วันหยุดทำอะไรดีในย่านจรัญสนิทวงศ์…. เพื่อน ๆ คิดถึงอะไรกันคะ ? ต้องเล่าก่อนว่าย่านนี้เป็นย่านที่มีเสน่ห์ มีความผสมผสานวิถีชีวิตคนเมืองกรุงยุคใหม่บวกกับเสน่ห์ของวิถีชีวิตริมน้ำแบบดังเดิม เป็นย่านที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อย่านเศรษฐกิจชั้นในกรุงเทพฯ มีโซน Medical Hub อันดับหนึ่งของประเทศอย่างโรงพยาบาลศิริราช แต่ก็ยังคงมีบรรยากาศของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย Slow Life อย่างลงตัว

การอยู่อาศัยในโซนนี้จึงตอบโจทย์คนที่ต้องการความสะดวกสบาย แต่ยังอยากได้ความสงบ พักผ่อนจิตใจ ผ่อนคลายความรู้สึกจากการทำงานหนัก …. จะดีแค่ไหนนะ ถ้าเรามีพื้นที่ของตัวเองที่สามารถพักผ่อนเหมือน “วันหยุด” ได้ในทุก ๆ วัน

Yusabuy จะพาทุกคนไปชมโครงการ dcondo panaa (ดีคอนโด พนา) ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนกรุงเทพฯ ปี 2023 ที่ตั้งอยู่บนทำเลเดินทางสะดวก มีเสน่ห์ ฟังก์ชันภายในโครงการครบครัน บรรยากาศรีสอร์ท มาในราคาจับต้องได้เริ่มต้น 1.79 ล้านบาท*

ถ้าเริ่มสนใจแล้วตามมาได้เลยค่ะ Yusabuy จะพาทุกคนไปพักผ่อนวันหยุดกัน …

พาชมย่าน “จรัญสนิทวงศ์”

ที่แรกที่จะพาไปเที่ยวกันคือ ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำที่เดินทางไปสะดวกสบายที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะมีสถานี MRT บางขุนนนท์ ห่างออกไปเพียง 3 กิโลเมตร ที่นี่จะเป็นตลาดน้ำริมคลองชักพระ ที่เชื่อมมาจากคลองบางกอกน้อย ถึงแม้ที่นี่จะขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ได้บรรยากาศตลาดน้ำแบบเต็ม ๆ เลยค่ะ ที่นี่จะเปิดเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เวลา 7.30-16.00 น. Yusabuy จะพาไปชมภาพรวมกันว่าเป็นยังไง ตามมาได้เลยค่ะ

มาที่นี่ทีเดียวเหมือนยิงนกได้ 2 ต่อ เพราะว่ามีทั้งโซนตลาดน้ำตลิ่งชัน และ ตลาดน้ำสองคลอง ทั้งสองที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันค่ะ ตลาดน้ำตลิ่งชันจะได้ความรู้สึกตลาดน้ำที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน ส่วนตลาดน้ำสองคลองจะมีโซนร้านอาหารมากขึ้นเหมาะกับกลุ่มครอบครัว เลือกเดินกันได้ตามสะดวก

เดินมาหน่อยก็เจอบรรยากาศดี ๆ ริมน้ำแบบนี้เลย ให้ความรู้สึกย้อนยุคดีเหมือนกันนะคะ

นอกจากเป็นตลาดน้ำที่เดินทางมาสะดวกแล้วที่นี่ก็ยังมีทางรถไฟให้ชมด้วย ใครที่ไปชมก็ระวังรถไฟกันด้วยนะคะ

จุดเด่นของที่นี่คือสามารถหาอาหารและขนมที่เริ่มหายากในตัวเมืองทานได้ค่ะ สาย Foody น่าจะถูกใจสิ่งนี้

นอกจากร้านอาหารต่าง ๆ ระหว่างที่เดินไปก็จะเห็นเรือนักท่องเที่ยวผ่านไปมาตลอด ได้บรรยากาศดีค่ะ

ใครที่อยากนั่งเรือก็สามารถขึ้นตรงนี้ได้เลย

สาย Foody ก็ไม่จบง่าย ๆ แน่นอนค่ะ เพราะอาหารละลานตาทีเดียว

โซนนั่งทานอาหารก็จะมีทั้งแบบที่เป็นบนแพแบบนี้รับบรรยากาศตลาดน้ำเต็ม ๆ เรียกได้ว่าถ้ามาที่นี่จะได้ทั้งพักผ่อนวันหยุดแถมได้ของเต็มไม้เต็มมือแน่นอนค่ะ

ที่ต่อไป Yusabuy ขับรถมาทางศิริราช ก็จะเจอกับสถานีรถไฟธนบุรี หรือเดิมที่เรียกว่าสถานีบางกอกน้อย สถานีประวัติศาสตร์ของไทย เพราะที่นี่เป็นสถานีต้นทางของรถไฟสายใต้ และสายตะวันตกที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 เคยโดนระเบิดอย่างหนักไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ปัจจุบันมีหัวขบวนรถไฟเก่าให้ชม ใครที่อยากไประมัดระวังด้วยนะคะ เพราะยังมีรถไฟให้บริการอยู่

เลยมาอีกนิดที่ฝั่งศิริราช นอกจากจะเป็นฮับการแแพทย์ขนาดใหญ่แล้วที่นี่ยังมี พิพิธภัณฑ์ศิริราช ที่เป็นแหล่งความรู้ทั้งทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ให้ทุกคนได้เข้าชมกันค่ะ นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ที่ใช้พื้นที่เดิมของสถานีรถไฟธนบุรีเดิมมาเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ย่านบางกอกน้อยและการแพทย์แผนไทย ถือว่าเป็นโซนที่น่าไปชมอีกเช่นกันค่ะ

มาต่อกันที่แหล่งกิน-ช็อปยอดนิยมของย่านนี้กันค่ะ ที่ “วังหลัง” นอกจากที่ตรงนี้จะเป็นท่าน้ำที่คนเข้ามาใช้งานกันเยอะแล้วยังมีทั้งร้านอาหารชื่อดัง ร้านเสื้อผ้า ราคาไม่แรงให้เลือกซื้อกัน

ร้านดัง ๆ ของโซนนี้ก็จะมีทั้ง อำนวยไอศรีมเฮาส์ ที่คนแน่นร้านเลยค่ะ

ร้านสายไหมก็คนเยอะเช่นกัน ร้านนี้มีทั้งอาหารและของหวาน

วังหลัง เบเกอรี่ ก็มีคนต่อแถวยาวมาถึงหน้าร้านเลยค่ะ

เดินมาอีกนิดก็จะเจอท่าเรือวังหลังจะข้ามฝากไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือศิลปากรก็ได้ เป็นอีกจุดที่สามารถเชื่อมต่อได้หลายที่

โซนท่านี้ก็มีร้านชา-กาแฟดูวัยรุ่นขึ้น น่าเข้าอยู่เหมือนกันนะคะ

สำหรับสายบุญเลยจากโซนศิริราชมาหน่อยก็จะเจอกับวัดชื่อดังไม่ว่าจะเป็นวัดระฆัง และ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร(ณ วันที่เขียนรีวิวมีการปรับปรุงบางส่วน) หรือจะนั่งเรือข้ามฝั่งไปชมวิววัดอรุณยามเย็นก็ถือว่าเป็นไฮไลท์ของกรุงเทพฯ ที่ใครมาก็ต้องมาดูซักครั้งค่ะ

สำหรับนักช็อปแถวนี้ก็มีห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่มีการปรับปรุงใหม่ไปแล้วร้านค้าภายในครบครันทันสมัย ใช้เวลาเดินทางจากโครงการประมาณ 10 นาที หรือใครที่อยากไปห้างใหญ่อย่างไอคอนสยามก็มีรถประจำทางแถวโครงการไปส่งและสามารถนั่งเรือไปได้เช่นกันค่ะ

ให้ทุกวันเป็นเหมือนการพักผ่อนวันหยุดที่ “ดีคอนโด พนา”

