โนเบิล เปิดแผนปี63 เล็งขึ้นแท่น Top5 อสังหาไทย ด้วยการเปิด 7 โครงการ ประเดิมด้วย Noble ABOVE Wireless-Ruamrudee พร้อมเสริมทัพร่วมทุนกับ U City เล็งเปิดโครงการใหม่ ไตรมาส 2 ใกล้ MRT รัชดาและลาดพร้าว

· ~ 1 min read

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลความสำเร็จของปี 2562 ด้วยผลประกอบการที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ กับยอดรายได้ทั้งปีที่ทะลุเป้าหมายกว่า 15,000 ล้านบาท โดยในปี 2563 นี้ โนเบิลวางแผนเล็งขึ้นแท่น Top5 อสังหาไทย ด้วยการประเดิมเปิด 7 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 25,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกพื้นที่ กระจายทั่ว segment พร้อมเปิดตัวโครงการแรกของปีด้วย โครง Noble ABOVE Wireless-Ruamrudee พร้อมเซอร์ไพร์ เสริมทัพร่วมทุนกับ U City มูลค่ากว่า 2,000ล้านบาท โดยไตรมาส 2 เล็งเปิดตัวโครงการใหม่ใกล้ MRT สถานีรัชดา และสถานีลาดพร้าว ตั้งเป้ายอดขายพรีเซลทั้งปีมากกว่า 12,000 ล้านบาท

 

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศแผนธุรกิจปี 2563 พร้อมนำทีมผู้บริหารดำเนินงานภายใต้โครงสร้างผู้ถือหุ้นชุดใหม่ ขับเคลื่อนองค์กรผลักดันผลดำเนินการเติบโตต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายธงชัยกล่าวว่า “ปี 2562 เป็นปีที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับยอดรายได้ทั้งปีที่สูงกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ มีผลประกอบการแตะระดับหมื่นล้านบาท ส่งผลให้โนเบิลก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กร โดยคำนึงถึงการสร้างมูลค่าอัตราส่วนผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามนโยบายการให้ความสำคัญในการเพิ่มรายได้เพื่อเพิ่มการลงทุนให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง”

 

โดยในปี 2563 นี้ โนเบิลเตรียมเปิดตัว 7 โครงการ และมีแคมเปญต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมรุกตลาดคอนโดมิเนียมครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ระดับราคาที่จับต้องได้จนถึงระดับไฮเอนด์ รวมมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมียอดบันทึกรายได้จากโครงการที่ขายได้แล้ว (Backlog) ที่จะรับรู้รายได้กว่า 17,000 ล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงในการรับรู้รายได้ที่สูง รวมทั้งปีนี้โนเบิลมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งร่วมพัฒนาโครงการใหม่เพื่อรุกตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลศักยภาพถึง 2 โครงการ

ไตรมาสแรก โนเบิลเตรียมปล่อย 3 แคมเปญใหญ่รุกตลาดคอนโดมิเนียม เริ่มที่โครงการ โนเบิล สเตท 39 คอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 39, โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ใจกลางเมือง สร้างเสร็จ พร้อมอยู่ ใกล้ BTS เพลินจิต และบริษัทได้เตรียมต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ NUE อีกครั้งกับโครงการใหม่ที่งามวงศ์วาน นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางแผนเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องในปี 2563 นี้บนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ โดยเปิดโครงการที่ทำเลเด่นแถบแยกไฟฉาย-วังหลัง ใกล้โรงพยาบาล ศิริราช, ทำเลหรู ใจกลางเมือง ทองหล่อ

 

สำหรับโครงการ โนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี เป็นคอนโดที่ให้อารมณ์เหมือนบ้าน ตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดี 2 บนพื้นที่ 1-2-18.2 ไร่ จำนวน 104 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,057 ล้านบาท มีแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 54.34-85.60 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน ขนาด 87.51-119.56 ตร.ม. มาพร้อมการตกแต่งแบบ Fully Fitted ราคาเริ่มต้นเพียง 130,000 บาท/ตร.ม.*  ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมที่จอดรถมากกว่า 70% รวมทั้งมีบริการรถรับส่งด้วย

นอกจากนี้ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยังได้ร่วมทุนกับ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ บนพื้นที่ 2 ไร่กว่า ใกล้รถไฟฟ้าเพียง 70 ม. ถึง MRT รัชดา และ 180 ม. ถึง MRT ลาดพร้าว มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และภายในปีนี้โนเบิลได้เตรียมเปิดตัวโครงการระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์เพื่อพัฒนาที่ดินขนาด 3 ไร่บนถนนวิทยุอีกด้วย

 

ด้านตลาดต่างประเทศ นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวว่า “ในปี 2562 บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดขายจากต่างประเทศขึ้น จากในปี 2562 ที่สามารถสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2562 เป็น 7,000 ล้านบาทในปี 2563”

ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 18% ของส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศในช่วงราคา 80,000 – 250,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นระดับราคาขายที่ทางโนเบิลทำการตลาดอยู่ หรือประมาณทุก 1 ใน 5 ยูนิตของคอนโดที่ขายไปยังชาวต่างชาติทั้งหมดในกรุงเทพฯ โดยประกอบไปด้วยลูกค้าหลักจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งบริษัทฯ มีเครือข่ายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว่า 470  ช่องทาง (Distributors) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่บริษัทฯ สามารถขยายฐานการตลาดครอบคลุมได้กว่า 21 เมือง  นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในโครงการที่มีทำเลศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำมาต่อยอดการรับรู้รายได้และขยายฐานธุรกิจต่อไป

 

“ด้วยทิศทางการรุกตลาดในปี 2563 พร้อมตั้งเป้าเปิดอย่างน้อย 7 โครงการมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท บริษัทฯเชื่อมั่นว่า จะสามารถบรรลุยอดขาย และรับรู้รายได้ได้ตามเป้าหมาย และบริษัทยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลในระดับสูง ซึ่งจะเป็นหุ้นปันผลที่สร้างความมั่นใจใหักับนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจที่มีการผันผวนในปัจจุบัน ตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างแน่นอน” นายธงชัยกล่าวสรุป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
icon-yusabuy-titleRELATED ARTICLE
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก