สวัสดีค่ะ รีวิวอยู่สบายนี้พามาชมคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์  ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับ BTS สำโรง เลยค่ะ  โครงการ The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดขนาดใหญ่ ที่มียูนิตเยอะ 1,752 ยูนิต  จึงตัวคอนโดออกเป็น 3 อาคาร  เริ่มเปิดขายเมื่อปี 58  ก่อนหน้าก็เปิดขายไปแล้ว 2 อาคารด้านใน  ตอนนี้กำลังเริ่มเปิดขายอาคารสุดท้าย คือ อาคาร B ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากที่สุดค่ะ  ทำเลของ The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ นอกจากจะมี BTS สำโรงแล้ว ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอีกเส้นนึงวิ่งเข้ามาจบที่สถานีนี้ด้วย เรียกว่าเป็น Interchange Station ย่อยๆ ในช่วงสุขุมวิทตอนปลาย

โครงการจะเปิด Pre-Sale ตึก B เป็นอาคารสุดท้าย  ในวันที่ 10-11 มิ.ย.60 

ลงทะเบียบ รับส่วนลด >>> คลิกที่นี่ 

อยู่สบายแวะเข้าไปเก็บรีวิวมาให้ชมกันอย่างละเอียดเช่นเคยค่ะ

เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน

The Metropolis Samrong Interchange

(เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง อินเตอร์เชนจ์)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เมโทรโพลิส พรอพเพอร์ตี้ จำกัด
• ที่ตั้งโครงการ >>>  ถนนสุขุมวิท อยู่ในกับบีทีเอสสถานีสำโรง
• ขนาดที่ดิน >>>  8-1-49.3 ไร่
• จำนวนชั้นและจำนวนยูนิต >>> รวม 1752 ยูนิต
  • อาคารที่พักอาศัย A 39 ชั้น 1,056 ยูนิต
  • อาคารที่พักอาศัย B 30 ชั้น 552 ยูนิต
  • อาคารที่พักอาศัย C 7 ชั้น 144 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ D 5 ชั้น
• จำนวนอาคาร >>>  4 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • สตูดิโอ 28 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน 35 และ 37 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน 52 และ 67 ตารางเมตร
• ที่จอดรถ >>> 43% (ไม่รวมจอดรถซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.5 ล้านบาท (ห้องสตูดิโอ ณ วันที่ 11/05/2017)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาท/ตารางเมตร
• พิกัด GPS >>> 13.646333, 100.595502
• เบอร์โทรศัพท์ >>> 02-024-8000
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

ด้วยความที่โครงการนั้นอยู่ติดกับ BTS สถานีสำโรงเลย แถมตอนนี้บีทีเอสส่วนต่อขยายไปสถานีสำโรง ก็เพิ่งจะเปิดให้บริการได้ไม่นาน วันนี้อยู่สบายก็เลยเลือกการเดินทางมา The Metropolis ด้วยรถไฟฟ้ามาลงสถานีสำโรง พร้อมทั้งเก็บภาพบรรยากาศตัวสถานีใหม่มาให้ชมกันด้วยค่ะ ^^

เริ่มตั้งแต่ลงรถไฟฟ้ากันเลย ตอนนี้สถานีสำโรงกลายเป็นสถานีปลายทางแทนแบริ่งไปแล้ว

จากตรงสถานีรถไฟฟ้าจะสามารถมองเห็นที่ดินโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างได้อย่างชัดเจน

ป้ายสถานีสำโรง (E15)

ลงมาแล้วถ้าออกทางออก 5 จะถึงด้านหน้าโครงการเลยค่ะ แต่ว่าตอนนี้ทางออก 5 จะยังไม่เปิดใช้ เลยต้องเดินอ้อมกันหน่อย

มองไปทางทางออก 5 ที่อยู่ติดกับที่ตั้งโครงการ

เก็บภาพบรรยากาศของสถานีสำโรงมาฝากกันเพิ่มเติมค่ะ ดูกว้างขวางกว่า BTS สถานีอื่นๆ

จากด้านหน้าสำนักงานขายโครงการจะมองเห็นทางออก 5 อยู่ข้างๆ ค่ะ

นอกจากตัวสถานีจะใหญ่แล้ว Skywalk ยังค่อนข้างยาวทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ

อย่างด้านนี้จะเป็นฝั่งที่เป็น Skywalk ข้ามคลองสำโรงไปถึงอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง

หน้าตาของทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าไปถึงตรงอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง

ส่วนอีกฝั่ง Skywalk ก็จะยาวเลยสามแยกที่ตัดกับถนนเทพารักษ์ไปอีกค่ะ  เรียกว่าตัวสถานีนั้นกวาดพื้นที่รอบๆ ไปเยอะทีเดียว

จบด้วยทางขึ้นสถานีสำโรง

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

จุดเด่นของตัวสำโรงจะเป็นสถานีจุดตัดรถไฟฟ้า 2 สาย หรือที่เรียกว่า Interchange Station ได้แก่ สายสีเขียวเป็นช่วงต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง แน่นอนว่าในอนาคตบริเวณนี้จะมีความคึกคักมากขึ้นค่ะ  การเดินทางหลักไปโครงการ The Metropolis Samrong Interchange นอกจากจะมีรถไฟฟ้าที่อยู่ติดด้านหน้าโครงการและเปิดใช้บริการเรียบร้อยแล้ว  ถนนสุขุมวิทก็ยังเป็นถนนสายยาว สามารถเข้าและออกเมืองได้สะดวก (และมีรถติดหนักเป็นบางพื้นที่) จะออกไปถนนเทพารักษ์ และถนนปู่เจ้าสมิงพรายไม่ไกล ส่วนทางด่วนต้องออกไปเส้นบางนา-ตราด หรือถ้าจะไปวงแหวนรอบนอก ถนนกาญจนาภิเษก ก็ไปขึ้นช่วงพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณค่ะ

(คลิกที่รูปเพื่อดูแผนที่ขยายได้นะคะ)

โครงการ The Metropolis ทำแผนที่ตำแหน่งของสิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ใกล้ๆ โครงการมาให้ชมด้วยค่ะ  โครงการตั้งอยู่ในโซนสุขุมวิทตอนปลาย ไกลจากโซนในเมืองค่อนข้างมาก ค่อนไปทางสมุทรปราการมากกว่า แต่พอมีรถไฟฟ้าเข้าไปถึงแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ แน่นอนว่าในแนวเส้นสุขุมวิทอยู่ ศูนย์การค้า ห้าง และคอมมูนิตี้มอลล์ มีอยู่ไม่ขาดสาย  ตัวโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ถ้านับเป็นเวลาเข้าออกจากสถานีทองหล่อไปถึงทองหล่อก็ใช้เวลาประมาณ 16 นาที ส่วนถ้าจะนั่งไป Emquartier ลงสถานีพร้อมพงษ์ใช้เวลา 18 นาที และสถานีอโศก ที่เป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็นั่งไปใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นค่ะ   ส่วนถ้าขยับมาใกล้ๆ หน่อยอย่างเส้นบางนา ตรงนั้นก็กำลังจะมีศูนย์การค้า The Bangkok Mall จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  รวมไปถึงเซ็นทรัล บางนา ที่เป็น Hub ของย่านนั้นค่ะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ ถ้าจะเข้าเมืองก็วิ่งเส้นถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ หรือเลี่ยงรถติดตรงบางนาโดยใช้สุขุมวิท 80 ออกถนนทางรถไฟสายเก่าไปออกพระรามสี่หรือจะไปถนนปู่เจ้าสมิงพรายก็ง่ายดีค่ะ  ทางด่วนที่ใกล้กับโครงการจะมีสองทางคือ ออกไปเส้นบางนา-ตราดเป็นทางด่วนเข้าเมือง หรือจะออกไปวงแหวนรอบนอกก็ไปขึ้นตรงแถวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ อีกทั้งยังมีสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เข้าพระราม 3 ได้อีกด้วย

บริเวณโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวและบ้านพักอาศัย  บริเวณริมถนนสุขุมวิทจะเป็นตึกแถวสูงประมาณ 2-3 ชั้น ถ้าเลยไปโซนปู่เจ้าสมิงพรายตรงนั้นโรงงานก็จะเยอะขึ้นกว่าช่วงสำโรงค่ะ  ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือ (หมายเลข 1) ตรงนี้จะมีที่กลับรถ แต่ว่าถ้ามาจากสุขุมวิทฝั่งขาออกต้องไปกลับรถที่บริเวณไฟแดงปู่เจ้าสมิงพรายแทนค่ะ เพราะถ้ากลับรถตรงแยกเลยจะชิดซ้ายเข้าโครงการ The Metropolis ไม่ทัน  ส่วนใกล้ๆ กับโครงการจะเป็นซอยสุขุมวิท 80 จะมี ไปรษณีย์ สำโรง (หมายเลข 2) อยู่หน้าปากซอย  ซึ่งซอยสุขุมวิท 80 เองสามารถออกไปถนนทางรถไฟสายเก่าออกไปถนนปู่เจ้าสมิงพรายได้ค่ะ

จากสถานี BTS สำโรง จะมี Skywalk ข้ามคลองสำโรง เดินเข้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ได้สบายๆ ในห้างจะมีบิ๊กซีด้วย ด้านข้างของอิมพิเรียลสำโรงจะเป็นสำโรงเซ็นเตอร์ (หมายเลข 3) บริเวณนี้จะมีรถตู้ไปหลายที่เลยค่ะ ส่วนด้านหลังจะเป็นโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ (หมายเลข 4)   ส่วนฝั่งตรงข้ามกันบนถนนสุขุมวิทจะเป็นตลาดสำโรง (หมายเลข 7)  เป็นตลาดสด เลยไปหน่อยจะเป็นตึกแถวร้านค้า ร้านขายทอง ค่อนข้างคึกคักกว่าบริเวณรอบๆ โครงการค่ะ  ส่วนฝั่งออกนอกเมืองห่างไป 1 สถานี คือ สถานีปู่เจ้าสมิงพราย ตรงนั้นก็จะมี BigC Jumbo สำโรงอยู่ค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

พาไปเดินเล่นรอบๆก่อนเข้าสำนักงานขาย The Metropolis Samrong Interchange กันค่ะ

ทางเท้าด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนสุขุมวิทค่ะ

ถนนสุขุมวิทจะมีเกาะกลาง ซึ่งด้านหน้าโครงการจะเป็นที่กลับรถที่อยู่เลยทางเข้าออกโครงการไป

สถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงเหนือ อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนสุขุมวิท

ถนนสุขุมวิทด้านหน้าโครงการจะเป็นฝั่งขาเข้าเมืองค่ะ มีรถประจำทางวิ่งผ่านตลอด

ใกล้ๆ กับสำนักงานขายมีวินมอไซค์อยู่ อย่างไปอิมพิเรียลก็ 15 บาท

ฟุตบาทหน้าตึกแถวติดถนนสุขุมวิท ใกล้แยกตัดกับถนนเทพารักษ์

ถนนเทพารักษ์ที่เป็นที่ตั้งของสถานีสำโรง ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)

ปัญญาอิเล็คทริค เป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า อยู่ติดถนนสุขุมวิท

มาฝั่งที่จะเข้าเมืองกันบ้างค่ะ จากโครงการวิ่งขึ้นสะพานข้ามคลองสำโรงได้เลย

ปากซอยสุขุมวิท 80 ที่เป็นซอยเชื่อมกับถนนทางรถไฟสายเก่า ด้านหน้ามีที่ทำการไปรษณีย์อยู่

จากสะพานข้ามคลองสำโรง ตอนนี้จะมี Skywalk จากรถไฟฟ้าสำโรง ไปถึงอิมพิเรียลแล้ว เดินไปได้สบายๆ

หน้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง มีรถสองแถวผ่าน

คลองสำโรง

ตลาดสำโรง

ด้านข้างของอิมพีเรียลเวิร์ด สำโรง เป็นร้านค้า ธนาคาร และวินรถตู้

อิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง มีบิ๊กซีอยู่ด้วย

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

เข้ามาที่สำนักงานขายกันเลยค่ะ

เริ่มจากป้ายด้านหน้าโครงการ The Metropolis Samrong Interchange กันเลย

ป้ายโฆษณาด้านหน้า กับการขาย Pre-Sales ตึกใหม่

ตอนนี้โครงการก็ก่อสร้างมาสักพักแล้ว

ถ้ามองจากชานชาลารถไฟฟ้าก็เห็นโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ คาดว่าจะโอนได้ประมาณปลายปี 61

ด้านนอกค่ะ

เข้ามาภายในสำนักงานขาย

บรรยากาศของสำนักงานขายค่ะ

ดูผังโครงการ  ตำแหน่งการเข้าถึง

ตัวที่ดินของโครงการ The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ มีทางเข้าติดกับถนนสุขุมวิท และติดกับตัวสถานี BTS สำโรงเลยค่ะ มีด้วยกันทั้งหมด 4 อาคาร แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย คืออาคาร A, B, C รวม 3 อาคาร และอาคารจอดรถ D 1 อาคาร  ตอนนี้เปิดขายเฉพาะอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารสุดท้ายแล้วค่ะ อาคาร A และ C ที่ขายมาก่อนหน้านี้โครงการบอกว่าหมดไปเรียบร้อยแล้ว (ทำไมไวจัง)  อาคาร B สูง 30 ชั้น เป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับถนนสุขุมวิทและสถานีรถไฟฟ้าสำโรงมากที่สุด จากถนนเข้ามาถึงโครงการ ระยะทางอยู่ที่ 18 เมตร ด้านหน้าจะเป็น Community Mall สำหรับคนในย่านนี้ค่ะ

