“ห้าแยกลาดพร้าว” เป็นทำเลสำคัญที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองกับพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน  เนื่องจากเป็นจุดตัดของถนนหลัก 3 สาย  ได้แก่ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว  มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันแทบในทุกมิติ  ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชอปปิงไลฟ์สไตล์,  รถไฟฟ้า BTS MRT  รวมถึงสวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่  ทำให้ห้าแยกลาดพร้าวกลายเป็นทำเลที่ดีเวลลอปเปอร์เจ้าใหญ่แข่งขันกันพัฒนาคอนโดอย่างดุเดือด  มีดีมานด์ความต้องการคอนโดเพิ่มขึ้นตลอดทั้งการอยู่อาศัยเองและการลงทุนจน

ปลายปีนี้ทาง Major Development เปิดตัวคอนโดใหม่ล่าสุด  “Metris District Ladprao (เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว)”  ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากคอนโดมิเนียมโครงการก่อนหน้าที่ทางเมเจอร์พัฒนาในโซนนี้ทั้ง M Ladprao และ Metris Ladprao ครับ  แน่นอนว่าความน่าสนใจของ Metris District Ladprao ยังคงเป็นคอนโดที่เป็น Pet Friendly ตามแบบฉบับของเมเจอร์  รวมถึงยังมีการพัฒนาต่อยอดโปรดักต์และฟังก์ชันการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบ Next Normal ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคด้วยครับ

Metris District Ladprao  กำลังจะเปิดให้จองแบบ Online ครั้งแรกในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้  ทีมงานจึงไปเก็บรวบรวมข้อมูลในประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจของคอนโด เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว มาฝากกันในบทความนี้ครับ

“ห้าแยกลาดพร้าว แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ เชื่อมต่อทุกการเดินทาง”

ห้าแยกลาดพร้าวเป็นจุดที่มีความสะดวกสบายในการเดินทางและการใช้ชีวิตมาก  เพราะนอกจากมีถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าวมาบรรจบกันแล้ว ยังเป็นจุด Interchange Station ของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว กับ MRT สายสีน้ำเงิน รวมถึงมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังก่อสร้างอยู่ในระยะไม่ไกลอีกด้วยครับ

พื้นที่โซนนี้จึงกลายเป็นแหล่งงานและเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่กรุงเทพโซนเหนือที่เชื่อมต่อออกมาจากใจกลางเมือง  เพียบพร้อมด้วยศูนย์การค้าและ hyper market ขนาดใหญ่  ร้านอาหารอร่อยๆ ทั้งในและนอกห้าง  อาคารสำนักงานและภาคธุรกิจต่างๆ   เป็นจุดที่มีการเดินทางสัญจรไปมามากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ  รวมถึงยังมีพื้นที่สวนสาธาณะขนาดใหญ่ที่เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ  อย่างสวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์  และสวนรถไฟครับ

Skywalk อำนวยความสะดวกในการเดินเชื่อมต่อศูนย์การค้าและรถไฟฟ้า

พื้นที่สวนจตุจักรเป็นพื้นที่สีเขียวที่ช่วยเพิ่มมิติด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของคนเมืองได้ดีทีเดียวครับ

ด้วยปัจจัยด้านโลเคชั่นทำให้ลาดพร้าวตอนต้นเป็นฮับศูนย์รวมของอสังหาฯ ทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งชอปปิง และแหล่งงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมอยู่ครบถ้วน  ทำให้ราคาที่ดินของลาดพร้าวตอนต้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอด  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในโซนนี้ที่จัดว่าเป็นทำเลทองเพราะมีดีมานด์ทั้งจากคนที่ซื้ออยู่เองและซื้อลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว  หรือซื้อเก็บเป็นทรัพย์สินเพื่อให้ได้ capital gain จากส่วนต่างมูลค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นตามเวลาครับ

ที่ตั้งของ Metris District Ladprao อยู่ปากซอยลาดพร้าว 6 ติดกับคอนโด Metris Ladprao โครงการแรกที่สร้างเสร็จแล้ว  ตัวโครงการอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน ได้สะดวกมาก  ห่างประมาณ 230 เมตร เท่านั้น  รวมถึงสามารถเดินทางไปศูนย์การค้าขนาดใหญ่รอบโครงการได้ง่ายมาก  ไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์ รวมไปถึง บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว  และ โลตัส ลาดพร้าว ครับ

