หลังจากที่ Siam Discovery ปิดปรับปรุงมานาน และเราก็แอบลุ้นกับ Facade กันมาซักพักแล้ว วันนี้หมดสิ้นการรอคอยเสียทีค่ะ! ได้ฤกษ์ดีเปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปได้ชมกันก่อน อยู่สบายเลยได้เก็บภาพ Siam Discovery โฉมใหม่มาฝากกัน โครงการนี้มีชื่อว่า Siam Discovery-The Exploratorium ภายใต้คอนเซ็ป The Biggest Arena of Lifestyle Experiments คือจะเน้นให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับลูกค้า มาเล่นสนุกด้วยกัน ทั้งเล่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ชื่มชนงานออกแบบและศิลปะจากทั่วโลกค่ะ
รีวิว Siam Discovery โฉมใหม่ใน Concept “The Biggest Arena of Lifestyle Experiments”
· 8 min readSiam Discovery
- โครงการ Siam Discovery – The Exploratorium
- ผู้พัฒนาโครงการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด
- มูลค่าลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท
- มีแบรนด์มากกว่า 5,000 แบรนด์
- ขนาดพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร
- พื้นที่ร้านอาหาร 2,500 ตารางเมตร
งานเปิดตัว Siam Discovery
โครงการนี้เด็ดตรงที่ได้ Designer ดังจากประเทศญีปุ่น คุณโอกิ ซาโตะ จากเนนโดะ (Nendo) มาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาออกแบบอาคารและงานออกแบบตกแต่งภายใน รวมถึงนิทรรศการ ทำให้งานนี้เป็นที่จับตามองและน่าตื่นเต้นจริงๆ คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้ใช้เวลาออกแบบและวางแผนมานานกว่า 18 เดือน และใช้เวลาก่อสร้างนาน 1 ปี ลงทุนไปกว่า 4,000 ล้านบาทเลยทีเดียว เพราะทางบริษัท สยามพิวรรธน์ มีเป้าหมายต้องการให้ Siam Discovery นั้น
- เป็น Lifestyle Special Store ที่ใหญ่ที่สุดในไทย
- เป็น Hybrid Retail แห่งแรกของไทย
- เป็น The Biggest Arena of Lifestyle Experiments เพราะมีกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า
- เป็น Art Building เพราะได้นำงานศิลปะจากดีไซเนอร์ชื่อดังมาตกแต่งมากมาย
- เป็นอาคารที่สนับสนุนการรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น ถังขยะแบบแยกประเภท และกิจกรรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อมต่างๆ
อื้อหือ…มีเป้าหมายให้ Siam Discovery เป็นหลายอย่างเหลือเกินค่ะ เดี๋ยวเราจะไปดูกันค่ะว่ามันได้สื่อออกมาในรูปแบบไหนกันบ้าง แต่ก่อนอื่นแว้บไปดูบรรยากาศในงานแถลงข่าวและรูปภายนอกอาคารกันค่ะ เพราะสถาปัตยกรรมภายนอกนั้นก็ได้ออกแบบเป็นเรื่องราวเดียวกันกับงานออกแบบภายในด้วย
ตัว Facade ของสยามดิสคัฟเวอรี่ครั้งนี้ ทำเป็นผนังกระจกรอบอาคารค่ะ แล้วตกแต่งด้วยเทปกาว …….. เอ้ย !!! ด้วยวัสดุชนิดหนึ่งที่บางมากๆ แปะเป็นทรงกรอบสี่เหลี่ยมสีขาว กระจายอยู่ทั่วกระจกอาคาร ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบ บางคนก็ว่ามันเฉยๆ ไม่อลังการ บ้างก็ชอบว่ามันสวยดี ก็สุดแล้วแต่คนชอบหล่ะค่ะ แต่ Facade นี้มีลูกเล่นนะ เพราะบางช่องนั้นจะเป็นกรอบของหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ค่ะ เอาไว้สื่อสารกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในถนน แสดงให้เห็นว่าสยามดิสคัฟเวอรี่พยายาม Interactive กับคนตั้งแต่ภายนอกอาคารกันเลยทีเดียว เรียกว่าเปลี่ยนจากดีไซน์เดิมที่เป็นกล่องทึบตันมองไม่เห็นอะไรจากภายนอกเลย
ซูมดูจอกันใกล้ๆ กรอบสีขาวมันเหมือนแปะเทปจริงๆ นะ +”+
