“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ประกาศแผนงานปี 64 ขยายธุรกิจต่อเนื่อง เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม 10-12 โครงการ มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้า ยอดขาย 7,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท

· ~ 1 min read

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้  มีผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่นกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรม ต่อเนื่องมาโดยตลอด  สำหรับในปี 2564 นี้ แม้จะเป็นอีกปีที่ภาวะแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทยังคงเชื่อมั่น และวางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ มุ่งสู่การเป็น National Housing Company และเป็นผู้นำของตลาดแนวราบในช่วงราคา 2-8 ล้าน ครอบคลุมในทุกทำเลศักยภาพ  โดยตั้งเป้าเป็นแบรนด์ในสามลำดับแรก ที่ผู้บริโภคจะต้องนึกถึงเมื่อมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงราคาดังกล่าว

สำหรับผลประกอบการปี 2563 เป็นอีกปีที่บริษัทสามารถทำผลงานได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเติบโตได้สูงกว่าภาวะอุตสาหกรรมโดยรวมอย่างต่อเนื่อง  แม้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจทั่วโลกและไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของ COVID-19  แต่สำหรับลลิลฯ ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น Real Demand ตลอดจนมีการทำการวิจัยและตลาดเชิงลึกเพื่อหา Customer Insights

โดยพัฒนาและนำเสนอสินค้าในทำเลศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าจึงช่วยให้บริษัทเป็นเพียงไม่กี่บริษัทที่ยังคงมีทั้งยอดขาย, ยอดรับรู้รายได้ และกำไรที่เติบโตในปี 2563  บริษัทสามารถทำยอดรับรู้รายได้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดรับรู้ทั้งปีที่ 5,765 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24.2%  ในขณะที่มีกำไรสุทธิที่ 1,333.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.5%

ในส่วนของเป้าหมายธุรกิจในปี 2564  บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10-12 โครงการ  มูลค่าโครงการรวม 6,000-7,000 ล้านบาท  และตั้งเป้ายอดขายที่ 7,000 ล้านบาท  ยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท

Lalin แผนธุรกิจปี 2564

 

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) (Mr.Chaiyan Chakarakul (Chairman of Executive Board, Lalin Property Plc.) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย ในปี 2563 ที่ผ่านมาว่าเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างมากในการดำเนินธุรกิจจากการแพร่ระบาดของ COVID-19  ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง  โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกหดตัวราว 3.5%  ในขณะที่ประเทศไทย GDP ทั้งปีหดตัวไปที่ 6.1%

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของไทยก็ได้รับผลกระทบตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการหดตัวที่ต่อเนื่องจากที่มีการชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2562 ในแง่ของบริษัทเน้นกลยุทธ์การทำตลาดแนวราบที่เน้นลูกค้า Real Demand อย่างชัดเจน จึงได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าตลอดจนบริษัทได้พยายามคัดสรรทำเลที่มีศักยภาพ พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนอง Customer Insights อย่างแท้จริงจึงทำให้บริษัทยังคงสามารถบริหารงานผ่านปีที่ยากลำบากไปได้ โดยยังมีผลประกอบการที่เติบโต แม้ในภาวะตลาดอสังหาฯ โดยรวมที่ซบเซา

สำหรับในปี 2564 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะขยายตัวได้ราว 3% บวกลบ ทั้งนี้ขึ้นกับการกระจายวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างทำได้รวดเร็วเพียงใดแม้ภาคอสังหาฯ ในปี 2564 จะต้องเผชิญปัจจัยลบหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนตัวตามภาวะเศรษฐกิจ, ระดับหนี้ครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้น, ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์  อย่างไรก็ดีภาคอสังหาฯ มีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่ได้มีการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 รวมถึงสินค้าแนวราบยังได้รับปัจจัยหนุนจาก New Normal ที่ผู้บริโภคบางส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูง มาซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้จริงกว่า  ทั้งนี้แม้สภาวะตลาดจะไม่เอื้อมากนักแต่บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท

 

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) (Mr. Churat Chakarakul, Managing Director, Lalin Plc.) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2564 นี้ จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand  โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ตลอดจนเป็นการเปิดโครงการใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมของบริษัทที่กำลังจะปิดโครงการลง โดยในปี 2564 นี้ มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10-12 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 7% จากในปี 2563

ทั้งนี้เตรียมที่จะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวหรู รูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ บ้านลลิล The Prestige ซึ่งเป็นออกแบบในสไตล์ French Colonial  ระดับราคาจะอยู่ในช่วง 5 – 8 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้นจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ภายใต้แบรนด์ Lanceo ซึ่งจะเน้นกลุ่มลูกค้าในช่วง 3-6 ล้านบาท

Lalin แผนธุรกิจปี 2564

 

ในปีนี้จะเป็นการต่อยอดการใช้กลยุทธ์ Lifestyle Marketing  โดยมุ่งเน้นการใช้สื่อ Digital Marketing เพิ่มมากขึ้นจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา  โดยบริษัทมีการยกระดับการจัดการข้อมูลสารสนเทศสู่ Digital Company อย่างเต็มรูปแบบมีการนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights เพื่อเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ในปีนี้ทางบริษัทจะมีการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living  มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation “Lalin, IL”) ภายในบ้าน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ IL-Smart & Security,  IL-Ecosystem, และ IL-Lively & Healthy เป็นต้น  ตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3%-4%

ในส่วนของทางด้านการเงิน บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างมาก โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ลดลงจาก 0.75 เท่า ณ สิ้นปี 2562 มาอยู่ที่ระดับเพียง 0.67 เท่า ณ สิ้นปี 2563  ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ราว 1.4-1.5 เท่า อย่างมาก

และมีเงินสดสำรองเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจอีกราว 1,000 ล้านบาท ตลอดจนมีวงเงินสนับสนุนทางการเงิน (Committed Line) ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ จากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรต่างๆ อีกมากกว่า 2,000 ล้านบาท  ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท และความสามารถในการขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง ในปี 2564 นี้บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท  โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและกำไรสะสมของบริษัท ตลอดจนมีการใช้หุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน  โดยมีการพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ALL COMMENT (0)
icon-yusabuy-titleRELATED ARTICLE
back to top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานภายในเว็บไซต์นี้เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใด ๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก