Habitat Group ก็ยังคงเชื่อว่าคอนโดตลาดบนปีนี้จะยังโตต่อได้ จึงเตรียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท มีคอนโด 3 โครงการ คือ Walden Sukhumvit 31, Walden Thonglor 13 และWalden Thonglor 8 นอกจากนี้ยังมีการขยายความมั่นคงให้กับบริษัท โดยการเปิดพอร์ตธุรกิจโรงแรมเพิ่ม 2 แห่ง พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่ม โดยเตรียมเจาะกลุ่ม ตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และอินเดีย
Habitat เชื่อคอนโดกรุงเทพฯ-พัทยา โตต่อได้เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และธุรกิจโรงแรม กระจายความเสี่ยง
· 1 min readนายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เล่าว่าในปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 5 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท รวมถึงการขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้กว้างขึ้น และมีแผนขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรมเพิ่มเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะทำยอดขายได้ 3,000 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 50% จากปีที่แล้ว
ธุรกิจคอนโดในกรุงเทพฯ
สำหรับธุรกิจในกรุงเทพฯ ปีนี้ทาง Habitat Group มองว่าตลาดคอนโดระดับบนจะเติบโตได้ดีจึงเตรียมเจาะตลาดคอนโด Low Rise Luxury ในย่าน CBD ตามแนวรถไฟฟ้า โดยจะออกโครงการใหม่เพิ่ม 3 โครงการในปีนี้ หลังจากเปิดโครงการ Leroy Ruamrudee, Walden Asoke, Walden Sukhumvit 39 ในปี 2561 ไป และได้ผลตอบรับที่ดี สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ คือ
- Walden Sukhumvit 31
- Walden Thonglor 13
- Walden Thonglor 8
มีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,500 ล้านบาท
ธุรกิจโรงแรมในพัทยา
สำหรับพื้นที่พัทยาที่ฮาบิแทท กรุ๊ปลงทุนมาโดยตลอดนั้น ในปีนี้ก็จะมีการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งจะมีลักษณะเป็น Lifestyle Investment โดยดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกเข้ามาบริหารโครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,500 ล้านบาท มีในโซนพัทยาเหนือที่จะเปิดขายในไตรมาส 1 ปีนี้ และคอนโดที่หาดนาจอมเทียน บนพื้นที่บีชฟร้อนท์ 8 ไร่ คาดว่าจะเปิดขายได้กลางปี 2562 โดยจะพัฒนาโปรดักส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและยูนิตมากขึ้นเพื่อรองรับ Demand
สำหรับธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับบริษัทอย่างธุรกิจโรงแรมนั้น ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 10% แต่ในอนาคต Habitat Group ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ไว้ที่ 30% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนโรงแรมที่มีแผนจะเปิดตัวในปีนี้มีด้วยกัน 2 แห่ง คือ
- X2 Pattaya Oceanphere (ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์) ที่จะเปิดในไตรมาส 2
- Best Western Premier Bayphere Pattaya (เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา) จะเปิดในไตรมาส 3 ของปีนี้
ส่วนโรงแรมที่เปิดให้บริการไปแล้ว ได้แก่ The Ville Jomtien (เดอะ วิลล์ จอมเทียน) และ X2 Vibe Pattaya Sephere (ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์) โดยมีบริษัทลูกอย่างฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ (Habitat Hospitality) เป็นผู้บริหารจัดการ
การขยายฐานลูกค้า
ด้านการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจนั้นบริษัทเตรียมขยายฐานลูกค้าเป้าหมายไปสู่ตลาดใหม่ โดยปีนี้จะเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์ และอินเดีย เพิ่มเติมเพื่อขยายฐานลูกค้าหลักให้กว้างขึ้น จากเดิมที่มีแค่คนไทย, จีน และฮ่องกงเท่านั้น
สำหรับตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ฮาบิแทท กรุ๊ปมองว่าตลาดยังคงเติบโตต่อได้ โดยในเขตกรุงเทพฯ นั้นลูกค้าระดับบนยังคงมีความต้องการคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในย่าน CBD อยู่ ในขณะที่ตลาดเมืองพัทยาก็มีการขยายตัวจากการท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จากภาครัฐ แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการก็ต้องพัฒนาโครงการให้มีราคาอยู่ในระดับที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ด้วย ในขณะเดียวกันสินค้าที่ทำออกมาก็ต้องมีความสามารถในการแข่งขันด้วยเช่นกัน