เซ็นทรัล ลาดพร้าว  ใกล้โครงการแบบเดินไปได้

ยูเนี่ยนมอลล์

MRT สถานีพหลโยธิน เป็นสถานีใหญ่  มีทางออก 5 ประตู  ถ้ามาโครงการ Metris District Ladprao จะต้องออกประตู 1  โดยระยะทางแค่ 230 เมตร จากรถไฟฟ้าใช้เวลาเดินชิลล์ ไม่เร่งรีบ 4-5 นาที ก็ถึงแล้วครับ

ที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดกับ Metris Ladprao ตึกสีเขียวในรูป ก่อนถึงโครงการมีเซเว่นขนาดใหญ่แวะซื้อของก่อนกลับคอนโดได้

พื้นที่ล้อมรั้วอยู่คือที่ตั้งโครงการ  ตอนนี้ Sale Gallery  อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  น่าจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างจริงๆ กันได้ช่วงต้นปีหน้าครับ

PROJECT  WALKTHROUGH 

ด้วยลักษณะของทำเลที่ตั้งโครงการที่มีความผสมผสานกันในหลากหลายมิติ  ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัย, ความสะดวกในการเดินทาง, ความหลากหลายในการจับจ่ายใช้สอย  อาหารการกิน  รวมถึงการพักผ่อนสันทนาการและการออกกำลังกาย  โครงการจึงใช้แนวคิด “Juxtaposition”  ซึ่งเป็นเทคนิคการออกแบบที่ใช้องค์ประกอบที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกันในที่เดียวกัน  มาตีความสร้างเอกลักษณ์และความน่าสนใจให้กับโครงการครับ

MAXIMAL FACILITIES

เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ใช้แนวคิด Maximal Facilities ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง  เน้นการใช้ประโยชน์สูงที่สุดเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของผู้อยู่อาศัยครับ  จาก Master Plan ของโครงการจะเห็นการวางแนวของตัวอาคารชิดริมด้านหนึ่ง  เพื่อเว้นระยะจาก Metris Ladprao โครงการแรกให้ได้มากที่สุด  พื้นที่ด้านหน้าจะมีสวน  Sensory Garden และ Multi Sport car park ครับ

(คลิกดูแปลนขยายได้ครับ)

พื้นที่ Sensory garden ที่อยู่ติดกับถนนใหญ่  ช่วยเป็น buffer ระหว่าง Metris District Ladprao กับ Metris Ladprao มีมุมนั่งเล่นพักผ่อนในสวน  ต่อเชื่อมไปกับส่วน Multi sport car park ด้านใน

Multi sport car park  สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งการเล่นบาส  หรือใช้เป็นที่จอดรถบางส่วนได้ 19 คัน เวลาที่พื้นที่จอดรถในอาคารเต็มได้ครับ

ด้านหลังของโครงการมี Pet Park จัดพื้นที่ไว้สำหรับน้องหมาน้องแมวได้มาวิ่งเล่นโดยเฉพาะ  ซึ่งเป็นจุดเด่นของโครงการในเครือเมเจอร์มาตลอดครับ  สำหรับคนที่หาคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้  เมเจอร์เป็นคอนโด Pet-friendly แบรนด์แรกที่ทุกคนต้องนึกถึงอย่างแน่นอน

พื้นที่ Double space lobby เพดานสูง 5.4 เมตร ที่เชื่อมต่อกับสวน  การออกแบบเลือกใช้วัสดุในส่วนนี้สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ Metris ที่เป็นงานออกแบบในรูปแบบของ Mid century modern design  ใช้เส้นสายที่มีความเรียบง่ายมาสร้างรูปทรงที่มีเอกลักษณ์  ลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป  มีการเล่นกับผิวสัมผัสของวัสดุที่แตกต่างกัน

พื้นที่ Co-working lounge จะเห็นการใช้สีสันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  มีการใช้วัสดุตกแต่งผสมผสานกันทั้งโลหะ  ไม้  และกระเบื้อง  นอกจากนั้นยังมีเก้าอี้สวยๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของงานออกแบบยุค Mid century modern โดยเฉพาะด้วยครับ