ท่องเที่ยวย่านนี้ไปแล้ว หลายคนน่าจะได้รับบรรยากาศย่านที่ดูสบาย ๆ ได้ความรู้สึกย้อนยุค เรียกได้ว่าไปย่านที่มีเสน่ห์มากทีเดียว จะดีแค่ไหนกันถ้าเราสามารถใช้ชีวิตทำงานแบบคนเมืองได้เต็มที่แต่ก็มีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เหมือนอยู่รีสอร์ท โครงการ dcondo panaa น่าจะเป็นคอนโดมิเนียม จากแสนสิริ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ให้ทุกวันเป็นเหมือนวันหยุดเลยค่ะ

มาเริ่มต้นทำความรู้จักโครงการ ดีคอนโด พนา กันดีกว่า โครงการนี้จะเป็นคอนโดมิเนียม Low-Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร บนที่ดินขนาด 4 ไร่กว่า ๆ  เป็นโครงการที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการ ดีคอนโด ธาร-จรัญ ที่ขายหมดไปแล้ว ภายในโครงการมีจำนวน 541 ยูนิต

เข้ามาที่โครงการก็จะเจอดีไซน์ที่ใครเคยดูโครงการดีคอนโดมาบ้างก็จะรู้สึกคุ้นเคยค่ะ ตัวอาคารดูโมเดิร์นเน้นเส้นสายที่เรียบง่าย โครงการนี้จะเป็นโทนสี เทา-น้ำตาล ตัดด้วยสีส้มสร้างความโดดเด่นให้กับตัวอาคาร ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่ได้มาตรฐานตามแบบแสนสิริเลยค่ะ ไม่ว่าจะเข้าด้วยรถยนต์หรือเดินเท้าเข้ามาก็จะต้องผ่านระบบความปลอดภัย

เมื่อผ่านระบบรักษาความปลอดภัยก็จะเจอกับ Drop-Off แบบนี้ หน้าฝนก็ไม่ต้องห่วงสามารถเดินผ่านทางเชื่อมหลัง Drop-Off เพื่อเข้าอาคารได้เลย

ทำเลโครงการ ดีคอนโด พนา

โครงการ ดีคอนโด พนา ตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เป็นเส้นที่เชื่อมถนนบรมราชชนนีกับถนนจรัญสนิทวงศ์บริเวณแยกบางขุนนนท์ และเชื่อมต่อเข้าสู่ศิริราชได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องไปผ่านรถติดย่านปิ่นเกล้า ถนนเส้นนี้เป็นถนนตัดใหม่ที่วิ่งง่าย ถนนดี ไม่วุ่นวาย ใกล้ ๆ กับโครงการจะมีที่จอดรถสำหรับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลศิริราช มีรถรับส่งไปยังโรงพยาบาล จึงไม่แปลกที่ทำเลนี้ได้รับความนิยมจากคนที่ทำงานในโซนศิริราช รวมถึงข้ามเรือไปเชื่อมต่อฝั่งท่าพระจันทร์

แต่ถ้าอยู่ในโครงการ dcondo panaa ก็สะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะมี Shuttle Bus รับส่ง MRT บางขุนนนท์ 3 นาทีถึง และศิริราช เพียง 5 นาทีถึง*  บรรยากาศของโครงการค่อนข้างจะได้ความสงบร่มรื่นเมื่อเทียบกับคอนโดใกล้สถานี MRT โครงการอื่น

บริเวณแยกบางขุนนนท์ถือเป็นอีกโซนย่านอาหารอร่อย นอกจากตลาดน้ำในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์แล้ว ก็ยังมีร้านอาหารที่ติดอันดับต้องลองชิมมากมาย อย่างก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ เจ้าต้นตำรับบางขุนนนท์ นี่ก็ติดอันดับ Michelin star ติดต่อกันมาหลายปี

ภาพรวมของทำเลนี้จึงถือว่าน่าสนใจเลยค่ะ เพราะเป็นย่านที่มีการผสมผสานวิถีชีวิตคนเมืองยุคใหม่กับกลิ่นอายกรุงเทพฯ แบบดั้งเดิมไว้ การเชื่อมต่อสู่ตัวเมืองชั้นในก็สบาย ๆ เพราะรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็น Loop Line ที่ผ่านจุดสำคัญในกรุงเทพฯ แทบจะครบทุกย่านทำให้เรื่องการเชื่อมต่อหายห่วงได้เลย เรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ยิ่งง่ายเลยค่ะ เพราะสามารถเชื่อมต่อสู่เส้นหลักได้ไม่ว่าจะเป็นจรัญสนิทวงศ์ หรือบรมราชชนนีออกสู่วงแหวนรอบนอก หรือว่าจะขึ้นทางพิเศษประจิมรัถยาบริเวณถนนราชพฤกษ์และตลิ่งชันเข้าจตุจักรก็ได้เช่นกัน

ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็ถือว่าครบครัน มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า, Major Cineplex ปิ่นเกล้า, โลตัส ปิ่นเกล้า ที่อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนักค่ะ

*ข้อมูลระยะเวลาเดินทางอ้างจริงจากโครงการ*

ตลาดไชยทิศจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากมีร้านต่าง ๆ แล้วรถที่ให้บริการตรงนี้ยังให้บริการถึงไอคอนสยามเลยค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางโครงการ ดีคอนโด พนา

พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ ดีคอนโด พนา จะอยู่ที่บริเวณตรงกลางระหว่างทั้ง 2 อาคาร  เป็นพื้นที่ที่เหมือนกับ Court ตรงกลาง เพิ่มมุมมองสวนสวยให้แก่ผู้อยู่อาศัยในห้องฝั่งหันเข้าสวนค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยให้ห้องตำแหน่งด้านในได้รับแดดและลมเพื่อการระบายอากาศที่ดีอีกด้วย เนื่องจากตัวอาคารเป็นรูปตัว L ทั้งสองอาคารมีช่องว่างระหว่างอาคารทำให้มีพื้นที่ให้ลมเข้ามาจากทางทิศเหนืออีกจุด โดยค่าส่วนกลางที่นี่เริ่มต้น 49 บาท/ตร.ม.

ทางเข้า โครงการจะมี 2 ทางเป็นทางรถยนต์และทางเท้า ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 จุด เมื่อผ่าน Drop Off จะเจอกับทางเดินภายในอาคารแบบนี้ค่ะ แค่ทางเดินก็ดูบรรยากาศดีทีเดียว

โซนแรกที่จะพามาชมกันคือ ล็อบบี้ อาคาร A ค่ะ พื้นที่ตรงนี้จะเป็นโซนรับรอง เห็นวิวสวน

เป็นจุดที่สามารถเดินเข้ามาจาก Drop Off  แขกสามารถมานั่งรอได้แต่ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ดค่ะ

มุมนั่งรอมีหลายที่นั่งเลยค่ะ ใช้โทนสีร้อนดูอบอุ่น รับแขก สายโซเชียลมานั่งโซนนี้ก็ได้มุมถ่ายรูปสวย ๆ แน่นอน

พื้นที่ด้านหลังตรงนี้จะมี Vending Machine อยู่ 2 เครื่อง กดได้ทั้งเครื่องดื่มและอาหารเลยค่ะ

มาต่อที่ล็อบบี้ B กันค่ะ โซนนี้จะเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำชัดเจน สามารถเข้าได้จากทางที่จอดรถและ Drop Off

ใครอยากพก Laptop มานั่งทำงานในสวนก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกันค่ะ

ห้องออกกำลังกายของที่นี่ก็สามารถรองรับการใช้งานประมาณ 8 คนสบาย ๆ ค่ะ มีทั้งพื้นที่ Cardio และ Weight Training ชมวิวสระว่ายน้ำไปด้วยได้

Co-Working Space สำหรับห้องนี้มีพื้นที่สำหรับทำงานจริงจัง หรือจะนั่งทำงานสบาย ๆ ก็ได้เลยค่ะ ห้องขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถรับรองได้ประมาณ 20 คนเลยนะคะ มีช่องชาร์จไฟรองรับหลายจุด

ห้องนี้ออกแบบมาด้วยโทนสีร้อนให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น แต่ก็ไม่ง่วง สีสันตัดกับพื้นที่สวนด้านนอกดีค่ะ