มุมจากสะพานลอยระหว่างสยามกับ Siam Center ค่ะ มุมนี้สวยน้าาา
บรรยากาศริมทางเท้า ตัวงาน Landscape รอบๆ ยังไม่เสร็จดีค่ะ รอกันอีกนิด
ตอนนี้ทางเชื่อมเดิมของ Siam Discovery กับ BTS เดิมปิดอยู่นะคะ แต่อีกไม่นานคงกลับมาเชื่อมกันเหมือนเดิม โดยจะเชื่อมกับชั้น M ค่ะ
CONCEPT
ก่อนที่อยู่สบายจะพาไปดูภายใน Siam Discovery ลองมาดูกันก่อนว่า เค้าได้เตรียมอะไรใหม่ๆ ให้เราไปเล่นกันบ้าง
Siam Discovery Lab : จัด Theme หลักของศูนย์การค้าเป็นเหมือนกับห้อง Laboratory ต่างๆ โดยจะแบ่งออกเป็น 8 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามสินค้า บริการและบุคลิก ดังนี้
- ชั้น G – Her Lab: แฟชั่นล้ำเทรนด์และบริการห้องแต่งตัวสำหรับสุภาพสตรี
- ชั้น M – His Lab: แฟชั่นสุภาพบุรุษ
- ชั้น 1 – Street Lab: สินค้าแนวสตรีทแฟชั่น
- ชั้น 2 – Digital Lab: สินค้าดิจิตอล
- ชั้น 3 – Creative Lab: สินค้าเน้นงานดีไซน์ และตกแต่งบ้าน
- ชั้น 4 – Play Lab: ร้านเกมส์, ของสะสม, จักรยาน, อาหารสุขภาพ
- ชั้น 5 – 6 มีไฮไลท์สำคัญ คือ Virgin Active ฟิตเนสคลับระดับโลก
- นอกนั้นก็จะมีจุดเล่นกิจกรรม ตามชั้นต่างๆ ด้วย
Discovery Lab : จะเป็นจุดกิจกรรมอยู่ตามชั้นต่างๆ
- ชั้น G – ห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ ร่วมกับนิตสารแพรว จะต้องใช้ application เลือกชุดและจองห้องมาก่อนล่วงหน้าจ้า
- ชั้น M – ร่วมกับ Optimun ให้คุณผู้ชายเข้าไปลองแต่งตัว หาสไตล์ให้กับตัวเอง
- ชั้น M – Social Discovery ร่วมมือกับ Bangkok Airways ให้เราเข้าไปเล่น โดยจะทำการเรียงรูป Instragram ของเราให้ดูภายใน 1 นาที กะว่าจะให้เราค้นหาตัวเองเจอค่ะ
- ชั้น 1 – Street Lab อันนี้ไปตอบคำถามกับคอมพิวเตอร์เพื่อหารองเท้าที่เหมาะกับเรา
- ชั้น 2 – Digital Lab x Rubbers สามารถทดลองขี่มอเตอร์ไซต์ได้
- ชั้น 3 – Creative Lab x Wallpaper ให้เอาสินค้าไปวางตามจุดที่กำหนด แล้วมันจะมีที่มาที่ไปของสินค้านั้นขึ้นมาบนจอมอนิเตอร์ให้เราได้อ่านค่ะ
Story Telling
- ชั้น 1 – Run for Another Life ชวนนักวิ่งทุกคนร่วมกันเปลี่ยนพลังแห่งการวิ่ง เป็นพลังแห่งการพัฒนาพื้นที่สีเขียว โดยชวนทุกคนมาร่วมวิ่งสะสมระยะทางทุกๆ 500 เมตร สยามดิสคัฟเวอรี่จะมอบเงิน 10 บาท ให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการดูแลสวนลุมพินี ปอดใจกลางเมืองของคนกรุงเทพฯ
- ชั้น 2 – I create my own dream Bangkok ให้เราร่วมต่อเมืองจำลอง ซึ่งจะมองให้เป็นของเล่นให้น้องที่ห้องสมุดของเล่น โดยยอดเงินส่วนนึงจากการซื้อสินค้า Nano Black Smith 3D Puzzle ทาง Loft จะมอบให้กับมูลนิธิ มีชัย วีระไวทยะ ในการสร้างจิตสาธารณะมอบของเล่นให้แก่ห้องสมุดของเล่นประจำหมู่บ้าน
- ชั้น 3 – Save Our Planet ซื้อสินค้า Eco มานั่งประดิษฐ์ได้ รายได้จากที่ซื้อของ Eco จะนำไปร่วมสมทบทุนการปลูกป่ากับมูลนิธิประเทศสีเขียว
Interior Design : โอกิ ซาโตะ ผู้ก่อตั้งสตูอิโอชื่อดังจากญี่ปุ่น เป็นหัวหน้าที่ปรึกษางานออกแบบอาคารและงานออกแบบตกแต่งภายใน และเป็นผู้มอบแรงบันดาลใจด้านคอนเซ็ปต์รูปแบบโดยรวมของสยามดิสคัฟเวอรี่
Restaurant : ร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มจะผสมอยู่กับร้านค้าในชั้นต่างๆ
Exhibition / ART :
- ชั้น G – Discovery Man งานนิทรรศการหุ่นหัวกล่องสี่เหลี่ยม ที่ออกแบบโดย 25 ศิลปินดังทั่วเอเชีย จัดแสดงวันที่ 28 พ.ค. – 31 สค. 59 งานนี้น่ารักมากๆ ค่ะ
- ชั้น G – Nendo Exhibition นิทรรศการผลงานการออกแบบ nendo Exhibition ที่จะพาทุกคนท่องไปในโลก ‘Designed by Nendo’ ตื่นตากับผลงานโปรดักส์ดีไซน์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่รวบรวมจากทั่วทุกมุมโลก ประกอบด้วยผลงานการออกแบบชั้นยอด ทั้งด้านโพรดักส์ดีไซน์ Art Installation และงานออกแบบสถาปัตยกรรม ที่ผ่านการคัดสรรบรรจงจัดวางในกล่องแห่งไอเดียเป็นนิทรรศการที่ทำหน้าที่เป็น Interior Designn โดยจะเป็น Gallery แนวตั้ง จัดวางให้ลอยอยู่กลางอากาศอย่างโดดเด่นในพื้นที่โล่งใจกลางสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมสามารถชื่นชมผลงานได้จากหลากหลายมุมมอง
- ชั้น G – Chandelierขนาดใหญ่ ทำจากแก้วคริสตัลและกระจกดีไซน์พิเศษโดยเฉพาะ Lasvit แบรนด์ผู้ออกแบบและผลิตเครื่องแก้วและกระจกชั้นนำจากสาธารณรัฐเช็ก ที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าผลงานทุกชิ้นซึ่งเป็นงานแบบแฮนด์เมด ติดตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ทางเข้าฝั่งที่ติดกับ Siam Center
Social Discovery : เป็นนิทรรศการในธีม When Obsession Becomes Indentity ส่วนนี้นักออกแบบชื่อดังระดับโลกจาก New York นาม Black Egg มาร่วมออกแบบให้ทุกคนได้ร่วมกิจกรรมค้นหาตัวตน มีอยู่ 3 ส่วนซึ่งจะกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ
- ชั้น M – My Social Discovery ผลงานศิลปะจัดวางในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟที่ออกแบบโดยทีม Black Egg นำรูปภาพทั้งในอดีตและปัจจุบันจากโซเชียลมีเดียของผู้เข้าชมมาเรียงร้อยจัดแสดงไทม์ไลน์ชีวิตบนจอภาพขนาดยักษ์ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจ เป็นเทคโนโลยีพิเศษสุดที่ทำให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ตัวเองได้จากความสนใจของตนเอง เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเปิดสยามดิสคัฟเวอรี่ที่ทุกคนต้องเข้ามาสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง
- ชั้น 1 – Their Social Discovery อันนี้เป็นนิทรรศการเรื่องราวของผู้ทรงอิทธิพลในโลกโซเซียล โดยจะจัดแสดงรูปภาพอินสตาแกรมเมอร์ที่ถ่ายทอดตัวตน ไลฟ์สไตล์และความคลั่งไคล้ของตัวเองออกมาผ่านภาพถ่ายบน Instagram เพื่อแชร์ตัวตนกับคนทั่วโลก
- ชั้น 4 – A Million Montage of You จะให้ถ่ายรูปเซฟฟี่ผ่านมือถือ Samsung Galaxy ภายในบูธที่อยู่ในนิทรรศการ แล้วเชื่อมต่อ Instragram Feed ของเรา ภาพจะไปปรากฎขึ้นบนจอยักษ์ เห็นเป็นภาพของเราไปต่อกับภาพคนอื่นๆ เป็นโฟโต้โมเสคค่ะ
Sustainability / Environment :
- “To Sharing For Green World” ลูกค้าช้อปปิ้งครบ 6,000 บาทขึ้นไป สยามดิสคัฟเวอรี่จะสมทบทุนจำนวน 10 บาทให้แก่ โครงการปลูกป่าทั่วประเทศมูลนิธิประเทศสีเขียว เพื่อประโยชน์การวิจัยและส่งเสริมการอนุรักษ์ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม
- แคมเปญรณรงค์ลดการใช้ถุงที่มอบสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้ร่วมโครงการ
- โครงการ “Eco Select : Save Our Planet” เพื่อรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการเรียนรู้การประดิษฐ์สิ่งของชิ้นใหม่จากวัสดุเหลือใช้ Eco Gift Set โดยมีวิทยากรให้คำปรึกษา โดยรายได้ที่ได้จากการจำหน่าย Eco Gift Set นำไปร่วมสมทบทุนการปลูกป่ากับมูลนิธิประเทศสีเขียว
Siam Discovery Application และ Location Base Service (LBS) : เป็น Application ของทาง Siam Discovery จะช่วยให้เราได้รับข้อมูลข่าวสารได้เร็วขึ้น ทราบสิทธิ์ประโยชน์ ข้อมูลแนะนำคอลเลคชั่นใหม่ มีฟังก์ชั่น Live Chat ให้ลูกค้าสอบถามทีมงานได้ สามารถจองที่จอดรถ จองห้องแต่งตัว จองร้านอาหาร จอง Co-Working Space หรือนำทางหาสินค้าที่ต้องการภายในสยามดิสฯ แสดงความคิดเห็นและติชมได้ แล้วยังแนะนำสินค้าให้กับลูกค้ารายบุคคลตามความสนใจด้วย
ของฟรี คนไทยชอบ !! … ลูกค้า 1,000 แรก จะได้บัตรกำนัลเงินสดมูลค่า 500 บาท และโปรโมชั่นมากมาย เช่น รับของรางวัลและ SIAM GIFT CARD รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท , รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% จาก 7 บัตรเครดิต , และ รับคะแนนสะสม 10 เท่า สำหรับบัตร VIZ Card และ Platinum M Card ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม – 3 กรกฎาคมนี้ เป็นต้น
อ่านๆ กันไปแล้วคงลายตากันไม่น้อย (ขนาดเขียนเองยังตาลาย 555) มาเล่าให้อ่านกันแบบง่ายๆ ดีกว่าค่ะ ภายในของศูนย์การค้า Siam Discovery นั้นมีทั้งหมด 6 ชั้น เรียกชื่อว่าชั้น G, M, 1, 2, 3, 4 ค่ะ (สามารถกดที่รูปซูมดู floor plan ได้นะคะ)
ชั้น G : HER LAB
เข้ามาในโถงต้อนรับ ฝั่งที่ติดกับ Siam Center ก็จะเจอกับ Chandelier ขนาดใหญ่ค่ะ ห้อยอยู่สูงๆ เป็นแก้วคริสตัลและกระจกงาน Hand Made ผลงานดีไซน์พิเศษจากสาธารณรัฐเช็ก
ถัดเข้ามาเป็นงานนิทรรศการ Discovery Man จะจัดแค่วันที่ 28 พฤษภาคม – 31 สิงหาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับดิสคัฟเวอรี่แมนมากยิ่งขึ้น โดยเนนโดะ จับมือกับ 25 ศิลปินดังทั่วเอเชีย อาทิ ศรัณย์ เย็นปัญญา นักออกแบบผู้สร้างสรรค์ผลงานผ่านเรื่องราว, เอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าของไทย, ธีรนพ หวังศิลปคุณ นักออกแบบกราฟฟิกที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก, ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ ปอม ชาน นักวาดภาพประกอบดีกรีระดับสากล, อรรถพร คบคงสันติ สถาปนิกหนุ่มไฟแรงที่เคยร่วมงานกับสถาปนิกระดับโลกมาแล้ว, บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง, วสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกหนุ่มผู้มีผลงานที่เป็นเอกลักษณ์, ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ นักวาดภาพประกอบชื่อดังที่ล่าสุดกำลังสนุกกับการทำงานในแวดวงแฟชั่น, กฤษดา ภควัตสุนทร เจ้าของธุรกิจและผลงานหลากหลายสาขา ทั้งงานกราฟฟิก แฟชั่น ภาพประกอบ และงานเพลง, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าของไทย, Mick Saylom หัวหน้าแผนกภาพวาดประจำสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งชาติลาว, Goh Beng Kwan ศิลปินชั้นครูจากสิงคโปร์ , Kubota Fumikazu นักวาดภาพสายเลือดญี่ปุ่นที่เคยจัดแสดงผลงานมาแล้วทั้งในออสเตรเลียและอเมริกา, Piao Shou Fan นักออกแบบมากประสบการณ์จากประเทศจีน, PG Timbang นักออกแบบชาวบรูไนเจ้าของรางวัลการประดิษฐ์ตัวอักษรแบบร่วมสมัย, Ilseon Ryu ดีไซเนอร์สัญชาติเกาหลีเจ้าของรางวัลระดับนานาชาติ เคยจัดแสดงผลงานมาแล้วทั่วโลก, Peap Tarr & Lisa Mam ศิลปินคู่หูชื่อดังชาวกัมพูชาที่เชี่ยวชาญงานกราฟฟิตี้และสตรีทอาร์ท, Tiama Sirait ดีไซเนอร์สาวชาวอินโดนีเซียผู้เชี่ยวชาญงานด้านแฟชั่นและสิ่งทอ , Simon Tan จากสมาคมศิลปะ พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์แห่งปีนัง ประเทศมาเลเซีย, Mon Thet ศิลปินหน้าใหม่จากเมียนมาร์, Florence Cinco ศิลปินชาวฟิลิปปินส์เจ้าของรางวัลระดับประเทศ และ Trinh Tuan ศิลปินชาวเวียดนามที่เคยจัดแสดงผลงานมาแล้วทั่วโลก มาร่วมกันสร้างสรรค์ตัวแทนแห่งการค้นพบที่ไม่สิ้นสุด นำเสนอดิสคัฟเวอรี่แมนในสไตล์พิเศษเพียง 25 ชิ้นในโลก
ถ่ายมาเป็นตัวอย่างบางชิ้นค่ะ น่ารักอ่ะ
ตัวนี้ก็น่ารักเหมือนกัน สดใสดี ตัวที่เหลือไปดูกันเอาเองนะคะ นอกจากที่จัดอยู่ในนิทรรศการแล้ว จะมี Discovery Man หัวเหลี่ยมอยู่ตามชั้นวางสินค้าต่างๆ ด้วย แต่ตัวมันจะเป็นสีขาวทั้งตัว
และ Shop แรกค่ะ ของ Issey Miyake เปิดคอนเซ็ปท์ World of Issey Miyake นอกประเทศญี่ปุ่น มีทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย ชั้น G นี้จะเป็นชั้นของผู้หญิงค่ะ
แล้วก็เดินมาถึง Hall ตรงกลางค่ะ สวยยยย อินทีเรียคุมโทนสีขาวดำได้แบบเนียนตา
สเปซสวยเพราะมีนิทรรศการแนวตั้ง จัดให้ลอยอยู่กลางอาคาร เชื่อมชั้นล่างกันชั้นบนเข้าด้วยกัน ชื่อนิทรรศการ Nendo Exhibition ที่จะแสดงผลงาน Product Design, Art, Architecture ที่รวบรวมจากทั่วทุกมุมโลกให้สามารถมองเห็นกันได้จากทุกชั้นค่ะ
แผนกเสื้อผ้าสตรี จัดเป็น Shop แบบ Open มีหลายแบรนด์ให้เลือกชมค่ะ
คัดเลือกผลงานจากแบรนด์ดังมาให้ดูกันใกล้ๆ
ชั้นนี้มีนวัตกรรมใหม่ของการบริการในธุรกิจค้าปลีกที่สยามดิสคัฟเวอรี่คิดค้นขึ้น คือ Dressing Room พูดง่ายๆ ก็คือ จะมีบริการ stylish ส่วนตัวมาช่วยเลือกสินค้า Fashion และ Accessories ต่างๆ แบบที่เป็น Personalized ตามความต้องการ
ส่วนตัวตู้กระจกที่เห็นในภาพจะอยู่ไม่นานค่ะ เป็นงานนี้จะร่วมมือกับนิตยสารแพรว โดยจะมีดีไซเนอร์มาช่วยเป็น Stylist ให้กับเราที่ห้อง Dressing Room แต่เราจะต้องเลือกเสื้อผ้าผ่าน Application บนมือถือก่อนค่ะ
ห้องแต่งตัวสำหรับสาวๆ ค่ะ ตกแต่งซะสวยเชียว
มีห้องใหญ่ข้างในด้วย สามารถลองกันพร้อมกับเพื่อนๆ ได้หลายคน แต่ต้องจองห้องล่วงหน้าค่ะ
ชั้น M : HIS LAB
บรรยากาศบริเวณโถงที่ชั้น M หรือชั้นสำหรับสุภาพบุรุษ
ส่วนนี้เป็น My Social Discovery ผลงานศิลปะที่จัดวางในรูปแบบ Interactive ซึ่งออกแบบโดยทีม Black Egg จะนำรูปภาพทั้งในอดีตและปัจจุบันจากโซเชียลมีเดียของผู้เข้าชมมาเรียงจัดแสดงไทม์ไลน์ชีวิตบนจอภาพขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเปิดสยามดิสคัฟเวอรี่ค่ะ ลองมาเล่นกันดูนะ
คนต่อแถวเล่นกันยาวเลย เราเลยขอบายค่ะ ไปเก็บข้อมูลโซนอื่นต่อกันดีกว่า
แผนกชายก็จัดเป็น Shop แบบ Open เหมือนกัน พื้นกระเบื้องหลากหลายลายสีขาว-ดำ ฝ้าก็เล่นกับสี่เหลี่ยมจตุรัสเล็กๆ
งานตกแต่งภายในจัดเต็ม
โอ้ยๆ โซนรองเท้าค่าาาา ดูบรรยากาศเท่ดี และชั้นวางมันสวยดีจังเลยค่ะ
ร้าน Galerie Adler แพทเทิร์นแบบนี้มาจากงานของ Piet Mondrian ชัดๆ
และโซนนี้ค่ะ เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย แต่แต่งออกมาได้สวยเว่อวังขนาดนี้ คุณผู้หญิงจะเดินเข้ามากกว่าผู้ชายไหม เรายังต้องถ่ายภาพมาหลายรูปเลย
ร้าน Issey Miyake สำหรับผู้ชายค่ะ
และปิดท้ายด้วย His Lab ร่วมมือกับ Optimum ค่ะ ให้หนุ่มๆ ได้มาหาสไตล์ที่ตัวเองต้องการ ให้ทดลองถ่ายภาพ
ชั้น 1 : STREET LAB
ชั้นนี่สตรีท แฟชั่นค่ะ ยังคงเริ่มที่บรรยากาศโถงเหมือนเดิม
ตกแต่งฝ้าเริ่มจะไม่ธรรมดาค่ะ ยังคงเล่นกับรูปทรงสี่เหลี่ยมอยู่ แต่ตอนนี้เอาทรงลูกบาศก์มาด้วย ทำให้ร้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
อยู่ๆ มี Kiosk ขายน้ำโผล่ขึ้นมาเฉยเลยค่ะ เพราะคอนเซ็ปต์ของที่นี่จะรวมร้านอาหารและร้านค้าเข้าด้วยกัน สาวๆ รอหนุ่มเลือกรองเท้านานเกินก็มานั่งรอได้ตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าราชสีห์คนไหนถือของรอกวางน้อยไม่ไหว ก็มีที่ให้นั่งพักค่ะ
