทลเวย์เหนือถนนวิภาวดีรังสิต ใช้วิ่งเข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัดได้ หรือจะไปขึ้นทางด่วนศรีรัชที่บางซื่อก็ได้ แต่ทั้งนี้คนที่อยู่โซนนี้ก็คงพอรู้ว่าเป็นจุดหนึ่งที่รถค่อนข้างติดอยู่แล้วเป็นเรื่องปกตินะคะ
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตนั้นสบายหายห่วง เพราะด้านหน้าโครงการติดทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่และมีแผนเสร็จประมาณปี 2563 ไล่เลี่ยกับ Life ลาดพร้าว เลยค่ะ และยังมีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธินอยู่ห่างออกไปอีก 500 เมตร โดยคาดว่าในอนาคตก็มีแผนงานจะทำทางเดินลอยฟ้าเชื่อมสองสถานีเข้าด้วยกันอีกด้วย คล้ายกับ MRT สีสม และ BTS ศาลาแดง (แต่ยังไม่คอนเฟิร์มนะคะ)
ส่วนรถประจำทางที่วิ่งผ่านก็มีหลายสาย เพราะเป็นถนนหลักและเป็น Hub ที่คนมาต่อรถเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเรื่องรถสาธารณะมีเพียบแน่นอน มีป้ายรถเมล์ใกล้สุดอยู่หน้า Tesco Lotus ส่วน Taxi หรือพี่วินมอไซค์ก็หาไม่ยาก เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชน ใกล้ศูนย์การค้าค่ะ
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ถ้าจะพูดถึงการเติบโตของตลาดคอนโดในเส้นพหลโยธิน มีโอกาสพัฒนาอีกพอควร เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายมาสร้าง ตลาดคอนโดก็จะตามมาแน่นอน ยิ่งเป็นสายสีเขียวที่นั่งยิ่งยาวเข้าเมืองด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ไม่ต้องไปเปลี่ยนสถานี เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จคงจะมีคอนโดสูงมาสร้างเกาะแนวรถไฟฟ้าอีกหลายโครงการ
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
Concept ของ Life ลาดพร้าว ได้แรงบันดาลใจมาจาก Silhouette ของผ้าฉลุ ที่ร้านค้าแบรนด์เนมชอบใช้ในการออกแบบอาคาร ผนังด้านข้างอาคารเลยตกแต่งแพทเทิร์นเป็นลายตารางคล้ายกันค่ะ หน้าตาอาคารออกมาสไตล์โมเดิร์น คุมโทนสีขาวดำ เรียบๆ
ผังโครงการค่อนข้างยึกยัก รูปที่ดินต้องบอกว่าไม่สวยเท่าไหร่ เพราะไม่สามารถดีลซื้อที่ดินตรงกลางมาได้ และเนื่องจากโครงการนี้มีเสาไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่านในโครงการ สถาปนิกจึงต้องใช้วิทยายุทธในการดีไซน์ค่อนข้างเยอะ แนวเสาไฟฟ้าแรงสูงทำให้ต้องเว้นระยะตัวตึกจากแนวสายไฟฟ้าแรงสูงไปอีก 25 เมตร เกิดมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เอามา trade off กับจุดด้อยไป รวมถึงออกแบบให้แนวถนนและที่จอดรถไปอยู่ใต้แนวสายไฟฟ้าแทน แล้วดันอาคารไปชิดอีกฝั่งนึง อาคาร A อยู่ด้านหน้า อาคาร B อยู่ติดด้านหลังใกล้ที่จอดรถของ Tesco Lotus การวางตำแหน่งอาคารก็ทำออกมาได้ดี ไม่อยู่ตรงกับคอนโดสูงข้างเคียงอย่าง M ลาดพร้าว หรือ Abstracts พหลโยธินปาร์ค เลย และระยะก็ไม่ได้ติดกันมากเกินไป วิวตรงๆ จะไม่โดนบังมากนัก แต่ยอมรับว่ามีติดอยู่ในวิวบ้างเหมือนกันในบางทิศ ซึ่งต้องดูเป็นมุมๆ ไป
