นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC กล่าวแสดงความยินดีที่หุ้นไอพีโอของ CMC (ราคา 3.00 บาท) ได้เข้าซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ MAI เป็นวันแรก และเชื่อมั่นว่าหุ้น CMC จะได้รับการตอบสนองที่ดีจากนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย โดยบริษัทฯได้จำหน่ายหุ้นไอพีโอประมาณ 30% ให้นักลงทุนสถาบันชั้นนำของไทย อาทิ กองทุน MFC, กองทุน KTAM และ กลุ่มผู้บริหารได้นำหุ้นเดิม ติดไซเลนท์พีเรียดเต็มโควตา 55% และยืนยันจะไม่ขายหุ้นในส่วนที่ไม่ติดไซเลนท์พีเรียด ทั้งนี้ทาง CMC ได้วางแผนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 10 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการซื้อคอนโดสูงขึ้น และเพื่อให้รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
CMC มีผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2561 เป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ทำได้ 1,058 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 633 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 439 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ 70 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ คือ เพิ่มกว่าเท่าตัวเป็น 12.03% จาก 5.83% ทั้งนี้ CMC มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะเติบโตตามเป้า และเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับผู้ถือหุ้นใหม่ที่ให้ความเชื่อมั่นลงทุนในหุ้นไอพีโอของ CMC คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการในรอบ 9 เดือนแรก และกำไรสะสม จำนวน 7 สตางค์ต่อหุ้น ให้กับ ผู้ถือหุ้นทุกราย โดยวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561
CMC มั่นใจว่าในปีหน้าจะมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้น อันเนื่องมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน และโครงการระหว่างก่อสร้างมูลค่ากว่า 5,538 ล้านบาท ซึ่งบริษัทกำลังออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย และคาดว่ายอดขายปีนี้ และปีหน้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของผลกระทบจากนโยบาย LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นทาง CMC ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ซึ่งมีนักลงทุนหรือเก็งกำไรเป็นส่วนน้อย และด้วยระดับราคาขายส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 2-4 ล้านบาท จึงมักเป็นลูกค้าที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองเป็นบ้านหลังแรก