ร้าน Adidas ที่ได้ปรับปรุงร้านและออกใหม่กับเค้าด้วย คอนเซ็ปท์สโตร์ แนวคิด Interactive Store Concept ที่มาพร้อม Exclusive Collection
ขนรองเท้ารุ่นใหม่มาเพียบ
ในห้องแต่งตัวจะจัดเป็นคอนเซ็ปต์เหมือนกับห้องพักนักกีฬาที่สเตเดี้ยมค่ะ
แล้วก็มีจอ Interactive ให้มาเลือกรองเท้าที่เหมาะกับตัวเองกันด้วย อันนี้ชอบค่ะ เพราะว่าเข้ากับคอนเซ็ปต์หลักของทาง Siam Discover ดี
ร้านอุปกรณ์ เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬายี่ห้อ Alpha Runner
มีอุปกรณ์ไฮเทค ให้มาลองวิ่งด้วยเท้าเปล่า เพื่อวิเคราะห์ออกมาว่าเราจะเหมาะกับรองเท้ารุ่นไหนค่ะ อันนี้ก็ชอบเหมือนกัน (ขอบคุณคุณพี่นายแบบจำเป็นในรูปด้วยนะคะ ใครก็ไม่รู้ ^^”)
ต่อมาเป็นร้าน Cazh น้องใหม่ สั่งตัดกางเกงยีนส์ได้ตามที่ต้องการ เลือกผ้าได้ เลือกกระดุม เลือกหนังได้ เลือกได้อีกว่าจะพิมพ์คำว่าอะไรลงไป แล้วก็รอประมาณ 7 วันก็จะได้กางเกงยีนส์ Custom Made ค่ะ
ร้านที่อยู่ติดกัน ชื่อร้าน Walkin ก็สามารถสั่งตัดรองเท้าและเลือกส่วนประกอบต่างๆ ได้เช่นกัน
โซนแว่นตาค่ะ เก๋อ่ะ คือชั้นวางของมันเป็นเหมือนชิ้นงานตกแต่งภายในไปด้วย
สุดท้ายมาที่หน้าร้าน Onitsuka Tiger มี Lab ให้มาลองตอบคำถามเพื่อดูว่าเราเหมาะกับรองเท้าแบบไหน แล้วก็สามารถปริ้นออกมาเป็นรูปรองเท้าของเราออกมาได้ค่ะ
แล้วก็ยังมีลู่วิ่งที่ให้ลูกค้ามาร่วมเล่น ถ้าวิ่งครบ 500 เมตร ทาง Siam Discovery จะสมทบทุนจำนวน 10 บาทให้แก่ โครงการปลูกป่าทั่วประเทศมูลนิธิประเทศสีเขียว เพื่อประโยชน์การวิจัยและส่งเสริมการอนุรักษ์ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นถ้ามาเลือกซื้อรองเท้าแล้วก็เอามาลองวิ่งดูจริงๆ กันซักหน่อยค่ะ
รองเท้า Onitsuka Tiger รุ่นนี้ลายพร้อยเชียว
ชั้น 2 : DIGITAL LAB
ชั้น 2 นี้จะรวมสินค้าดิจิดอลและสินค้าอื่นๆ ให้เลือกซื้อกันค่ะ ชั้นนี้จะตกแต่งออกมาล้ำสมัยหน่อยให้เข้ากับสินค้าดิจิตอล
แอบเจอตัว Discovery Man ด้วยหล่ะ มานั่งแอบอยู่กับสินค้า
พนักงานขายกำลังเล่นโชว์ค่ะ อยากจะลองบ้าง แต่ดูสกิลการทรงตัวของผู้เขียนเองแล้วก็กลัวจะล้มฟันจะหักเอา =”= 555
เด่นๆ เลยจะมีร้านขายของน่ารักๆ อย่าง Loft ที่อยู่กับสยามดิสคัฟเวอรี่มานานแสนนาน คือ ถ้าขาด Loft ไปก็ไม่เป็น Siam Discovery หล่ะค่ะ Loft คราวนี้มาในโฉมใหม่ คอนเซ็ปต์ใหม่ และที่สำคัญมันใหญ่มาก มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตรให้เดินกันลืมเวลาเลยทีเดียว
ทาง Loft ได้นำเอาสินค้าขายดีจากญี่ปุ่นมาขายในเมืองไทยด้วย เช่น แปรงสีฟันที่ไม่ต้องใช้ยาสีฟัน (มันเป็นยังไงอยากรู้จริงๆ), หวีที่ทำจาก Super Stone และแชมพูขจัดรังแค
ร้าน Flight 001 ที่รวบรวมอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเดินทาง ทั้งกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าเก็บสัมภาระ
และก็เหมือนเดิมที่จะมีร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ แทรกอยู่เรื่อยๆ ชั้นนี้จะมีร้าน Starbucks ค่ะ มาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟสูญญากาศ หรือ Syphon Coffee Maker ให้คอกาแฟมานั่งกินกันได้ที่ Slow Bars ค่ะ
ตกแต่งร้านด้วยแนวคิด ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยนำกากกาแฟมารีไซเคิลเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในร้าน