Sansiri Backyard โซนสวนที่นอกจากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โครงการแล้ว พื้นที่ตรงนี้ยังเป็นช่องว่างระหว่างอาคารที่ทำให้ลมผ่านเข้ามา Court ตรงกลางนี้อีกด้วยค่ะ

มากันที่ไฮไลท์ของโครงการนี้เลยกับพื้นที่สระว่ายน้ำตรงกลางที่เหมือนกับ Oasis เลยค่ะ

ทางลงสระจะเป็นคนละแนวกับสระสร้างความน่าสนใจ

ใครที่กังวลว่าข้างนอกจะมองเห็นมั้ย สบายใจได้ค่ะ เพราะมีระแนงสร้างความเป็นส่วนตัวให้อยู่

ขอบสระจะเป็นแบบน้ำล้น มุมฝั่งนี้จะมีที่นั่งเอนตัว เป็นเชือกสีส้มสดใสแบบนี้หลายคนน่าจะเคยเห็นกันมาบ้างเวลาไปรีสอร์ทริมทะเล

วันที่ทีมงานไปมาท้องฟ้าสดใสมาก ทั้งสระว่ายน้ำ สวน และท้องฟ้า บรรยากาศดูสบาย ๆ สดชื่นสายตา

มีมุมนั่งพักผ่อนริมสระ หลายจุด ใครที่เป็นสายโซเชียลก็มีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ เหมือนอยู่รีสอร์ททุกวันเลย

แบบห้อง โครงการ ดีคอนโด พนา

ภายในโครงการ dcondo panaa จะมีห้องพักทั้งหมด 2 แบบ คือแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26-54 ตร.ม. มาในรูปแบบ Fully Furnished ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.5 เมตร เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัย 2-4 คน หน้าตาห้องจะเป็นยังไงตามมาดูกันได้เลยค่ะ

1 Bedroom

ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26-27.50 ตร.ม.

มาเริ่มกันที่ห้องแรกขนาดเริ่มต้น 1 ห้องนอนกันค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องที่จัดแปลนมาแบบเรียบง่าย ใช้งานสะดวก โซน Pantry จะอยู่ที่ฝั่งทางเดิน มีประตูบานสไลด์ 3 ตอนไว้กั้นพื้นที่ใช้งาน ส่วนของห้องน้ำก็จะอยู่ฝั่งด้านหน้าห้องเช่นกันค่ะ พื้นที่โซนห้องนอน-นั่งเล่นก็จะเป็นโซนที่มีความกว้างมากขึ้น สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งนั่งพักผ่อน- ทำงาน-นอนหลับ-แต่งตัว ขนาดกำลังดีคู่รักก็สามารถใช้กันสองคนได้สบาย ๆ โซนระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าและออกไปตากผ้าได้ค่ะ

มาชมห้องตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ เปิดเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางรองเท้าที่ทางโครงการให้มาแล้วเรียบร้อย ห้องฝั่งขวามือที่เห็นจะเป็นห้องน้ำค่ะ

จากมุมนี้ก็จะเห็นว่าโซนนี้ไม่ได้เล็กเลยค่ะ ชุดครัวที่ได้ก็จะเป็นประมาณนี้ ไม่ได้มีเตามาให้ตามสไตล์คนยุคใหม่ที่ไม่ค่อยทำอาหารกันพื้นที่บนเคาน์เตอร์ก็จะไม่รก ใช้เป็นเตาไฟฟ้าไปครั้งคราวช่วยประหยัดพื้นที่วางของบนเคาน์เตอร์มากกว่า

เห็นชุดครัวประมาณนี้แต่ก็เก็บของได้พอสมควรเลยนะคะ

ชั้นวางรองเท้าที่มาพร้อมกับห้องก็จุพอสมควรเลยค่ะ

ห้องน้ำที่นี่ทำมาในโทนสีสะอาดตา ทำความสะอาดง่าย มีพื้นที่วางของใช้ที่ด้านหลังตรงโซน Shower วางของใช้ได้เยอะเลยค่ะ มีการแยกโซนเปียกโซนแห้งมาเรียบร้อยไม่ต้องไปหามาติดตั้งเพิ่มเติม โดยสุขภัณฑ์ของที่นี่จะใช้เป็นยี่ห้อ Bathline