ด้านหลังอาคาร B จะเป็นอาคาร A สูง 39 ชั้น  ที่ชั้น 6 ของทั้ง 2 อาคารเชื่อมกัน ใช้ส่วนกลางร่วมกัน ส่วนอาคาร C เป็นอาคารสูง 7 ชั้น เป็นที่พักอาศัยเช่นกันค่ะ และอาคาร D จะเป็นอาคารจอดรถ 5 ชั้น โดยรวมรอบๆบริเวณที่ตั้งโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยค่ะ ถ้าด้านหน้าที่ติดกับถนนสุขุมวิทจะเป็นตึกแถวเป็นส่วนใหญ่ค่ะ โซนนี้จะเป็นย่านที่พักอาศัยสลับกับโรงงานและโกดังเก็บสินค้าค่ะ ไม่ได้มีอาคารสูงโดยรอบให้เห็นในตอนนี้

ทิศทางแดด  ฝั่งไหนร้อน?  ฝั่งไหนร่ม?

ตัวคอนโดนั้นวางตามรูปที่ดิน อาคาร C และ D จะเป็นอาคาร Low-rise  ส่วนอาคาร A และ B จะเป็น High-rise อาคาร B ที่อยู่ด้านหน้า ใกล้กับทางเข้าออกคอนโดจะสูง 30 ชั้นค่ะ ส่วนอาคาร A ที่อยู่ติดกับทางด้านหลังจะสูง 39 ชั้น  ห้องพักของทั้งอาคาร A และ B  จะเริ่มที่ชั้น 7  แปลนอาคารเป็นรูปตัว L คล้ายๆ กัน เพียงแต่วางกลับหัวกัน  ห้องส่วนใหญ่วางเฉียงๆ กับเหนือใต้ค่ะ  ที่อาคาร B ทางด้านฝั่งทิศใต้จะได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ ฝั่งนี้จะหันไปทางนอกเมือง ส่วนทิศเหนือจะเป็นฝั่งที่หันไปทางฝั่งเมือง ห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน จะหันออกถนนใหญ่ที่เป็นแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นทิศตะวันออกค่ะ  ส่วนห้องริมสุดจะค่อยข้างติดกับอาคาร A ด้านที่หันทางทิศตะวันตก อาจจะมองเห็นห้องของอาคาร A ค่อนข้างใกล้ค่ะ แต่ด้วยความเป็นห้องมุมก็จะมีบางฝั่งที่ก็ไม่ได้หันไปเจออาคาร A อยู่ค่ะ

ส่องโมเดล

มาดูโมเดลเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนกันมากขึ้นดีกว่าค่ะ เริ่มจากภาพรวม อาคาร B ที่เป็นตึกที่เปิดขายอยู่ตอนนี้ จะอยู่หน้าสุดติดถนนใหญ่และติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสำโรงเลยค่ะ

ด้านหน้าของอาคาร B ที่ชั้น 1-3 เป็น Community mall ค่ะ

ส่วนด้านหลังอาคาร B จะเป็นอาคาร A  ซึ่งตัวอาคารจะสูงกว่าตึก B

อาคาร A และ B ที่ชั้น 1-5 เป็นที่จอดรถ ส่วนชั้น 6 จะมีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อกันระหว่างอาคาร A และ B

ด้านข้างอาคาร C จะเป็นที่อยู่อาศัยเหมือนกันสูง 7 ชั้น   ด้านหลังอาคาร C เป็นอาคาร D เป็นอาคารจอดรถสูง 5 ชั้น

ที่ชั้นบนอาคารจอดรถ จะมีคอร์ทแบดมินตัน 2 คอร์ท และสวนหย่อมให้ด้วยค่ะ

ระหว่างอาคาร A กับ อาคาร B ทางฝั่งทิศเหนือค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

