แสนสิริชูความสำเร็จคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) โชว์ผลงานล่าสุด สร้างปรากฏการณ์ใหม่โครงการ “โมริ เฮาส์” (Mori HAUS) เพียง 1 สัปดาห์ ลูกค้าตรวจรับมอบห้องแล้วถึง 70% ของจำนวนทั้งหมด 262 ยูนิต พร้อมจ่อคิวเปิดตัวอีก 3 โครงการ รวมมูลค่า โครงการกว่า 12,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้คอนโดมิเนียมปีนี้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 25,000ล้านบาทแน่นอน
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) ซึ่งพัฒนาแนวคิดมาจากกระแสของโลกปัจจุบัน รวมเทรนด์ SLOW LIFE หรือการใช้ชีวิตอย่างละเมียดละไม หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงที่สุด ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เลี่ยงการใช้ชีวิตรีบเร่งเกินพอดี เข้ากับเทรนด์ ECO-LIVING หรือการใช้ชีวิตที่อิงอาศัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อความสมดุล พอเพียง และยั่งยืน ซึ่งตอบรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติกลางเมืองใหญ่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติ ตั้งแต่โครงการแรก “ฮาสุ เฮาส์” (hasu HAUS) ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด URBAN SLOW LIVING การใช้ชีวิตเมืองในแบบละเมียดละไม ก็ประสบความสำเร็จปิดการขาย ด้วยยอดขายลูกค้าต่างชาติสูงถึง 48% และโครงการที่ 2 “โมริ เฮาส์” (Mori HAUS) กับแนวคิด TREES OF LIFE ใช้ชีวิตร่มรื่นในกลางเมือง ก็ปิดการขายเช่นกัน และยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในด้านคุณภาพของโครงการที่ดีมาก ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ลูกค้าตรวจรับมอบห้องแล้วถึง 70% จากจำนวนทั้งหมด 262 ยูนิต นับว่าเป็นยอดตรวจรับมอบห้องคอนโดมิเนียมที่สูงและเร็วมากเป็นประวัติการณ์
“คอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) ที่ผ่านมาทั้ง 2 โครงการ คือ ฮาสุ เฮาส์และโมริ เฮาส์ เป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวญี่ปุ่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ เนื่องจากตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัย บรรยากาศดี เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยคลองธรรมชาติที่ทอดตัวผ่านพื้นที่สีเขียว สามารถเดินทางเข้าเมืองสู่ย่านธุรกิจได้ง่าย สะดวก ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช รวมถึงให้ผลตอบแทนจากการเช่าสูงถึง 5-7% ต่อปี โดยตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่อาศัยย่านสุขุมวิท 77 หรือ T77 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบทุกมิติ มีคอมมูนิตี้ มอลล์ Habito ที่ครบครันทั้งร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง พร้อมพื้นที่สร้างสรรค์งานคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ใหญ่และครบครันที่สุดในเอเชียอาคเนย์กับ HUBBA-TO Co-working Space รวมถึงเพื่อนบ้านใหม่อย่าง Bangkok International Preparatory and Secondary School (Bangkok Prep : บางกอกเพรพ) โรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่เปิดให้การศึกษาแล้ว ซึ่งส่งผลให้ T77 เป็นฮับแห่งไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยชาวต่างชาติเต็มตัว”
“ทั้งนี้ ด้วยความสำเร็จของคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เฮาส์” (HAUS) แสนสิริจึงเตรียมเปิดตัวอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 12,000 ล้านบาทปลายปีนี้ นำร่องด้วยโครงการ taka HAUS (ทากะ เฮาส์) มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีอีกเช่นเคย และมั่นใจว่ารายได้รวมของคอนโดมิเนียมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย