บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และบริทาเนีย (Britania) เปิดเผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย. 2561) ซึ่งสามารถทำรายได้สูงกว่าปีที่แล้วโดยมีรายได้สะสมอยู่ที่ 10,693 ล้านบาท พร้อมมีแผนลงทุนเพิ่มเติมกับโนมูระ เรียลเอสเตท อีก 2 โครงการ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI พูดถึงผลประกอบการ 9 เดือนแรกของบริษัทในปี 2561 ว่าโครงการใหม่ๆ ของบริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะโครงการระดับลักชัวรีอย่าง Park Origin Phayathai และ Park Origin Thonglor ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4,035 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106% และรายได้สะสม 9 เดือนอยู่ที่ 10,693 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วอยู่ 166% ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 892 ล้านบาท เติบโตขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% ในขณะที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22%
ในส่วนของไตรมาสที่ 4 ทาง Origin มีแผนเปิดตัวโครงการเพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ Britania Mega Town มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และ Britania Bangna KM.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงที่โครงการสร้างเสร็จใหม่อย่าง Notting Hill Jatujak-Interchange และ Notting Hill Sukhumvit 105 จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ เมื่อคิดรวมกับผลประกอบการที่ทำได้ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ทาง Origin ก็มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามแผนที่วางไว้
ในส่วนของบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด พันธมิตรสำคัญของ Origin ได้ร่วมลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ One Origin 24 และ Park Origin Ratchathewi ทำให้ปัจจุบันมีการร่วมทุนทั้งคอนโด และโรงแรมรวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาทตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา และในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่องกว่าปีละ 15,000 ล้านบาท