มาต่อกันที่โซนด้านใน เมื่อเข้ามาจะเจอกับตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ 3 ตอนแบบนี้เลยค่ะ ด้านขวาจะเป็นชุดโซฟา Love Seat 2 ที่นั่งเอาไว้ดูหนัง-นั่งทำงาน สบาย ๆ ใครที่อยากหาสตูลมาวางขาเพิ่มก็ได้เช่นกัน

พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูก 2 คนอยากให้มาอยู่ด้วยกันจะเปลี่ยนเป็น Sofa Bed ก็ได้ค่ะ

ระยะจากที่นอนตรงนี้เหมาะกับคนที่ชอบนอนดูหนังเลยค่ะ

มุมนี้ถือว่าเป็นมุมสบาย ๆ ที่สามารถเข้ามานั่งทำงานชมวิวสวนข้างล่างคอนโดฯ ไปด้วยค่ะ

เตียงที่ได้ในห้องนี้จะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ค่ะ

มุมมองจากหลักห้องก็จะเห็นว่าขนาดห้องกระทัดรัดแต่ฟังก์ชันครบทีเดียวค่ะ โดยห้องจะได้ เตียง, ตู้เสื้อผ้า, ชุดโต๊ะทำงาน, Sofa, ชั้นวางรองเท้า, Pantry และ ตู้วางทีวี เรียกได้ว่าเก็บเสื้อผ้าก็พร้อมเข้าอยู่เลยค่ะ

ระเบียงขนาดไม่เล็กจนเกินไปวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้ค่ะ

2 Bedroom

ขนาดพื้นที่ใช้สอย 53.75-54 ตร.ม.

มาต่อกันที่แบบห้องขนาดใหญ่ขึ้นกันบ้างค่ะ สำหรับแบบ 2 ห้องนอน จะมีเพียง 17 ยูนิต เหมาะกับครอบครัวที่อยู่กัน 2-4 คน อยู่ได้สบาย ๆ แบบแปลนของห้องนี้ก็ออกแบบมาได้เป็นสัดส่วนสามารถใช้งานได้จริง เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ได้พื้นที่ใช้งานร่วมกันแบบเต็ม ๆ โดยโซนด้านหน้าจะมีพื้นที่ครัวปิดอยู่ที่โซนทางเข้าห้องอีกด้วยค่ะ พื้นที่ครัวสามารถวางเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย โดยโซนห้องนั่งเล่นจะมีสำหรับทานอาหารเป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง เมื่อเดินเข้าไปตรงฝั่งห้องนอนจะมีห้องน้ำที่สามารถเข้าใช้งานได้จากพื้นที่ส่วนรวม ภายในห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเต็มที่เช่นกัน

มาชมห้องตัวอย่างจริงกันค่ะ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ด้านหน้าที่กว้างขวางทีเดียว นอกจากนี้ยังได้รับแสงธรรมชาติจากระเบียงทำให้ห้องนี้ดูโปร่งค่ะ

สำหรับหน้าตาเคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom ฟังก์ชันการใช้งานเหมือนกันไม่มีเตาไฟฟ้ามาให้แต่ก็สามารถใช้เป็นแบบพกพาเพื่อประหยัดพื้นที่ได้เช่นกัน ห้องนี้จะมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้ามาเรียบร้อยไม่ต้องตากแดดที่ระเบียง

มุมขวามีชุดชั้นวางรองเท้าเป็นระเบียบเลยค่ะ โดยแบบห้อง 2 ห้องนอนจะได้ชั้นวางที่ขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากที่วางรองเท้ายังได้พื้นที่เก็บของทรงสูงอีกจุด

ชุดโต๊ะทานข้าว 4 ที่นั่งก็มีมาให้พร้อมใช้งานเลยค่ะ นั่งทานข้าวหรือจะทำงานก็ได้เช่นกัน

โซฟาตรงนี้จะเป็นแบบ 3 ที่นั่ง ระยะประมาณนี้วางทีวี 50-65 นิ้วได้เลยค่ะ

จากมุมนี้จะเห็นห้องน้ำที่อยู่ฝั่งซ้ายสามารถเดินเข้าได้จากห้องนั่งเล่น เวลามีแขกมาบ้านก็ไม่อึดอัดใจค่ะ

