อยู่สบายชวนมาทาสีผนังทำเองแบบ DIY ด้วยสี Nippon Paint Momento
· 1 min readเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางอยู่สบายได้รับเชิญไปร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์สี Momento ของ Nippon Paint ซึ่งเป็นสีทาภายในที่สามารถสร้างสรรค์เป็นลวดลายตามใจชอบได้ เลยมาเขียนเล่ากันให้ฟังเพื่อใครที่เพิ่งโอนบ้านและคอนโดมาใหม่ๆ ยังมีห้องเปล่าๆอยู่และอยากมันส์มือ เอามาลองทาเล่นๆเป็นผลงานตัวเองก็ได้ครับ ส่วนในฐานะที่ตัวผมเองก็เป็นสถาปนิกเนี้ย ก็บอกกันตรงๆว่ายังไม่เคยสเปก Nippon Momento ลงไปในงานลูกค้าสักครั้งเดียว ก็เลยถือโอกาสมาเก็บข้อมูลผลิตภัณฑ์ไปด้วยในตัว
สี Nippon Momento นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ซึ่งก็แยกตามลักษณะของ effect ที่ทาออกมาครับ 2 กลุ่มนี้ได้แก่ Textured Series และ Enhancer Series โดยลักษณะของเนื้อสีนั้นจะออกแบบมาให้แตกต่างกัน แบบ Textured Series นั้นจะเป็นสีที่ดูทึบตันกว่า ส่วน Enhanced นั้นจะดูโปร่งใสมากกว่า ตอนซื้อก็ดูเอาที่ข้างกล่องได้เลยครับ
เวลาซื้อสีมาก็จะมีอุปกรณ์ครบเซตมาให้ มีแปรงทาสี, ไม้ไอติมไซส์ใหญ่เอาไว้คนสี และพลาสติกพับได้สำหรับเอาไว้ปาดสร้าง texture สำหรับสีแบบ Textured Series
มาเริ่มกันที่แบบแรก คือ Textured Series ครับ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “Textured” เพราะฉะนั้นผิวสัมผัสของผนังเวลาที่ทาออกมาแล้วก็จะไม่เรียบ เนื้อสีที่ติดผนังก็จะเกิดจากน้ำหนักมือและลักษณะทิศทางการทาสีของแต่ละคนนั่นเอง พอเป็นสีที่ทำให้เกิด Texture ได้เลยต้องออกแบบให้เนื้อสีข้นกว่าปกติและต้องแห้งเร็วเพื่อให้สียังเกาะตัวอยู่เป็น texture ได้สวยงาม ส่วนในเนื้อสีที่ข้นๆนั้นก็จะมีแบ่งอีก 2 แบบ แบบแรกเนื้อจะข้นและจะเห็น pigment เป็นเกล็ดเล็กๆ เป็นประกายอยู่ในเนื้อสีเรียกว่ารุ่น Sparkle กับตัวนึงซึ่งข้นกว่าอีก ตัวนี้จะชื่อว่า Elegant ซึ่งเวลาทาเสร็จก็ต้องมีอุปกรณ์แผ่นพลาสติกในรูปด้านบนมาปาดเก็บงานนั่นแหละครับ
วันนั้นไม่ได้ลองทาสีแบบ Elegant นะครับ ผมได้ลองทาแบบ Sparkle อย่างเดียว รูปนี้เป็นเนื้อสีแบบ Sparkle จะสังเกตุว่ามีเกล็ดเป็นประกายๆติดอยู่ครับ ซึ่งไอ้เจ้าเกล็ดนี้ก็จะมี 3 เฉดสี คือ Sparkle Silver, Sparkle Gold และ Sparkle Pearl