Facilities ของอาคาร A และ B จะอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นโพเดียมเหนือที่จอดรถค่ะ สามารถใช้ร่วมกันได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกัน โดยสระว่ายน้ำจะมีอยู่ทั้ง 2 อาคาร ที่อาคาร B จะอยู่ฝั่งทิศใต้ ส่วนอาคาร A จะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือค่ะ  เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดประมาณ 12×25 เมตร และ 12×30 เมตร แยกสระเด็ก และมีห้อง Facilities ต่างๆ รอบๆ ทั้งห้องฟิตเนส ห้องไดร์ฟกอล์ฟ ห้องอเนกประสงค์ ห้องซักรีด รวมถึงสวนพักผ่อนและที่นั่งรอบสระว่ายน้ำด้วยค่ะ ส่วนอาคารจอดรถ ตึก D ด้านบนจะมีคอร์ดแบดมินตันและสวนหย่อม  นอกจาก facilities ต่างๆ ของคอนโดแล้ว  ด้านหน้าของ The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ นี้ยังมี Community Mall ที่โครงการทำแยกไว้ตรงอาคาร B ด้วยค่ะ

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น  อาคาร B สัดส่วนลิฟต์โดยสาร 3 ตัวต่อ 552 ยูนิต และมีที่จอดรถ 43% ไม่รวมจอดซ้อนคันสำหรับคอนโดที่ติดรถไฟฟ้า การใช้รถไฟฟ้าก็น่าจะเป็นตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองที่ดีทีเดียว

Waiting Lounge ตรงอาคาร B ที่ชั้น 6 ค่ะ

Grand Lobby Lounge ด้านในอาคารตกแต่งใช้โทนสีอุ่น

Lounge ด้านในอีกรูป

พื้นที่นั่งส่วนกลางใกล้กับสระว่ายน้ำ

ที่นั่งบริเวณชั้น 6 ที่เป็นชั้นส่วนกลาง ให้มาเยอะเลยค่ะ

มาดูสระว่ายน้ำ แบบ Infinity Edge Pools

สระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก มีทั้งฝั่งอาคาร A และ B

สระว่ายน้ำอีกรูปค่ะ

ด้านในของห้องฟิตเนส

ภายในโครงการ มีร้านอาหารอยู่ด้วย

เปิดผังคอนโด  Typical Floor Plan

Typical Floor Plan คอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ 

อาคาร B  ชั้น 7-30

ที่อาคาร B  ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7 ค่ะ แปลนอาคารจะเป็นรูปตัว L มีลิฟต์โดยสารจะอยู่ตรงมุมตัว L ห้องที่อยู่ด้านยาวก็จะเดินไกลหน่อย   ห้องส่วนใหญ่จะเป็น 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร มีอยู่ 16 ห้อต่อชั้น และมีห้องขนาด 37 ตารางเมตรเพิ่มขึ้นในตำแหน่งห้องมุมอีก 1 ห้อง  ส่วนห้องสตูดิโอ ขนาด 28 ตารางเมตรที่เป็น Type เล็กที่สุดในโครงการจะมีเพียงชั้นละห้องเท่านั้น อยู่บริเวณใกล้กับโถงลิฟต์

ส่วนแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 ตารางเมตร ส่วนใหญ่จะอยู่แนวตัว L ด้านสั้น หันหน้าไปทางถนนสุขุมวิทแลสถานีรถไฟฟ้า และก็มี 2 ห้องนอน ขนาด 67 ตารางเมตร ซึ่งเป็น Type ใหญ่ที่สุด อยู่ 1 ห้อง ตรงมุมอาคารค่ะ  รวมแล้ว 23 ห้องต่อชั้นค่ะ

แปลนห้อง

แปลนของคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ ในอาคาร B  มีหลักๆ อยู่ 3 แบบค่ะ เป็นแบบสตูดิโอ 28 ตารางเมตร, 1 ห้องนอน ขนาด  35 และ 37  ตารางเมตร  และ  2 ห้องนอน 52 และ 67 ตารางเมตร

แปลนห้องคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์

แบบสตูดิโอ ขนาด 28 ตารางเมตร

ห้องสตูดิโอที่มีเพียง 1 ห้องต่อชั้น แปลนจะเป็นแนวแคบและยาวเข้าไป แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านหน้าที่เป็นครัวและห้องน้ำ กับด้านในห้องที่เป็นพื้นที่นั่งเล่นและที่นอน

เปิดประตูเข้ามาในห้องเจอพื้นที่ครัวก่อนค่ะ  มีห้องน้ำจะอยู่ตรงครัว  ครัวจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับเตียงนอน ไม่มีโต๊ะรับประทานอาหารให้ น่าจะต้องใช้ร่วมกับพื้นที่นั่งเล่น  ส่วนตู้เสื้อผ้าจะวางอยู่ปลายเตียงค่ะ ริมหน้าต่างจะมีพื้นที่เหลืออยู่ ทำให้เตียงไม่ต้องไปติดกับหน้าต่างจนเกินไป  ส่วนระเบียงที่ได้มาค่อนข้างแคบ พอที่จะออกไปยืนรับลมได้อยู่

แปลนห้องคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์

แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 และ 37 ตารางเมตร

ฟังก์ชั่นของแบบ 1 ห้องนอนจะวางต่างจากห้องสตูดิโอค่ะ เข้ามาเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อน ติดกันเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนห้องนอนอยู่ด้านในสุดกั้นห้องด้วยประตูบานเลื่อนค่ะ ห้องครัวจะเข้าตรงห้องนั่งเล่นกั้นประตูบานเลื่อน พื้นที่ห้องครัวแคบและยาว มีเคาน์เตอร์ครัววางแยวไปตามพื้นที่ครัว ห้องน้ำจะอยู่บริเวณห้องครัว ห้องแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหาร เพราะกั้นเป็นครัวปิดไว้ให้ และติดกับระเบียงระบายอากาศได้ดี ข้อดีของการทำห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนนั้น จะช่วยให้พื้นที่ห้องดูกว้างขึ้นค่ะ ถ้าต้องการให้ห้องดูกว้างๆ ก็เลื่อนประตูบานเลื่อนเข้าไป ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นก็เชื่อมต่อกัน ได้พื้นที่เพิ่มขึ้น  ทั้งขนาด 35 และ 37 จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมือนกัน ต่างกันแค่หน้ากว้างของห้องนิดหน่อยที่เพิ่มมาของแบบ 37 ตารางเมตร

แปลนห้องคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 ตารางเมตร

แบบ 2 ห้องนอน เปิดห้องเข้ามาจะเจอโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ติดกับโต๊ะจะเป็นห้องครัวที่กั้นห้องไว้ให้ ด้วยความที่ครัวไม่ติดระเบียง ถึงจะมีเครื่องดูดควันมาแล้ว กลิ่นอาจจะมีรบกวนอยู่บ้าง  ส่วนด้านหลังโต๊ะทานข้าวจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ที่มีระเบียงยาวเชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ห้องน้ำจะอยู่หน้าห้องติดกับทางเข้าห้องเลยค่ะ มีห้องเดียว  ห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดกับห้องน้ำ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ตรงข้ามกับห้องครัวค่ะ รวมๆ  พื้นที่ตรงกลางให้มาค่อนข้างกว้างค่ะ

แปลนห้องคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์

แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 67 ตารางเมตร

แบบ 2 ห้องนอน ขนาดใหญ่สุดที่มีเพียง 1 ห้องต่อชั้น ทางเข้าห้องจะอยู่ริมของแปลนห้องเลยค่ะ  เปิดห้องเข้าจะเป็นโถงโล่งๆ วางชั้นวางของได้ มีห้องนอนเล็กอยู่ใกล้กับทางเข้าออกห้องสุด มีระเบียงยาวอยู่ในห้องนอนเล็ก  เข้ามาด้านจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ติดกันเป็นครัวปิด และห้องน้ำด้านนอกที่อยู่ในครัว  ระเบียงห้องอีกจุดจะอยู่เป็นแนวยาวไประหว่างครัวถึงห้องนั่งเล่นค่ะ จุดนี้เลยทำให้ทำครัวได้สบายๆ ส่วนห้องนอนใหญ่ที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นอีกฝั่ง จะไม่มีระเบียง แต่จะได้ห้องน้ำในตัวค่ะ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างถ่ายมาให้ดูเป็นแบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร   ความสูงของสเปซระยะฝ้าเพดานในห้องทั่วๆ ไปสูง 2.55 เมตร  ห้องที่ได้เป็นแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบตามห้องตัวอย่าง

ห้องตัวอย่างคอนโด The Metropolis สำโรง อินเตอร์เชนจ์ 

แบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร

เข้ามาภายในห้อง จากพื้นที่นั่งเล่น เข้าไปจะเจอส่วนรับประทานอาหารและห้องนอนอยู่ด้านในสุด

ห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนไม้ 3 ตอน พอเลื่อนประตูปิดไป  ข้อดีคือ ห้องนอนจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เวลามีแขกมาห้องก็ปิดไว้

ห้องนอนที่อยู่ด้านในสุด

พื้นที่ตรงชั้นดูทีวี ด้านข้างจะเป็นทางเข้าไปห้องครัวและห้องน้ำค่ะ เป็นประตูบานเลื่อนกระจก

ห้องครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด อยู่ติดกับระเบียงห้อง

มีห้องน้ำอยู่บริเวณเดียวกับห้องครัว

จบด้วย จากห้องนอนมองออกมาพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารค่ะ