ร้านค้าจากแบรนด์ต่างๆ
แผนกสมุด
Community แห่งใหม่ Rubbers สำหรับคนชอบขี่มอเตอร์ไซค์ คันนี้เป็นแบบ Custom เท่ๆ รวมไปถึงหมวกกันน๊อคสุดหวงของเหล่า Bikers ชื่อดังในเมืองไทย
มี Lab ผสมสีลิปติกของตัวเองด้วย เชิญสาวๆ ทางนี้เลยค่าาา
DJI by Phantom Thailand เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าและอะไหล่ DJI , ศูยน์บริการ DJI บริการตรวจเช็คเครื่องฟรี ร้านขาย Drone ค่ะ ซื้อมาทำรีวิวดีไหมนะ 555
Billboard Café โดยนิตยสาร Billboard นิตยสารดนตรีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลก นำเสนอประสบการณ์ด้านเสียงเพลงมาให้ฟังกัน
มีโซนให้คอ Big Bike มาลองขี่กันด้วย
สอดแทรกด้วยงานนิทรรศการ Social Discovery จัดแสดงรูปภาพอินสตาแกรมของแต่ละคน
แล้วก็มีโซน Personalize : I create my own dream Bangkok” โซนนี้จะให้ร่วมกันต่อ 3D Puzzle สร้างเมืองจำลองแห่งความฝัน แล้วมอบเป็นของเล่นให้น้องที่ห้องสมุดของเล่น ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งของ Nano Block and Black Smith 3D Puzzle ร้าน Loft จะนำไปมอบให้กับมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ อย่างที่เล่าไปแล้วตอนต้นค่ะ
ชั้น 3 : CREATIVE LAB
ชั้น 3 เป็นชั้นที่ขายสินค้าตกแต่งภายในค่ะ เริ่มกันที่ร้าน Habitat เลย ร้านนี้ก็อยู่กับสยามดิสฯ มานานเหมือนกัน
มีสินค้าใหม่ๆ เช่น เตียงที่มีตู้เก็บของ เหมาะกับคนอยู่คอนโดมากขึ้น, โซฟาเบด
ร้านเฟอร์นิเจอร์ HAY
มีทั้งสินค้าจากศิลปินชาวต่างชาติและชาวไทยค่ะ
แล้วก็มาถึงร้านที่ O.D.S ที่จะรวบรวมแบรนด์เจ๋งๆ ของเหล่าดีไซเนอร์คนไทยเอาไว้ หลายแบรนด์จะส่งขายแต่เมืองนอกค่ะ แต่มาคราวนี้ให้คนไทยได้ไปอุดหนุนกันแล้ว
เก่งกันมากๆ เลยค่ะ น่าสนับสนุน
และชั้นนี้ก็มีร้านอาหารแทรกอยู่เหมือนกัน ร้าน Cafe Now ค่ะ เจ้าของร้านเขายืนยันหนักแน่นว่าคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี รับรองไม่อ้วน ไม่เพิ่มคอลเลสเตอรอลแน่นอน ก็ลองไปชิมกันดู
แล้วก็มีโซน Lab ให้มาเล่นกัน คือถ้าเอาสินค้าที่มีอยู่ไปวาง ณ จุดที่จัดไว้ให้ หน้าจอจะแสดงไอเดียของผลงานชิ้นนั้นๆ ออกมาให้เราได้ดูค่ะ เราจะเข้าใจตัว Product มากขึ้นว่าเค้าคิดอะไรกันมาเยอะแค่ไหนกว่าจะออกมาเป็นชิ้นงานให้เราใช้กัน
ชั้น 4 : PLAY LAB
มาถึงชั้นสุดท้ายแล้ว ชั้นนี้ต้องเดินขึ้นบันไดใหญ่ ซึ่งทำเป็นที่นั่งเล่นเอาไว้บางส่วน จะมาแวะนั่งพักคุยเล่นกับเพื่อนตรงบันไดนี้ก็ยังได้
ชั้นนี้จะดูโล่งๆ หน่อยค่ะ ส่วนชั้น 5 – 6 นั้นยังไม่เสร็จดี เป็นส่วนของ Virgin Fitness ค่ะ
ขั้นนี้เหมาะกับเหล่าเกมเมอร์มาก เพราะมี Toy Station ที่ร่วมกับ Sony เพื่อเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของ Play Station
ร้านนี้ขายโมเดลฟิกเกอร์ต่างๆ ด้วยนะ
แต่ละตัวนั้น ไม่ใช่ถูกๆ นะคะ อย่างชั้นนี้ราคารวมกันหลักล้านบาทเลยทีเดียว
ร้านจักรยานเก๋ๆ tokyobike
DISCOVERY HUBBA เป็น Co-working Space ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ร่วมมือกับ Hubba ค่ะ พื้นที่ตรงนี้ทำตัวเป็น Retails Startup ให้แก่คนรุ่นใหม่
Co Food Lab ค่ะ มีร้านอาหารน้องใหม่หลายร้านมาให้มากินกัน
ปิดท้ายด้วย Virgin Fitness ที่จะอยู่ชั้น 5 – 6 ที่นี่เป็นสาขาที่ 4 แล้วค่ะ ฟิตเนสนี้มันเด็ดตรงที่มีสระว่ายน้ำในร่มยาว 20 เมตร ห้องออกกำลังกายแบบลด Oxygen เหมือนกับเราอยู่บนยอดเขา ซึ่งจะฝึกให้เราอึดขึ้นและแข็งแรงขึ้นค่ะ เปิดเต็มที่สิงหาคมนี้ค่าาา..