สีอีกประเภทนึงก็คือแบบ Enhancer Series สีแบบนี้จะโปร่งใสกว่าอย่างที่บอก ข้อจำกัดคือมันทาทับซ้อนๆกันหลายชั้นไม่ได้ เดี๋ยวจะเละ เพราะฉะนั้นทั้งมือและใจต้องนิ่งๆเวลาละเลงสีลงไปบนผนังหล่ะครับ ตัวเนื้อสีของ Enhancer Series นั้นจะอกเป็นลักษณะขุยมะพร้าวข้นๆ ซึ่งในเนื้อสีนั้นจะผสมกาวอยู่ เวลาทาไปเสร็จแล้วทิ้งไว้สักพักนึงตัวกาวก็จะระเหยออกไป แล้วเนื้อสีที่เป็นขุยมะพร้าวมันก็จะซึมลงไปกลายเป็นผิวเรียบๆ
ในสีแบบ Enhancer Series นั้นแบ่งเป็น 2 แบบ คือแบบ Cloud และแบบ Frost ซึ่งวันนั้นผมได้ลองทาแบบ Frost ครับ
ทีนี้ตามปกติแล้ว ก่อนเวลาเราทาสีไม่ว่าจะยี่ห้ออะไรก็ตาม ก็จะต้องมีการเตรียมพื้นผิวกันก่อน ถ้าเป็นผนังบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้าง สิ่งที่ต้องทำคือทาสีรองพื้นปูนใหม่ก่อนเพื่อกันด่างที่ผนัง ถ้าเป็นผนังเก่าก็แล้วแต่สภาพสีเดิมถ้ายังดีอยู่ก็อาจจะไม่ต้องทารองพื้นปูนเก่า แต่ถ้าสีมันสภาพแย่และโทรมมากก็ต้องทำความสะอาดขัดผนังซะรอบนึงแล้วลงรองพื้นปูนเก่าก่อนตามสูตรการทาสีทั่วไปครับ
ทีนี้พอผ่านการเตรียมพื้นผิวขั้นแรกไปแล้ว ถ้าเป็นสีแบบ Textured Series เราจะต้องลงรองพื้นของ Momento อีก 2 รอบก่อน แล้วค่อยลงสี Textured Series ส่วนถ้าจะทาสี Enhancer Series นั้นทาสีน้ำพลาสติกสีที่อยากได้บนผนังไปได้เลยตามปกติ จากนั้นค่อยทาสี Enhancer Series ในรอบสุดท้าย
แต่ก่อนจะได้ลงมือทาจริง ก็มาดูขั้นตอนการสาธิตวิธีการทาก่อน เริ่มจากสีแบบ Elegent วิธีการนั้นจะต้องปาดในลักษณะ 45 องศา ไปเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ที่ต้องการครับ จากนั้นก็ทิ้งเอาไว้สักประมาณ 20-35 นาที ตรงนี้ต้องจับเวลานะครับ ถ้าเลย 35 นาทีไปสีแข็งเกินแน่ๆ
พอจับเวลาครบแล้ว จากนั้นก็ใช้ไอ้เจ้าพลาสติกแข็งที่ได้มาพับเป็นรูปโค้งตามมือ
แล้วก็ปาดไปในทิศทางที่ต้องการ โดยเทคนิคก็คือพยายามทำมุมหน้าน้อยๆกับแนวผนัง ถ้าทำมุมเยอะเกินไปจะทำให้ผิวออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ (มันจะปาดตัวพื้นผิวของสีออกไปหมดนั่นเอง)
ต่อมาพี่เขาก็สาธิตสีแบบ Sparkle เล่นสีชมพูมุ๊งมิ๊ง
ถัดมาก็เป็นสีแบบ Cloud ครับ ลองเทียบกับแบบ Sparkle ข้างบนจะเห็นว่าเนื้อสีที่ทาลงไปแล้วใสกว่าพอสมควร สีฟ้าที่เห็นในรูปก็คือสีน้ำพลาสติกที่ทาลงไปก่อนแล้วรอบนึงอย่างที่เล่าตอนต้นครับ
สุดท้ายก็สีแบบ Frost แบบนี้ตอนที่ทาแรกๆดูแล้วมันเลอะเทอะยังไงบอกไม่ถูก แต่พอหลังจากทิ้งไว้จนแห้งให้กาวระเหยออกไปและสีซึมเข้าพื้นผิวไปแล้วก็ออกมาดูโอเคดีอยู่
สุดท้ายก่อนจะลงมือทดลองทาสีจริงๆ ก็มีพี่ติ๊กเจษฎาภรณ์ #ผิด #นี่มันติ๊กกลิ่นสี ที่ตอนนี้เป็นศิลปินทำงานศิลปะเต็มตัวมาแชร์เทคนิคการลงสีให้ฟัง
ทีนี้ก็มาดูสีที่ผมลองทาวันนั้น เริ่มจากแบบ Sparkle ….. พอไหวไหมฮะ =”=
