บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV, Univentures เผยความสำเร็จปี 2560  โดยมียอดรายได้รวม 13,741 ล้านบาท เติบโต 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2559  มีผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัทอยู่ที่ 838 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมในปีงบประมาณ 2561 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 ถึง 30 กันยายน 2561) อยู่ที่ 23,800 ล้านบาท ลุยเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 38 โครงการ พร้อมรุกเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ผลประกอบการปีงบประมาณ 2560

นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประจำปีงบประมาณ 2560 (ปรับเปลี่ยนปีงบประมาณจากเดิม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม เป็น วันที่ 1 ตุลาคม ถึง วันที่ 30 กันยายน ของทุกปี โดยได้รับอนุมัติจากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 38/2560 ในวันที่ 26 เมษายน 2560)  ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 13,741 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก

• ธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 12,212 ล้านบาท คิดเป็น 89%  ของรายได้รวม
• ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 182 ล้านบาท
• ธุรกิจอื่น (รวมธุรกิจสังกะสีออกไซด์) 1,162 ล้านบาท

และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 838 ล้านบาท  ซึ่งรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งในแนวราบและแนวสูง แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 8,070 ล้านบาท  มาจากโครงการของกลุ่มแผ่นดินทอง (Golden Land) จำนวน 37 โครงการ  และโครงการแนวสูง 2,957 ล้านบาท จาก 8 โครงการ ของ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 4,502 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3,905 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 597 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีงบประมาณ 2561 ทั้งหมด

เป้าหมายปีงบประมาณ 2561 

ในปี 2561 บริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวน 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 39,600 ล้านบาท  และเปิดโครงการคอนโด  จำนวน 4 โครงการ (CIELA Sripatum, De Lapis Charan 81, Denim Chatuchak, Mazarine Ratchayothin) มีมูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท  และรายได้จากธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกส่วนมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและธุรกิจโรงแรม ซึ่งมีรายได้ 1,185 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น 1,162  ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ทั้งหมด”

โดยโครงการทั้งหมด  แบ่งสัดส่วน ดังนี้

• ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย  สัดส่วนประมาณ 85% (โครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 20%)
• ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรม 5%
• ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 3%
• ธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ประมาณ 7%

ในปี 2561 ทาง Univentures ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลอดทั้งภาพรวม  และเติบโตอย่างยั่งยืน  ตามกลยุทธ์หลัก 3 ปี  (Core Strategy 2018 – 2020) ทั้ง 5 ส่วน ได้แก่

“Optimization” ความหลากหลายที่มี เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น การมองความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“Diversification” ไปที่โครงการรูปแบบใหม่ๆ อีกทั้งยัง Diversified ต่อไปอีกในเรื่องของการทำ Service ต่างๆ พ่วงเข้ามา นอกเหนือจากสินค้าเพื่อขายหรือเช่า เช่น การบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือจัดการอสังหาริมทรัพย์, การมีโบรคเกอร์ในการดูแลการปล่อยเช่าหรือการสร้างมูลค่าเพิ่ม  รวมถึงการบริการที่ครอบคลุมทั้งในช่วงการเตรียมการ และระหว่างการก่อสร้างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“Supply Chain” ต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์และมองหาโอกาสที่ใช่ บนพื้นฐานสำคัญของ Entry Point และ  Exit Point ที่เหมาะสม  ควบคู่ไปกับ “Synergy” ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งบริษัทที่บริหารจัดการดูแลการก่อสร้าง บริษัทที่ขายงานระบบเข้าโครงการ และบริษัทที่คิดคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ เช่น งานบางส่วนไปที่บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด และสามารถจัดหาวัสดุอุปกรณ์เข้ามาจากบริษัท ฟอร์เวิร์ด ซิสเต็ม หรือจากบริษัท อะเฮดออล จำกัด (AHEADALL COMPANY LIMITED)

“Opportunistic Investment”  การขับเคลื่อนโอกาส (Opportunity) และพร้อมที่จะรองรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน