มั่นคงเคหะการ เผยถึงแผนธุรกิจปี 62 เตรียมเดินหน้าตลาดอสังหาฯ เพื่อขาย และธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง โดยจะเปิด 4 โครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์โฮม มูลค่ากว่า 4,560 ล้านบาท พร้อมขยายธุรกิจเพื่อเช่า และบริการเพิ่มตามแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัท โดยเชื่อว่าบริษัทจะยังคงโตได้ตามแผนที่ตั้งไว้

นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) พูดถึงทิศทางตลาดอสังหาฯ ในปี 2562 ว่าจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากในตลาดมี supply ที่รอการระบายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องมาตรการ LTV ที่จะมาชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเพิ่มอีกด้วย แต่สำหรับมั่นคงเคหะการ ก็ยังเชื่อว่ามาตรการ LTV จะไม่กระทบกับบริษัทมากนัก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกที่ซื้อไว้อยู่เองเป็นหลัก

แผนธุรกิจปี 62

ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายทั้งธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขาย และธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (recurring income) ไปควบคู่กัน โดยธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขายในปีนี้จะเปิด 4 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,560 ล้านบาท และยังเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท

ด้านธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ปีนี้จะรุกตลาดธุรกิจให้เช่า และบริการ โดยจะพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงาน และคลังสินค้าเพื่อเช่า ที่บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพิ่มขึ้นเป็น 173,500 ตร.ม. ส่วนโครงการ พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77 (Park Court Sukhumvit 77) คอนโดและอพาร์ตเมนต์ระดับ luxury ตั้งเป้าปล่อยเช่าเต็ม 100% ในปีนี้ ด้านธุรกิจสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% และบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในปีนี้ได้รับบริหารโครงการเพิ่ม 10 โครงการ คาดว่าจะมีรายได้โตขึ้น 70%

ผลประกอบการปี 61

ในปี 61 ที่ผ่านมามั่นคงเคหะการมีรายได้รวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 4,546.81 ล้านบาท มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 4,152.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น กว่า 50.18% ในขณะที่รายได้จากการให้เช่า และบริการมีทั้งสิ้น 252.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.71% ส่วนรายได้จากการให้บริการของสนามกอล์ฟอยู่ที่ 109.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4%

ทั้งนี้มั่นคงเคหะการจะยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี ตามที่ได้ตั้งไว้ พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของบริษัททั้งจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ เพื่อขาย และธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง ให้มาอยู่ที่ 50:50 ภายในปี 2564 เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทมากขึ้น