งานออกแบบสถาปัตยกรรม และพื้นที่ส่วนกลาง เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา
เราขอเริ่มพาไปชมตั้งแต่ภายนอกเลยครับ ที่โดดเด่นด้วยการใช้อิฐสีส้ม ทำเป็นกำแพงด้านหน้า และตัวอาคารบางส่วนซึ่งตัดกับเส้นสายสีดำ และสีของอาคารด้านบนอย่างสีเทาและสีขาวได้อย่างลงตัว โดย Facade ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Cave Geographic Design ด้วยเส้นแนวตั้งที่ยุบยื่นและเส้นโค้งช่องระเบียง ทำให้ดูมีมิติขึ้นมาทันที
ซึ่งก่อนจะไปดูส่วนกลาง ขอพูดถึงความปลอดภัยซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่ทางโครงการให้ความสำคัญไม่แพ้จุดอื่นๆ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ทางเข้า-ออกของรถ จะเป็นไม้กระดก ซึ่งลูกบ้านจะใช้ระบบ Access Control และผู้มาติดต่อจะต้องแลกบัตรทุกครั้ง โดยมีรปภ. และ CCTV คอยสอดส่องดูแลให้เราอยู่ได้แบบรู้สึกอุ่นใจไร้กังวล
สำหรับด้านหน้าโครงการที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ คืออาคาร A โดยชั้นล่างทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของร้านค้าครับ และด้านขวามือออกแบบให้เป็นบันไดวน เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนที่จะเป็นในส่วนของ Facilities ซึ่งจะเน้นโซน Learning เป็นหลัก
ที่ชั้น 2 คือ Lobby ไว้สำหรับต้อนรับแขกเพื่อนๆ ที่แวะเวียนมาหา แต่ช่วงนี้โครงการทำเป็นสำนักงานขายชั่วคราว โดยเน้นโทนสีสันสดใส และดีไซน์ให้เพดานด้านบนเป็นช่องโปร่งมองเห็นชั้น 3
เมื่อเดินลึกเข้าไปจะเจอกับโถงลิฟต์ ซึ่งจะมี Mail Box ติดไว้ตรงผนังแบบนี้ทุกอาคาร
รวมถึง Co-Idea Space รองรับพื้นที่ไว้หลากหลาย แบ่งออกเป็นหลายโต๊ะ เพื่อให้ได้มุมนั่งทำงานของแต่ละคนอย่างเป็นส่วนตัว
และยังมีพื้นที่วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ ไว้นั่งรวมชวนเพื่อนๆ มานั่งทำงานกลุ่มร่วมกัน พร้อมกับมองเห็นวิวสวนภายนอกได้อย่างชัดเจน
ซึ่งบริเวณนี้จะมีประตูออกไปโซนระเบียง และเชื่อมต่อลงไปยังสวนด้านล่าง เพื่อให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
กลับเข้ามาข้างในเพื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 3 จะเจอกับ Learning Hub อีกหนึ่งส่วนกลางไว้นั่งเล่นพูดคุยกับเพื่อนๆ
โดยจะมีมุมที่กั้นไว้เป็น POD เพิ่มความเป็นไพรเวซี่มากขึ้นอีกนิด ให้เรานั่งทำงานหรือต้องการใช้สมาธิได้ครับ
ข้างๆ กันจัดเป็นพื้นที่ Working Pods มุมเอนกายนั่งทำงานชิลๆ
เดินเข้าไปอีกนิดจะพบกับ Meeting Chamber จัดชุดโต๊ะ เก้าอี้ และโซฟาที่สามารถนั่งได้ๆ หลายคน มาไว้ตรงกลางห้องและริมหน้าต่างพร้อมชมวิวสวนไปด้วยในตัว โดยจะมีประตูเชื่อมไปฝั่งอาคาร C ได้
แต่ถ้าอยากได้เป็นห้องนั่งทำงานแบบจริงจัง ก็มีให้เลือกหลายห้องวางโต๊ะไว้ขนาด 4-5 ที่นั่ง พร้อมจอทีวีให้เรียบร้อย เพื่อรองรับการใช้งานของน้องๆ นักศึกษาได้อย่างเพียงพอ
หรือหากต้องการได้ห้องใหญ่กว่านี้ก็มี Meeting Lounge อีก 2 ห้อง รองรับได้ห้องละ 6-8 คนเลยทีเดียว และจอทีวีเผื่อสำหรับขึ้นสไลด์หรืออยากนำเสนองาน
ตรงกลางสามารถเลื่อนเปิดให้เป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งก็จะจุคนได้ไม่ต่ำกว่า 10-15 คนเลยครับ
จากนั้นขึ้นไปต่อยังดาดฟ้าชั้นบนสุดของอาคาร A เป็นส่วนของสวนนั่งพักผ่อนบนดาดฟ้า มี Sky Terrace และ Sky Cinema ให้มานั่งชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งตอนเย็นน่าจะอากาศดีไม่น้อย นอกจากนี้ยังมี Kave Viewpoint จุดชมวิวที่ยื่นออกมาจากอาคาร
