นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ผู้บริหารบริษัท Land & Houses เปิดแผนธุรกิจปี 61 ลุยเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มูลค่ารวม 36,300 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ล้านบาท ตั้งงบลงทุนปีนี้ที่ 13,000 ล้านบาท ใช้ในการซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และลงทุนด้านธุรกิจให้เช่าอีก 6,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 31,000 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 26,000 ล้านบาท มียอดโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 33,000 ล้านบาท ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า ทาง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท
ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย
สำหรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัย ได้แก่
- บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 68%
- ทาวน์เฮ้าส์ 9%
- คอนโดมิเนียม 23%
หากแบ่งตามสัดส่วนระดับราคา ได้แก่
- ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท 1%
- ราคา 2-4 ล้านบาท 17%
- ราคา 4-6 ล้านบาท 21%
- ราคา 6-10 ล้านบาท 17%
- ราคา 10-25 ล้านบาท 21%
- ราคามากกว่า 25 ล้านบาท 23%
ซึ่ง 8 โครงการที่จะเปิดตัวในครึ่งปีแรก ได้แก่
- The Room สุขุมวิท 38 ที่ดิน 2.3 ไร่ 229 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 14 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,900 ล้านบาท
- The Room พญาไท ที่ดิน 2.6 ไร่ 437 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 8.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท
- The Ease พระราม 2
- Villaggio บางนา
- Villaggio อยุธยา
- Villaggio เชียงใหม่
- มัณฑนา อ่อนนุช-วงแหวน 5
- Indy 2 ศรีนครินทร์
ส่วนในครึ่งปีหลัง มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวอีก 1 โครงการ คือ The Key เพชรเกษม บนที่ดิน 3.8 ไร่ 621 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ทาง Land & Houses ได้นำเสนอเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเป็น Application IDesign และ Smart Catalog เพื่อให้ลูกค้าได้ออกแบบห้องเอง และเห็นเป็นภาพ 3 มิติ และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้าน ด้วยเทคโนโลยี Pro License Plate แสกนป้ายทะเบียนลูกบ้าน และ Face Detection เป็นกล้องตรวจจับใบหน้าพนักงานและคนงานในโครงการ
ธุรกิจให้เช่าของ Land & Houses
ในส่วนของในตลาดธุรกิจให้เช่าปีที่แล้ว นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กล่าวว่า ธุรกิจส่วนนี้ทำรายได้รวมให้กับกับบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประมาณ 3,700 ล้านบาท ในปีที่แล้ว ซึ่งมาจากส่วนของโรงแรม ที่มีห้องให้บริการ 2,000 ห้อง, Shopping Mall ที่ Terminal 21, และการลงทุนในต่างประเทศเป็นการซื้อ Apartment 5 ตึกในย่าน Silicon Valley แหล่งออฟฟิศที่สำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ปลายปีที่แล้วใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ไป 17,000 ล้านบาท มีรายได้จากการให้เช่าในต่างประเทศ 900 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลประโยชน์จากนโยบายลดภาษีของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐที่เพิ่งประกาศใช้ปลายปีที่แล้ว
ส่วนในปี 2561 จะใช้เม็ดเงินลงทุนกับธุรกิจให้เช่า 6,000 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการลงทุนในประเทศ หนึ่งในนั้นคือ Terminal 21 พัทยา ที่คาดว่าจะเปิดให้ตัวประมาณเดือนตุลาคมปีนี้ ส่วนที่ดินสวนชูวิทย์ พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ เซ็นต์สัญญาเซ้งเช่าที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นการออกแบบและขออนุญาต จะแบ่งพื้นที่สำหรับทำเป็นโรงแรม ออฟฟิศ และรีเทล มูลค่าการลงทุนประมาณ 6-7 พันล้านบาท
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทาง Land & Houses จะออกหุ้นกู้ ระยะเวลา 3 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการระดมทุนของปีนี้