นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ในการสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เราจึงเดินหน้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์กลุ่มที่ 3 ของบริษัทฯ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 ซึ่งประกอบด้วย โรงแรมในระดับ Midscale ถึง Upper Upscale ที่เปิดดำเนินการแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร, โรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช และโรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา และโรงแรมรวมทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส (Mixed-Use Properties) ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา รวมอีก 8 แห่ง ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 26,229 ล้านบาท(1) เพื่อเสริมศักยภาพและความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ซึ่งจะสร้างผลประกอบการอย่างก้าวกระโดดภายใน 5 ปี”
โดยกลุ่มสินทรัพย์ที่เปิดดำเนินการแล้วและมีความโดดเด่นทั้งในแง่ศักยภาพการดำเนินการและที่ตั้งนั้น จะมีทั้ง โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ ที่เป็นโรงแรมแมริออทแห่งแรกในกรุงเทพฯ ระดับ Upper Upscale ที่มีทั้งห้องโรงแรมและรูปแบบห้องแนวใหม่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มคณะ ครอบครัว หรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าพักในระยะยาวจำนวน 303 ห้อง ที่มีการดำเนินการที่ก้าวกระโดดด้วยรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับโรงแรมเดียวกันในไตรมาส 3/2562 สูงถึง 149.4 %
นอกจากนี้ก็ยังมี โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร โรงแรมที่ตั้งอยู่ในใจกลางสาทรที่ระดับ Midscale ที่ทำออกมารองรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางมัจำนวนห้องพัก 184 ห้อง โโยยังสามารถคว้ารางวัล รางวัล Loved by Guests 2019 จาก Hotels.com แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจจากผู้เข้าพักได้อีกด้วย
ส่วนโรงแรมโรงแรมทรัพย์สินกลุ่ม 3 ของบริษัทฯ ที่เปิดดำเนินการแล้วนอกกรุงเทพฯ เองก็ยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยวของนักเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยโรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช เป็นรีสอร์ทริมหาด ระดับ Upper Upscale การันตีด้วยรางวัล Best International Wedding Hotels in the World 2019 จาก International Hotel Awards และยังมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นสูงถึง 145.2 % แล้วยังมี
โรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา เป็นรีสอร์ทในระดับ Upper Upscale ที่โดดเด่นด้วยห้องพักแบบทันสมัยจำนวน 322 ห้อง พร้อมด้วยสระว่ายน้ำจำนวน 5 สระ และสระว่ายน้ำแบบ loop pool โดยได้รับรางวัล Best Luxury Resort Hotel Asia Pacific 2019 จาก International Hotel Awards และมีดัชนีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดเมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับเดียวกัน (RevPAR Index) สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2562 สูงถึงร้อยละ 171.6
นอกจากนี้โรงแรมทรัพย์สินกลุ่ม 3 ยังประกอบไปด้วยโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส (Mixed-Use Properties) ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา อีก 8 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพักรวมมากกว่า 2,500 ห้องโดยมีโครงการที่โดดเด่น อาทิ AWC CENTER PATTAYA โครงการมิกซ์ยูสระดับเมกะโปรเจคใหม่ใจกลางเมืองพัทยา ประกอบด้วย โรงแรมเจดับบลิว แมริออท เดอะ พัทยา บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา และ โรงแรม พัทยา แมริออท มาร์คีส์ ที่มีห้องพักรวม 1,298 ห้อง ตลอดจนโครงการอควอทีค จุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ระดับไอคอนของพัทยาอีกทั้งยังมีโรงแรมบันยัน ทรี จอมเทียน พัทยา รีสอร์ทระดับ Luxury ริมหาด จอมเทียนที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองทั้งจากรุงเทพฯ และเมืองหลักโดยรอบ ที่จะมีห้องพักและวิลล่ารวม 150 ห้อง และโครงการที่จะพัฒนาในอนาคตต่างๆ อีกมากมาย
การเข้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินกลุ่ม 3 จะทำให้แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น เป็นเจ้าของโรงแรมรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในโรงแรมระดับ Midscale ขึ้นไป เมื่อพิจารณาจากจำนวนห้องพักทั้งหมดของบริษัทฯ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และเมื่อการพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะมีโรงแรมที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 27 แห่ง และมีจำนวนห้องพักมากกว่า 8,500 ห้อง ที่บริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล อาทิ Marriott International Inc., ฮิลตัน, บันยันทรี, มีเลีย, ไอเอชจี และโอกุระ พร้อมด้วยเครือข่ายสมาชิก Loyalty Program มากกว่า 290 ล้านสมาชิก