สำหรับแปลนห้องของ ไลฟ์ ลาดพร้าว มีห้องหลักๆ อยู่ 4 แบบ คือ สตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และ ห้อง Duplex (ห้องเดียว) และแต่ละแบบก็แบ่งย่อยออกไปอีกหลาย Type ตามสัดส่วนความกว้างยาวของห้อง โดยเฉพาะแบบ 2 ห้องนอนที่มีหลาย Type มาก แต่ห้องที่มากที่สุดคือแบบ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ที่ห้องนั่งเล่นมีแถมประตูบานเลื่อนกั้นมาให้เพิ่ม ซึ่งโครงการขายคอนเซ็ปที่สามารถปรับเปลี่ยเป็นห้องอื่นๆ ได้ตามความต้องการของแต่ละคนเลยค่ะ … สำหรับ 2 ห้องนอน ส่วนใหญ่จะลงตัวดี เนื่องจากมีพื้นที่ห้องเยอะค่ะ อย่างห้องตัวอย่างที่เราได้เข้าไปดู ก็จัดแปลนได้กระชับดี ใช้พื้นที่คุ้มค่า ในห้องนอนทั้งสองห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ
ด้านวัสดุ Life ลาดพร้าว ก็เป็นเวอร์ชั่นที่อัพตัวเองขึ้นมาจาก Life โครงการก่อนๆ เนื่องจากราคาเฉลี่ยถูกวางมาสูงขึ้นตามทำเลและสภาวะตลาดนั่นเอง ซึ่งก็ทำให้ต้องมีการอัพเกรดวัสดุเช่นกัน ภายในห้องผนังฉาบเรียบทาสี พื้นปูไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ประตูบานเลื่อนและหน้าต่าง ทำจากอะลูมิเนียม Power Coat สีน้ำตาล คุณภาพแข็งแรงดี กระจกเขียวตัดแสง พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ฝ้าฉาบเรียบ ส่วนเฟอร์เป็น Partly Fitted ได้เคาน์เตอร์ครัว Hob & Hood ของ Franke, ห้องน้ำสำเร็จรูปทำจากอะคลิลิกไฟเบอร์ พร้อมสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ฉากกั้นอาบน้ำ และได้เครื่องปรับอากาศตามขนาดห้องค่ะ
ด้านพื้นที่ส่วนกลาง Life Ladprao มีให้มาเยอะขึ้นจากมาตรฐานเดิมของแบรนด์เช่นกัน เพราะว่าปรับ Position ใหม่ให้ชัดเจนขึ้น เหมาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานสมัยใหม่ จึงเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับอินเตอร์เนตต่างๆ ให้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งสองอาคารจะไม่ใช้ส่วนกลางร่วมกันนะคะ แยกกันชัดเจนไปเลย รวมถึงที่จอดรถด้วย ฟังก์ชั่นทั่วไปที่ให้ คือ สวนสาธารณะรอบโครงการ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Yoga, Theatre Room ส่วนที่เพิ่มขึ้นจะเน้นไปที่ Co-Working Space ที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ เช่น ในโถง Living Area ชั้นล่าง แบบมีฉากกั้นห้องเป็นสัดส่วน มี Sound Dome, Wireless Phone Charger, Mirror Board ให้ มีห้องประชุม (Private Meeting Room) สำหรับทำงานเป็นกลุ่ม มีอุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สายระหว่างคอมพิวเตอร์และจอมอนิเตอร์ ให้ทำ Presentation กันได้เลย, Sky Working Space ชั้นดาดฟ้า หรือจะไปทำงานบริเวณที่นั่งในสวนก็ได้ เตรียม Wifi ไว้ให้เหมือนกัน
เรื่องสัดส่วนการใช้ลิฟต์อาคาร A และอาคาร B อยู่ที่ 176 และ 181 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว ตามลำดับ ทั้งสองอาคารถือว่าหนาแน่นปานกลางค่ะ ส่วนที่จอดรถจอดได้ 723 คัน คิดเป็น 44% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าโอเคอยู่เมื่อเทียบกับราคาคอนโดติดและทำเลติดรถไฟฟ้า ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ (^_____^)
ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์ ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ
ลงทะเบียนจองค่ะ