แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 61 ทุบสถิติ New High เปิดตัว 31 โครงการ มูลค่า 63,200 ลบ. ตั้งเป้ายอดขาย 45,000 ลบ. พร้อมจับมือ JV และขยายตลาดต่างชาติต่อ
· ~ 1 min readแสนสิริ เผยแผนรุกธุรกิจปี 2561 “Tomorrow is Unfolded” ภายใต้ 7 กุญแจสำคัญ พร้อมแผนเปิดโครงการใหม่รวม 31 โครงการ มูลค่ารวม 63,200 ล้านบาท มากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ตั้งเป้าพรีเซลล์ 45,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเผยผลประกอบการปี 2560 ที่แข็งแกร่งน่าพอใจ จากยอดพรีเซลล์ 38,600 ล้านบาท เติบโต 24% จากปี 2559
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการดำเนินงานตามแนวคิด Journey for Tomorrow ในปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดขายและรายได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง และมีความพร้อมความแข็งแกร่งที่จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2561”
ในปีที่ผ่านมา แสนสิริเปิดตัวโครงการ 14 โครงการ มูลค่า 37,200 ล้านบาท และทำยอด Pre-sale สูงถึง 38,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญมีปัจจัยสำคัญ 6 ประการ คือ
- การทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติในปี 2560 ได้ถึง 9,300 ล้านบาท เกินจากเป้ายอดขายที่วางไว้ 7,500 ล้านบาท และเติบโตขึ้นถึง 72% เมื่อเทียบจากปี 2559
- การร่วมทุนกับพันธมิตร ทั้งกลุ่ม BTS และ Tokyu Group โดยในปี 2560 มีโครงการ Joint Venture ทั้งหมด 4 โครงการ รวมมูลค่า 14,100 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ The Line Sathorn (เดอะ ไลน์ สาทร) ที่สามารถปิดการขายได้ทันที หลังเปิดขาย online booking ในวันแรก
- ความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งสามารถปิดการขายได้ 100% ในทั้ง 13 โครงการที่เปิดตัว รวมมูลค่าโครงการ 18,330 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36% จากปี 2559
- ประสบความสำเร็จในการขายโครงการที่อยู่อาศัยทุกแบรนด์ ตั้งแต่โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริ บุราสิริ และ คณาสิริ โครงการคอนโดมิเนียมร ได้แก่ 98 Wireless, The Line, The Base, HAUS และ DCondo
- การการลงทุนในต่างประเทศรวมมูลค่า 80 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 2,650 ล้านบาท ใน 6 บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ The Standard, One Night, JustCo, Hostmaker, Monocle และ Farmshelf
- การพัฒนาด้าน Digital Transformation ใน 2 ด้าน คือ
- การเปิดตัว “สิริ เวนเจอร์ส” (SIRI VENTURES) บริษัทร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในสัดส่วน 90:10 เพื่อผลักดัน Property Technology (Proptech)
- Siri LifeTech ได้แก่ Sansiri Home Service Application, AI Box, SAN:DEE Delivery Robot, Sansiri AI Box, Smart Move, Farmshelf และ Samitivej@Home
แผนงานปี 2561
ในปี 2561 แสนสิริเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดอสังหาฯ ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับประสบการณ์แปลกใหม่ sharing economy trend และเกิดโอกาสใหม่ๆ และการ disruption ต่อหลายธุรกิจ ในปีนี้เราจึงมุ่งนำเสนอโครงการรวมถึงการบริการที่หลากหลาย สร้างประสบการณ์แปลกใหม่
เป้าหมายในปี 2561 แสนสิริจะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 31 โครงการ รวมมูลค่า 63,200 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยตั้งเป้ายอด Pre-sale 45,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
- คอนโดมิเนียม 12 โครงกา มูลค่า 33,500 ล้านบาท (สัดส่วน 53%)
- บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 20,100 ล้านบาท (สัดส่วน 32%)
- ทาวน์เฮ้าส์ 11 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาท (สัดส่วน 15%)
สำหรับแนวทางสำคัญในการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในปี 2561 แสนสิริจะก้าวแกร่งครั้งใหญ่สู่ “Tomorrow is Unfolded” ประกอบด้วย
- เพิ่มตลาดต่างชาติ โดยมีการตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2560 จาก 9,300 ล้านบาท เป็น 13,000 ล้านบาท โดยล่าสุดในช่วงต้นปี แสนสิริได้เปิดออฟฟิศในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแห่งที่ 6 ที่ฮ่องกง รวมทั้งเล็งขยายไปในญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และไต้หวัน
- สานต่อการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำ จะมีโครงการใหม่จากการลงทุนร่วมกับ BTS และ Tokyu Group อีกประมาณ 4-6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 12,000-19,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนเปิดโครงการที่พักอาศัย The Standard Residence และ Monocle Residence เป็นครั้งแรกของโลก ส่วนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ JustCo บริษัทได้เตรียมเปิด 4 สาขา โดยจะเปิด 2 สาขาแรกที่อาคาร AIA Sathorn ในเดือนพฤษภาคม และอาคาร All Seasons Place ในเดือนสิงหาคม โดยเล็งมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านแสนสิริเข้าใช้บริการ ส่วน Hostmaker จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกบ้านและสร้างเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
- เปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์เพิ่มเติม โดยเน้นในระดับราคา 1 ล้านปลาย ถึง 3 ล้านกลางๆ โดยในปีนี้เปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ใหม่ทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่า 9,600 ล้านบาท
- สร้างความแตกต่างด้วยดีไซน์ ด้วยการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม Segment ใหม่ 4 โครงการ (ในแบรนด์เดียวกัน) ที่มีดีไซน์เฉพาะตัวออกแบบ รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
- การสานต่อ Digital Transformation Chapter 2 โดยต่อยอดโดยมี Siri Venture ด้วยแผนลงทุนระยะยาว 3 ปี 1,500 ล้านบาท