จบส่วนกลางจากอาคาร A ก็ไปดูอาคาร B กันต่อครับ คราวนี้เป็นโซนพักผ่อนหรือรีแลกซ์ ไล่เรียงตั้งแต่ชั้นล่าง ที่ให้ความสูงแบบ Double Volume จัดมุม Sharing Lobby ไว้ให้ส่วนหนึ่งสำหรับนั่งพัก
แต่จุดเด่นจะอยู่ที่ชั้น 2 ที่แบ่งออกไปยังโซนกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Fun Space พื้นที่สำหรับนั่งเล่นนั่งพูดคุยกันได้เต็มที่
มุมต่อมาคือ Board Game Area ซึ่งจัดมาให้หลากหลายที่นั่งมากจริงๆ
ตรงนี้จัดโซฟาพร้อมทีวีไว้ให้ด้วยครับ
รวมถึงยังมีโต๊ะพูล และแอร์ฮอกกี้ ไว้ให้เล่นกันกับเพื่อนฝูงหรือลูกบ้านได้อย่างสนุกสนาน
ไม่หมดครับเพราะยังมีอีก 3 ห้องให้เราได้เพลิดเพลินกันอย่าง Console & VR Room เล่นเกมได้แบบจัดเต็มไม่ต้องกลัวรบกวนคนอื่น
ถัดมาคือ Music Studio จะเล่นดนตรีดังแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นห้องเก็บเสียง พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องดนตรีมาให้แบบเล่นได้เลย
ติดกันเป็น Kave Theater เปลี่ยนบรรยากาศในการดูหนังดูซีรีส์ ที่มีทั้งโซฟาและแบบโซฟาเบดให้เราเลือกนั่งเลือกนอนตามใจชอบ
ทั้งนี้อาคาร B ได้จัดสวนไว้นั่งพักผ่อนเพิ่มเติม ที่บริเวณชั้น 2, 5 และ 7
Facilities สุดท้ายอยู่ที่อาคาร C ครับ คือกระจายส่วนกลางได้เป็นอย่างดีมีอยู่ทุกอาคาร ซึ่งจะเป็นโซน Active เน้นกิจกรรมออกแรงและสังสรรค์ เริ่มที่ชั้น 2 ถ้าใน Indoor จะมี Co-Kitchen เปรียบเหมือนครัวกลาง จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวให้ครบครัน
เชื่อมต่อไปยัง KAVE Cafe พื้นที่นั่งดื่มกาแฟ กินขนม แม้แต่กินข้าว หรือปาร์ตี้เบาๆ ก็สามารถทำได้ครับ
ติดกันเป็นส่วนของสายรักสุขภาพกันบ้าง ทั้ง Fit Studio พื้นที่สำหรับเล่นโยคะ
หรือถ้าอยากออกกำลังกายอย่างอื่นก็มี The Gym ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ ที่เตรียมเครื่องออกกำลังกายไว้ให้หลากหลายชนิด
ต่อด้วย Health Station โซนสำหรับตรวจเช็กสุขภาพร่างกายเบื้องต้น เป็นคอนเซ็ปต์ของ Tele Medicine นัดปรึกษากับคุณหมอได้ด้วยตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้สำหรับอาการเข็บป่วย เล็กๆ น้อยๆ
สำหรับ Outdoor ก็ต้องยกให้สระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่มีทั้งส่วนว่ายออกำลังกายแบบจริงจัง และยังแบ่งเป็น Hydro Massage, Jet Pool และ Jacuzzi Seat ไว้นั่งแช่น้ำผ่อนคลายให้รู้สึกสดชื่น
และยังมี Botanic Garden สวนหย่อมให้นั่งพักผ่อนสบายอารมณ์
สุดท้ายอีกหนึ่งไฮไลต์ของส่วนกลางอยู่ที่ Outdoor ชั้นล่าง ที่เชื่อมต่อทั้ง 3 อาคารเข้าไว้ด้วยกัน คือสวนสีเขียวขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ พร้อม Misty Falls น้ำตกที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และให้พื้นที่ตรงนี้รู้สึกร่มเย็นมากยิ่งขึ้น
รวมถึงมี Hidden Bar พื้นที่ให้เราได้นั่งสัมผัสกับความร่มรื่นได้อย่างสบายตาสบายใจ
ถัดไปคือส่วนของ Valley Forest, Sunken Lawn และ The Common Ground พื้นที่ให้นั่งเล่นท่ามกลางสวนสีเขียว หรือจะทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ย่อมได้ครับ
เมื่อนับรวม Facilities ทั้งหมดแล้วมีมากถึง 32 ฟังก์ชันเลยทีเดียว คือรองรับกิจกรรมของน้องๆ นักศึกษาได้สบายๆ แบบเหลือเฟือเลยครับ