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมก็ให้มารวมๆโอเคค่ะ  เป็น Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์มาครบ  อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน  คือ  วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร(pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง(Finishing Material)  เพื่อให้ส่องกันง่ายๆเช่นเคยค่ะ

วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)

ครัวแบบ 1 ห้องนอน เคาน์เตอร์ยาวตามพื้นที่ห้องมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าไว้ให้

เปิดให้ดูพื้นที่เก็บของ ได้มาจุใจดีค่ะ

เตาไฟฟ้าสองหัว ของ Tecno

เครื่องดูดควันของ Tecno เช่นกัน

วัสดุห้องน้ำ

ห้องน้ำของ 1 ห้องนอน ได้ฉากกั้นบานเลื่อนมาด้วย

Rain Shower และ ฝักบัวของ American Standard

อ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านล่างมีตู้เก็บของ

ตู้เก็บของบานเปิดค่ะ

ก๊อกน้ำก็ของ American Standard

โถสุขภัณฑ์ American Standard

พื้นส่วนเปียกลดระดับลงไปเล็กน้อย พร้อมฉากกั้นให้

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

เริ่มจากประตูเข้าห้อง โครงไม้เนื้อแข็ง ปิดผิว หน้าตาตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ด้าในห้องนอนจะกั้นด้วยฉากกั้นเลื่อนเป็นบานไม้อัด 3 ตอน

มือจับประตูก้านโยก ระบบประตู Digital Smart Lock ของ Kwikset ใช้ระบบสัมผัสหรือ เปิด-ปิดผ่านสมาร์ทโฟนได้ด้วยการโหลด App ชื่อว่า kevo มาค่ะ

ด้านใน Digital Smart Lock ของ Kwikset

มือจับบานเลื่อนตรงห้องนอน 3 ตอน

พอเลื่อนปิดมา พอดีกับตำแหน่งสวิตซ์ไฟพอดีๆ

ห้องนอนเป็นพื้น Engineering wood ส่วนห้องนั่งเล่นและห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้

ได้เตียงนอนขนาด 5 ฟุต และโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง

ชั้นวางทีวีของแบบ 1 ห้องนอน ได้ที่เก็บของมาเยอะทีเดียว

พื้นที่เก็บของด้านใน

โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางในห้องนั่งเล่น

โต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง

ตู้เสื้อผ้า Built-in บานเลื่อน

ประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีดำ

ราวกันตกเหล็กกล่องและเหล็กแผ่นทาสีเทาดำ ด้านข้างจะเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ทำระแนงไว้บังเรียบร้อยดีค่ะ

 เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเริ่มต้นวันที่แวะเข้าไปทำรีวิว (11/05/2017) ราคาเริ่มต้นวันที่เปิดตัว Pre-Sale อาคาร B เริ่มที่ 2.5 ล้านบาท เป็นสตูดิโอ ขนาด 28 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 90,000 บาทต่อตารางเมตรค่ะ ได้ห้องเป็นแบบ Fully Furnished

ราคา ณ วันที่  11 พฤษภาคม 2560

ราคาเริ่มต้น :

สตูดิโอ พื้นที่ 28  ตร.ม.  ราคา 2.5 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 90,000 บาทต่อตารางเมตร

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

n/A

• ผ่อนดาวน์

n/A

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง   40  บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1  ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund)  500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

โครงการอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าเมือง ถ้าจะเข้าเมืองก็วิ่งเส้นถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ หรือเลี่ยงรถติดตรงบางนาโดยใช้สุขุมวิท 80 ออกถนนทางรถไฟสายเก่าไปออกพระรามสี่หรือจะไปถนนปู่เจ้าสมิงพรายก็ง่ายดีค่ะ  ทางด่วนที่ใกล้กับโครงการจะมีสองทางคือ ออกไปเส้นบางนา-ตราดเป็นทางด่วนเข้าเมือง หรือจะออกไปวงแหวนรอบนอกก็ไปขึ้นตรงแถวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ  และสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เข้าพระราม 3 ได้ด้วย ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นั้นตอนนี้สถานีสำโรงก็เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางขึ้นลงก็อยู่ใกล้กับทางเข้าออกโครงการเลยค่ะ  น่าจะทำให้สะดวกมากขึ้นจากเดิมที่ต้องนั่งรถไปต่อตรงแบริ่ง  เพราะช่วงนี้ก็ถือว่ามีรถติดกันพอสมควร  ถ้าทำงานในโซน CBD อย่างอโศกก็นั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวยาวๆ ไม่ต้องเปลี่ยนสาย  ในอนาคตนอกจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายไปถึงสมุทรปราการแล้ว ก็ยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) อีกด้วยค่ะ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