มุมมองจากโซนระเบียงจะเห็นพื้นที่ลึกที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้หลายคนสบาย ๆ ค่ะ

ติดกันกับห้องนั่งเล่นก็จะเป็นห้องนอนแรกค่ะ จะเรียกว่าเป็นห้องนอนเล็กก็ไม่ได้เพราะว่าใส่เตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ๆ

ภายในห้องมีทั้งเตียงและตู้เสื้อผ้ามาพร้อมใช้งาน ขนาดประมาณนี้ครอบครัวที่มีลูกเล็กก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องขยับขยายเลยค่ะเพราะอยู่ได้จนโต

เตียงที่ได้จะเป็นขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า 2 บาน ค่ะ

ออกจากห้องนอนก็สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้เลย

ห้องน้ำห้องนี้ก็เป็นแบบ Full Function ไม่ใช่พาวเดอร์รูมสามารถเข้าห้องน้ำอาบน้ำได้ แยกโซนเปียกโซนแห้งมาแล้วเรียบร้อยค่ะ

มาที่ Master Bedroom ห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัว ได้ตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ และเตียงขนาด 6 ฟุตค่ะ

ด้านข้างเตียงจะได้มุมแต่งตัวเบา ๆ แบบนี้เลยค่ะ

มุมมองจากฝั่งหน้าต่างก็จะเห็นห้องยาว ได้พื้นที่ทั้งฝั่งเต็ม ๆ ตามฉบับ Master Bedroom

แปลนห้องน้ำจะเหมือนกับอีกห้องเลยค่ะ จะได้ความกว้างเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ห้องน้ำที่นี่ติดเครื่องทำน้ำร้อนก็พร้อมใช้งานเลยค่ะ

ทำไมต้องให้ทุกวันเป็นวันหยุดที่ “ดีคอนโด พนา”

โครงการ dcondo พนา เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise จากแสนสิริที่ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท* มาพร้อมบรรยากาศรีสอร์ทสบาย ๆ ดีไซน์โมเดิร์น น่าอยู่อาศัย ได้ฟังก์ชันครบ พื้นที่ใช้งานที่ขนาดกำลังดี ไม่ว่าจะทั้งกลุ่มคู่รัก หรือ กลุ่มครอบครัว พื้นที่ส่วนกลางได้สวนเขียวขนาดใหญ่เป็นคอร์ทตรงกลาง พร้อมสระว่ายน้ำที่ภาพรวมบรรยากาศดูร่มรื่นน่าใช้งาน และยังได้ระบบรักษาความปลอดภัยจัดเต็มจากแสนสิริ

ในด้านทำเลของโครงการนี้นอกจากจะเป็นทำเลที่มีเสน่ห์ชัดเจน เรื่องความสะดวกสบายก็เรียกว่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้าตัวเมือง การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกสบาย มีตัวเลือกในการเดินทางให้กับผู้อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันไม่ว่าจะเป็นตลาด, ห้างสรรพสินค้า, แหล่งงาน, แหล่งการศึกษา เรียกได้ในระยะทางเดินทางประมาณ 30 นาทีมีทุกอย่างครบ แต่ได้ความสงบจากถนนที่ตั้งโครงการ

โครงการนี้เหมาะกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และนิสิตที่ศึกษาในโซนศิริราช ท่าพระจันทร์ รวมไปถึงผู้ที่ทำงานในเส้นบางขุนนนท์ กลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนจากการเช่าอยู่อาศัยมาเป็นซื้อ หรือกลุ่มนักลงทุน เนื่องจากเป็นทำเลที่มี Demand อยู่ตลอด อัตราการปล่อยเช่าค่อนข้างดี หรือผู้ที่ต้องการคอนโดฯ ในราคาประมาณ 68,000 บาท/ตร.ม.

ข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเยี่ยมชมโครงการ

ลงทะเบียน : คลิกที่นี่
Line OA : คลิกที่นี่
Map : คลิกที่นี่