จบแล้วนะคะ สำหรับการพาทัวร์สั้นๆ ใน Siam Discovery โฉมใหม่นี้ ต้องยอมรับว่างาน Interior ของเค้าสวยมากค่ะ คุ้มค่าแก่การไปจ้างดีไซเนอร์ต่างประเทศมา สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบการจัดวางและดิสเพลสินค้านั้นเปลี่ยนไปจากศูนย์การค้าแบบเดิมๆ ที่เราเห็นกันอยู่เยอะมาก อยู่สบายไปเดินเล่นแล้วก็เพลินมาก ในระดับคันไม้คันมือไปหมด งานตกแต่งสวย สินค้าก็น่าซื้อ มีสินค้าน่าสนใจเยอะมาก โดยเฉพาะพวก custom made ต่างๆ ส่วนกิจกรรมดิจิตอลที่ Interactive กับลูกค้าที่มีให้เล่นตามจุดต่างๆ นั้น โดยส่วนตัวก็ยังรู้สึกว่าน่าจะทำได้มากกว่านี้อีกนะ (หรือว่าตอนที่ไปดูยังไม่ได้จัดเต็มรูปแบบมากก็ไม่รู้) พวกเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการช่วยเลือกสินค้าจากหลายๆ แบรนด์ที่นับว่าน่าสนใจดี และคงจะอยู่ได้นาน แต่กับบางอย่างเมื่อคนได้เล่นกันไปสักพักแล้วก็คงไม่ได้ตื่นเต้นในครั้งต่อไปมาก เพราะฉะนั้นก็เป็นโจทย์ว่า Siam Discovery จะจัดการกับประสบการณ์ของผู้ที่เข้ามาศูนย์การค้าไม่ให้จำเจได้ยังไงในระยะยาว ส่วนตอนเปิดใหม่ๆ นั้นมีการตื่นเต้นและ talk of the town แน่นอน ในเรื่องของ Application ของทาง Discovery เรายังไม่ได้ลองเล่นกัน ต้องรอดูว่าจะสนุกเข้าใจง่ายได้ขนาดไหน
รีวิวสยามดิสคัฟเวอรี่ของ yusabuy.com ก็จบเพียงเท่านี้ มีอะไรติชมกันได้ตลอดค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความรีวิวบ้านและคอนโดรวมทั้งอสังหาฯ โครงการอื่นๆ นะคะ ^____^
โอกิ ซาโตะ
หัวหน้านักออกแบบและผู้ก่อตั้งเนนโดะ
โอกิ ซาโตะ เกิดในปี 2520 ในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ กรุงโตเกียว ในปี 2545 และได้ก่อตั้งสตูดิโอออกแบบ “เนนโดะ” ในปีเดียวกัน เขาได้รับเลือกจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งใน “ชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับรับถือมากที่สุด 100 คน” และ ได้รับรางวัล “นักออกแบบแห่งปี” จากหลายสถาบัน รวมทั้งรางวัลจากนิตยสาร Wallpaper และ ELLE DECO ผลงานการออกแบบของซาโตะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่มีความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมไปจนถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ งานอินสตอลเลชั่น วินโดว์ดิสเพลย์ และอินทีเรียดีไซน์ต่างๆ รวมไปถึงระดับงานสถาปัตยกรรม เรายังสามารถพบเห็นผลงานการออกแบบของเนนโดะได้ในมหานครนิวยอร์คที่ Museum of Modern Art และ สถาบัน Museedes Arts Decoratifs และ Centre Pompidou ในกรุงปารีส