พื้นที่ส่วนกลางในโครงการ Metris District ลาดพร้าว  ออกแบบมารองรับวิถีชีวิตใหม่แบบ  NEXT Normal  โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาดและการลดการสัมผัส  ทางเข้าโครงการใช้ประตูอัตโนมัติ,  มีหลอด UVC สำหรับฆ่าเชื้อในห้องที่ส่งพัสดุ,  ลดการสัมผัสโดยใช้ลิฟต์แบบ Touchless ซึ่งตรงนี้ในช่วง COVID  คนที่อยู่คอนโดทุกคนคงทราบกันดีว่าเป็นจุดที่ต้องสัมผัสร่วมกันบ่อยที่สุด

นอกจากนั้นโครงการก็ยังเตรียม  Wireless Charger เอาไว้ในจุดสำคัญต่างๆ  ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้บริการกันได้  มี EV Charger ตามแบบฉบับของคอนโดยุคใหม่  ส่วนในห้องทุกยูนิตก็มีระบบ Home Automation ให้เป็นมาตรฐานครับ

พื้นที่ส่วนกลาง Roof top จะอยู่ที่ชั้น 42M – 45  โดยที่ชั้น 43 มี Sky pool ขนาดใหญ่  ส่วน Lap pool  ขนาด 25 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกพื้นที่สระเด็กให้ขนาด 3.6 x 3.3 เมตร ลึก 0.50 เมตร  รวมถึงมีส่วน Jacuzzi สำหรับแช่ตัวให้ด้วยครับ

พื้นที่ส่วน Panoramic Gym ออกแบบเป็นโถง Double space ใช้กระจกบานใหญ่แบบ Full Height  เปิดรับวิวได้เต็มตา

ชั้น 44 เป็นพื้นที่ส่วน Sky lounge นั่งชมวิวเมือง  ใช้การออกแบบในสไตล์ Mid century modern เช่นกัน

ชั้น 45 เป็นพื้นที่ Roof top มี Party Deck และ Sky Urban Farm สำหรับปลูกผักสวนครัวครับ

สำหรับส่วนยูนิตพักอาศัยจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้  มุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นมุมที่มองไปทางสวนจตุจักรนั่นเอง

NEW DESIGN ตอบโจทย์ NEXT NORMAL

ยูนิตแปลนของ Metris District Ladprao ทำมาจับกลุ่มวัยทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่  ทั้งกลุ่มคนโสดที่มีกำลังจับจ่ายสูง  และกลุ่มสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันแต่ยังไม่มีลูกและใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองเป็นหลักครับ

จุดที่น่าสนใจของการออกแบบแปลนโครงการนี้ก็คือแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน  ที่ดีไซน์เป็นห้องหน้ากว้างให้สามารถจัดสรรพื้นที่ส่วน Living area และ Dining area รวมไว้ด้วยกันครับ

แบบสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 23.7 – 24.8 ตร.ม.

แบบสตูดิโอเน้นเป็นห้องขนาดกะทัดรัดเหมาะกับคนโสดที่อยู่คนเดียว   เป็นห้องราคาเริ่มต้นของโครงการ  เน้นห้องนอนขนาดใหญ่มีพื้นที่ครัวและส่วนรับประทานอาหารแยกเป็นสัดส่วน  ถ้าอยู่คนเดียวสามารถใช้เตียง 3.5 ฟุต และวางโซฟาด้านข้างเตียงเพิ่มก็ได้ครับ

แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 28.0-31.8 ตร.ม.

โดยปกติแล้วแปลนแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 30 ตร.ม. +/- มักจะวางตำแหน่งของส่วน Living area และ Dining area ต่อกันเป็นแนวลึกเข้าไป  แต่การออกแบบแปลนห้องหน้ากว้างทำให้พื้นทั้ง 2 ส่วนสามารถรวมอยู่ด้วยกันได้   นั่งรับประทานอาหารพร้อมกับดูทีวีได้ตรงๆ  หรือจะใช้โต๊ะรับประทานอาหารเป็นโต๊ะทำงานเวลา Work From Home ก็ได้ครับ  เราจะสามารถใช้จอทีวีเป็นจอมอนิเตอร์เสริมขนาดใหญ่เวลานั่งทำงานจากบนโต๊ะก็ได้  ตรงนี้ผมมองว่าสามารถรองรับไลฟ์สไตล์แบบ Next Normal ของคนยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไปได้ดี   ทำงานที่ไหนก็ได้  มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดีครับ

การออกแบบแปลนห้องหน้ากว้างนอกจากจะได้ประโยชน์จากการจัดพื้นที่ Living และ Dining area แล้วยังทำให้ส่วนของห้องครัวกว้างขึ้น  และภายในห้องนอนสามารถวางโต๊ะทำงานและ sideboard ปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย

การออกแบบเพิ่มความกว้างห้องเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มีความยืดหยุ่น  สามารถวางโต๊ะทำงานหันหน้ามาทางทีวี หรือหันหน้าเข้าหากำแพงก็ได้  เพิ่มความยืดหยุ่นตามความต้องการใช้สเปซของแต่ละคนครับ  ห้องแบบนี้จะได้กระจกกั้นภายในเป็นกระจก Full Height ช่วยนำแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามา  ทำให้ภายในห้องไม่อึดอัด

แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ (พลัส) พื้นที่ใช้สอย 34.1 – 34.7 ตร.ม.

สำหรับแบบ 1 ห้องนอนพลัส จะมีการจัดฟังก์ชันที่แตกต่างออกไปจาก 1 ห้องนอน  โดยจะได้เป็นพื้นที่ครัวเปิด รวมอยู่กับส่วนพักผ่อนและส่วนรับประทานอาหารเลย  และจะได้พื้นที่ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา  ยูนิตแปลนแบบนี้เหมาะกับคนที่ต้องการฟังก์ชันที่เป็นห้องพิเศษแยกออกมา  เช่น  ต้องการพื้นที่ส่วนทำงานที่แยกออกมาจากส่วนพักผ่อนแบบไม่รบกวนกันครับ

พื้นที่ในห้องอเนกประสงค์ของแบบ 1 ห้องนอนพลัส  เป็นห้องที่ติดระเบียงด้านนอก  มีสเปซภายในที่สามารถใช้งานได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นงานหลักหรืออาชีพเสริม  รองรับความต้องการของคนยุคใหม่แบบ Next Normal ได้ดี

แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 42.0 – 42.6 ตร.ม.

ห้องแบบนี้จะเป็นห้องมุมด้านหน้าโครงการที่อยู่ติดถนนลาดพร้าว  ยูนิตแบบนี้จะได้ส่วนของ Living และ Dining area ขนาดใหญ่มาก  สามารถวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้  แยกครัวปิดเป็นสัดส่วนและมีระเบียงขนาดใหญ่  เป็นอีกหนึ่งยูนิตแปลนที่จัดออกมาได้ดี  ดูกว้างขวาง  ใช้พื้นที่ต่างๆ ได้คุ้มค่าทีเดียวครับ

นอกจากนั้นโครงการยังมีแปลนให้เลือกอีกหลากหลายแบบ  สามารถเลื่อนดูได้จากข้างล่างเลยครับ

ภายในห้องทุกยูนิตของ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว จะติดตั้งระบบ Home Automation เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่  ไม่ว่าจะเป็น Smart switch สามารถควบคุมสวิตซ์ไฟภายในบ้านผ่าน application, มี Smart Plug ตั้งเวลาเปิดปิดอุปกรณ์ต่างๆ, การควบคุมระบบปรับอากาศและทีวี,  มี Door sensor ตรวจสอบเวลาเข้าออก,  สามารถตั้ง Welcome scene ให้เปิดไฟและเครื่องปรับอากาศเวลากลับมาถึงห้อง  รวมถึงมี Smart IP Camera ตรวจจับความเคลื่อนไหวในห้อง  และพูดคุยสื่อสารกับคนในห้องผ่านโทรศัพท์ได้ครับ

สำหรับยูนิตในโครงการ Metris District ลาดพร้าว  โครงการจะจะขายห้องเป็นแบบ Fully Furnished ทั้งหมด  ให้เฟอร์นิเจอร์มาแบบคุมสี คุมโทน  เป็นโครงการแรกของแบรนด์ Metris ด้วย  ตรงนี้ช่วยอำนวยความสะดวกได้เยอะ  โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าในระยะยาว  เมื่อโอนห้องมาก็ตกแต่งเพิ่มอีกนิดหน่อยแล้วสามารถปล่อยเช่าได้เลยครับ

(สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูภาพขยายได้เลยครับ)

นอกจากจุดเด่นในเรื่องโปรดักส์และทำเลแล้ว  จุดหนึ่งของคอนโด เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว ที่น่าดึงดูดก็คือแพคเกจราคาครับ  โครงการเปิดราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท* ขายแบบ Fully Furnished ด้วยราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 9x,xxx บาท/ตร.ม.  แม้ราคาเฉลี่ยโดยรวมทั้งโครงการจะขึ้นไปถึงแสนต้นๆ ต่อตารางเมตร  แต่เมื่อเทียบกับบรรดาคอนโดโครงการอื่นในบริเวณห้าแยกลาดพร้าวก็ต้องถือว่าน่าดึงดูดมากทีเดียวครับ

ช่วงเดือนพฤศจิกายน 64 นี้โครงการจะเปิดจองเป็นครั้งแรก  โดยใช้ระบบ Online 100% เพื่อลดการสัมผัส  และให้แต่ละคนสามารถมีสิทธิ์จองได้อย่างทั่วถึง  กำหนดการจองตั้งแต่ 15-28 พ.ย. โดยที่เห็นว่ามีช่วงระยะเวลาเกือบเดือนเนื่องจากโครงการแบ่งการจองออกเป็น 3 เฟส ผ่านทางเว็บไซต์ LivingInsider.com ครับ

• เฟสแรก “Booster Day 15-17 พ.ย.” สำหรับคนที่ต้องการจอง 3 ยูนิต ขึ้นไป  สามารถเข้าไปดูยูนิตที่เปิดจองได้ตั้งแต่ 12 พ.ย.  การจองรอบนี้จะได้ส่วนลดพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกจากการจองยูนิตเดียวตามปกติกว่า 3 เท่า  นอกจากนักลงทุนแล้วถึงเป็นคนที่อยู่อาศัยเองแต่รวมกลุ่มเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์แบบเดียวกันมาซื้อพร้อมกันก็ได้ครับ  ถ้าซื้อแบบ 2 ห้องนอน  ส่วนลด 3 ห้องรวมกันสูงสุด 1.35 ล้านบาท*  เรียกว่าลดจัดหนักแบบมีนัยยะสำคัญสำหรับนักลงทุนและคนทั่วไปที่ต้องการซื้อแบบ Group buy เลยครับ

• เฟสที่ 2 “Online Auction Day 18-27 พ.ย.”  อันนี้เป็นมิติใหม่แห่งการจองคอนโดก็ว่าได้ครับ  เป็นครั้งแรกที่โครงการเปิดขายโดยเลือกยูนิตสวยมาเปิดประมูล  ใครที่สนใจสามารถเข้าไป Bid กันได้ทางออนไลน์  ข้อดีของตรงนี้คือทุกคนจะมีโอกาสซื้อยูนิตสวยได้แบบเท่าเทียมกัน   โดยจะปิดประมูลวันที่ 27 พ.ย. เวลา 17.00 น. ครับ  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อผ่านช่วง Online Booking ไปแล้ว  เมื่อโครงการเปิด Pre-sale ราคาก็จะขยับขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป

• เฟสที่ 3 “Online Booking Day 27-28 พ.ย.”  เฟสนี้เป็นจองกี่ห้องก็ได้ไม่มีขั้นต่ำ โดยโครงการจะเปิดให้ดูยูนิตออนไลน์ได้วันที่ 18 พ.ย.  สามารถเลือกและหาข้อมูลสำหรับตัดสินใจเตรียมไว้ก่อน  แล้วมาจองจริงกันได้ในวันที่ 27-28 พ.ย. ครับ

ลงทะเบียนรับส่วนลดและข้อมูลเพิ่มเติม  คลิกที่นี่

Metris District Ladprao เป็นคอนโดใหม่ที่น่าสนใจมากอีกโครงการที่เปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ซึ่งเป็นรอยต่อหลังจากช่วงโควิดมาสู่การเปิดประเทศ  ทุกภาคส่วนพยายามกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ  ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปตามกลไกที่ควรจะเป็น  กำลังซื้ออสังหาฯ และที่อยู่อาศัยที่ซบเซาลงไปก็น่าจะกลับมาสดใสอีกครั้งครับ  ช่วงนี้จึงอาจเป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะยังสามารถหาซื้อโครงการที่เสนอแพคเกจราคาคุ้มค่า  จับต้องได้  และอยู่ในทำเลดีมากๆ ครับ

ช่วงต้นปีหน้าถ้า Sale gallery ของโครงการสร้างเสร็จ  ทีมงานจะแวะไปเก็บภาพบรรยากาศห้องตัวอย่างมาให้ชมกันเพิ่มเติมนะครับ

^_____^