นี่ก็แบบ Cloud ที่ทาไป พอซูมให้ดูใกล้ๆจะเห็นว่าเนื้อสีนั้นใสเห็นพื้นหลังได้ ต่างกับแบบ Sparkle สีแดงด้านบนที่ทึบกว่าชัดเจน
สุดท้ายก็ลองเล่นแบบ Frost รูปนี้ถ่ายตอนที่ยังไม่แห้งครับ ถ้าสังเกตดูจะเห็นรอยกาวที่เป็นเส้นๆในรูป ตรงนี้เดี๋ยวมันจะระเหยไป แล้วขยุยที่นูนๆออกมาก็จะซึมเข้าเนื้อจนเรียบหล่ะครับ
หลังจากลองกับพอหอมปากหอมคอ ก็สรุปเป็นมินิรีวิวให้อ่านกันเกี่ยวกับรายละเอียดและข้อสังเกตของการใช้สี Nippon Momento นะครับ
♦ สีนี้เป็นสีทาภายในเท่านั้น ถ้าเอาไปทาภายนอกโดนฝนโดนแดดเดี๋ยวเละแล้วจะว่าไม่เตือนไม่ได้นะ
♦ ผนัง 1 ด้านควรทาสีเพียงคนเดียวครับ เพราะหลังจากที่หันไปสังเกตผู้ร่วมทาสีในวันนั้นแล้ว ถ้าเอาแต่ละคนมาทาพร้อมกัน รับรองว่าจากศิลปะอาจจะกลายเป็นศิลเปรอะได้
♦ แต่ถึงทาคนเดียว ก็ควรมีคนช่วยดูภาพรวมของน้ำหนักสีในแต่ละพื้นที่ให้ เพราะว่าเวลาเราทาสีและโฟกัสอยู่กับแต่ละจุด มันจะทำให้มองภาพรวมของโทนสีนั้นไม่ออกว่าตรงไหนหนักมือไปแล้ว ตรงไหนยังเบามือไป
♦ Key Point ของการทาให้สวยอยู่ที่น้ำหนักมือ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องยอมเสียสีสักกระป๋องทาทดสอบดูก่อนลงมือทำจริงครับ
♦ เนื้อสีจากที่ทดลองใช้พบว่าออกแบบมาให้แห้งเร็ว เพราะฉะนั้นควรทาด้วยความว่องไวครับ
♦ แปรงสีที่ให้มาสามารถล้างน้ำเปล่าได้ ไม่ต้องเอาไปแช่และน้ำมันสนเหมือนกับสีน้ำพลาสติกทั่วไป
♦ ไม่มีกลิ่นเหม็น อันนี้ชอบเป็นพิเศษ (แต่ถึงจะไม่มีกลิ่น เวลาทาเสร็จแล้วก็อย่าลืมเปิดหน้าต่างให้มันระบายอากาศได้หล่ะครับ)
♦ ลักษณะของการปัดแปรงของสีแต่ละแบบจะมีแนะนำของทิศทางการปัดแปรงเอาไว้ให้ แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าติสมากจะไม่ทำตามก็ได้ ที่เขาบอกมาก็เป็นแค่ลักษณะการปัดแปรงที่คิดมาเผื่อแล้วว่าคนทั่วๆไป (อย่างผมนี่แหละ) พอจะทำได้ไม่ยากนัก เพราะฉะนั้นมันขึ้นกับ Creativity ล้วนๆ
♦ จากประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าตกแต่งโดยใช้ผนังที่มีลวดลายแล้ว ผมแนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบๆ ลายไม่เยอะมาก เพราะถ้าผนังก็ลาย เฟอร์นิเจอร์ก็ลาย สเปซในห้องทุกอย่างจะดูเยอะและแน่นจนเกินไป สุดท้ายผนังก็ไม่เด่น เฟอร์นิเจอร์ก็ไม่เด่น เพราะงั้นถ้าใช้สีแบบนี้ก็ท่องไว้ว่า “เฟอร์ฯ เรียบๆ”
♦ วิธีการทานั้นไม่ยากครับ งานแบบนี้ทำเองแล้วจะภูมิใจดี แต่ถ้าบางคนที่เกิดมาแล้วชีวิตนี้ไม่มีทักษะทางด้านศิลปะเลย บางทีจ้างเขาทาอาจจะสวยกว่านะ 5555 ^____^