โครงการจะอยู่ในเส้นสุขุมวิทอยู่ แต่เป็นโซนสุขุมวิทตอนปลายสุด ไกลจากโซนในเมืองค่อนข้างมาก ค่อนไปทางสมุทรปราการมากกว่า เดิมทีโซนนี้จะพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยเก่า บวกกับโรงงานย่านสมุทรปราการ แต่พอมีรถไฟฟ้าเข้าไปถึงแล้ว ทำเลโซนนี้ก็น่าคึกคักขึ้นค่ะ ยิ่งตัวสถานีสำโรงนั้นเป็นสถานีใหญ่ที่เป็น Interchange Station ในอนาคตพอเพิ่มรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเข้าไปอีกก็น่าจะเพิ่มความคึกคักในย่านนี้ได้อีกเยอะเลยค่ะ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

บริเวณโดยรอบตอนนี้ยังไม่ได้มีตึกสูงอะไรมาบังโครงการค่ะ ตัวโครงการประกอบด้วย 4 อาคารด้วยกัน แบ่งเป็นอาคารพักอาศัยที่เป็นอาคารสูง 2 อาคาร, อาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น 1 อาคาร และ อาคารจอดรถ 1 อาคาร ซึ่งตอนนี้เปิดขายอาคาร B เป็นอาคารสุดท้าย ส่วนอีก 2 อาคารที่เป็นอาคารพักอาศัยปิดการขายไปเรียบร้อยแล้วค่ะ คอนโดจะเล่นแพนเทิร์นบนตัวอาคารสีขาวสลับสีน้ำตาลเข้ม วางอาคารสูง 2 อาคาร เป็นรูปตัว L ติดกัน ซึ่งอาคาร B ที่เปิดขายอาคารสุดท้ายจะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดติดถนนสุขุมวิท และติดรถไฟฟ้าค่ะ ความสูง 30 ชั้น เตี้ยกว่าอาคาร A ที่อยู่ด้านหลัง จำนวนยูนิตน้อยกว่าอาคาร A ด้วย

ด้านการวางแปลนห้อง จัดมาออกมาค่อนข้างดี แบบ 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตรที่มีมากที่สุดในโครงการ แบ่งสัดส่วนของการใช้งานได้ดี ห้องครัวกับห้องน้ำจะแยกออกไปด้านนึงเลย เหมาะกับคนที่ชอบทำครัว เวลาเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องไปรบกวนพื้นที่ห้องนอนค่ะ  ส่วนห้องนอนจะได้ประตูบานเลื่อนที่เป็นบานไม้ แปลกตาไปจากห้องคอนโดทั่วๆ ไปที่ได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก ตรงนี้ถ้าอยู่เองก็อาจจะเปิดห้องนอนใหญ่เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ทำให้ห้องและพื้นที่การใช้งานกว้างมากขึ้น ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาถึงพื้นที่นั่งเล่นด้วยค่ะ  เพราะถ้าปิดบานเลื่อนตรงห้องนอนหมด ห้องนั่งเล่นจะค่อนข้างมืดเลย  ส่วนแบบ 2 ห้องนอนด้วยขนาดที่ใหญ่มาก ทำให้สเปซการใช้สอยรวมๆ ใช้งานสบายๆ ไม่อึดอัด

ด้านวัสดุนั้นให้มาโอเคดีในภาพรวม  ได้ห้องเป็นแบบ Fully Furnished ค่ะ ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ มีพื้นที่เก็บของให้เยอะพอสมควร   ด้านพื้นที่ส่วนกลางนั้นให้มาเต็มชั้น ใช้ร่วมกันได้ทั้ง 2 อาคาร แต่ก็แบ่งเป็นสระว่ายน้ำ 2 สระ แล้วก็มีพวกห้องฟิตเนส ห้องอเนกประสงค์ต่างๆ ให้เลือกใช้งาน  สำหรับเรื่องที่จอดรถ ก็มีประมาณ 43% กับโครงการติดๆ กับรถไฟฟ้า แต่ว่าไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง อาจจะจำเป็นต้องมีรถค่ะ ดูน้อยไปนิดๆ แต่ก็พอรับได้

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

โครงการจะเปิด Pre-Sale ตึก B เป็นอาคารสุดท้าย  ในวันที่ 10-11 มิ.ย.60 

ลงทะเบียบ รับส่วนลด >>> คลิกที่นี่ 

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