Singha Estate (สิงห์ เอสเตท) ตั้งเป้าเป็น Holding Company ลงทุนและพัฒนาอสังหาฯ เป้าหมายรายได้ 2 หมื่นล้าน ในปี 2020
· ~ 1 min readSingha Estate ตอกย้ำวิสัยทัศน์สู่การเป็น Premier property development & investment holding company ผ่านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “4S” มั่นใจทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตบรรลุเป้าหมาย สร้างรายได้รวม 2 หมื่นล้านในปี 2020
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ว่ามีนโยบายที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ “Singha Estate” สู่การเป็น Premier property development & investment holding company โดยใช้ 4 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย
- Smart M&A โดยมุ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดี มีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านการลงทุนเพิ่มและการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ (Expansion & Renovation) โดยบริษัทฯมีการเติบโตของสินทรัพย์จาก 11,288 ล้านบาท ในปี 2014 เป็น 40,910 ล้านบาท ในปี 2017 โดยล่าสุดได้วางแผนที่จะลงทุนในกิจการ (Outrigger Hotels Hawaii มูลค่าประมาณ 11,073 ล้านบาท ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 6 โครงการใน 4 ประเทศ
- Strategic Move สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น Holding Company เพื่อความพร้อมในการเติบโตในระยะยาว โดยปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ถือหุ้นโดยสิงห์ เอสเตท ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็น บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) โดยลำดับถัดไป บริษัทฯ จะนำธุรกิจโรงแรมของบริษัท เอส โฮเตล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์มากกว่า 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2019 และจะนำอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส เข้ากองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ภายในในปี 2020 ซึ่งจากขั้นตอนดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ สิงห์ เอสเตท เป็น Holding Company ที่สมบูรณ์
- Strong Growth คือการสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างรวดเร็วและมั่นคง จากการสร้าง portfolio ที่มีความสมดุลของธุรกิจอาคารสำนักงาน ค้าปลีก และโรงแรม ที่สามารถสร้าง Recurring Income และ Nonrecurring income ในอัตราส่วน 50:50 ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ของธุรกิจที่พักอาศัยกว่า 14,000 ล้านบาท โดยไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ The Esse Asoke และ โครงการ Banyantree Residences Riverside Bangkok (บมจ.เนอวานาไดอิ)
- Sustainable Development นอกจากบริษัทฯ ใช้กลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในด้านการเงินแล้ว บริษัทฯ ยังใช้กลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมนำแนวคิดการสร้างคุณภาพชีวิต (Life balance) ผ่านการสร้างองค์ความรู้ (Body of knowledge) ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของความสำเร็จอย่างยั่งยืนใน 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ, ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม
ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากปี 2014 บริษัทฯ มีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 11,288 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็น 40,910 ในปี 2017 ขณะที่มียอดรายได้อยู่ที่ 5,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2014 ที่ทำได้ 370 ล้านบาท กว่า 15 เท่า ซึ่งคาดว่าเราจะทำรายได้ถึง 20,000 ล้านบาท ได้เร็วกว่าแผนที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2020 ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์จะเพิ่มมูลค่าไปอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท” นายนริศ กล่าว
ด้าน นายฐิติ ทองเบญจมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานโครงการครอสโร้ดส์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมถึงโครงการที่มัลดีฟส์ ว่า โครงการ “CROSSROADS” ประเทศมัลดีฟส์ มีมูลค่าโครงการ (เฟส1) 11,000 ล้านบาท มีแผนจะพัฒนาเป็น Tourist Facilities Destination บนพื้นที่ยาว 7 ก.ม. แบ่งเป็น 9 เกาะ ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทที่สร้างสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์ทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร อาทิ ท่าเทียบเรือยอร์ชสุดหรู, บีช คลับ ระดับลักชัวรี, ร้านค้าไลฟ์สไตล์, ร้านค้าปลอดภาษี, ร้านอาหารชั้นเลิศ และ Cultural Center เพื่อเป็นศูนย์เผยแพร่ความเชื่อมโยงของ 2 วัฒนธรรม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนผ่านผลงานสินค้าท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาศูนย์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศทางทะเล