เห็นแปลนบ้านแล้วมาดูของจริงกันบ้างครับ โดยสถาปัตยกรรมของตัวบ้านยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็น Classic Luxury Collection ออกแบบในสไตล์ Modern Classic ที่ได้อินสไปร์มาจากงานสถาปัตยกรรมยุคโรมันในเรื่องของเส้นสาย บวกกับตัวอาคารของอิตาลี โรม อังกฤษ
โดยเพิ่มความหรูหราด้วย Facade คิ้วบัวสไตล์ย้อนยุคสลับกับความเงาของวัสดุ ซึ่งจะเน้นโทนสีเทาคราม สีเทาเข้ม และสีขาว ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงงานออกแบบที่ดูเรียบง่ายคลาสสิกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวย
ส่วนพื้นที่บริเวณโรงจอดรถในร่ม สามารถจอดได้ 3 คันแบบสบายๆ และยังมีประตูทางเข้าที่สองจากตรงนี้ อีกทั้งยังเชื่อมต่อไปยังเฉลียงด้านหน้าบ้านอีกด้วยครับ
เปิดประตูเข้ามาด้านในจะพบกับพื้นที่ในลักษณะตัวแอลแบบ Open Plan ขนาดใหญ่ ซึ่งคอนเน็กฟังก์ชันถึงกันระหว่างห้องรับรองแขก ห้องกินข้าว และห้องพักผ่อน
ห้องรับรองแขกคือส่วนแรกที่เจอโดยจะอยู่ด้านหน้าบ้าน ซึ่งมีสเปซให้วางโซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีได้โดยไม่ทำให้แขกที่มาเยี่ยมหรือผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด
ทั้งนี้ระบบ Home Automation ทางโครงการจะติดไว้ให้ที่ห้องรับรองแขกครับ
ถัดไปเป็นโซน Dining Area นอกจากโดดเด่นด้วยช่องแสงจากทางด้านหลังบ้านแล้ว แม้แต่พื้นที่ใช้สอยก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เลือกวางโต๊ะกินข้าวขนาด 4-6 ที่นั่ง หรือจะแบ่งพื้นที่บิวท์แพนทรี่เป็นครัวฝรั่งก็ได้ตามใจชอบ
แต่จุดที่เป็นไฮไลต์คือ Living Area ที่อยู่ด้านข้างบ้าน มีความพิเศษตรงที่ได้ทั้งหน้าต่างจากหลังบ้าน และประตูที่ออกไปสู่สวนด้านข้างบ้านได้อีกด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างยืดหยุ่นพอสมควร สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างอิสระ
มองย้อนกลับไปจะเป็นห้องครัว ที่ได้เป็นประตูกระจกแบบบานเลื่อน ซึ่งให้พื้นที่มากว้างพอสมควร บิวท์เคาน์เตอร์ครัวทำอาหาร แบ่งสเปซทำเป็นมุมซักผ้า ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือครับ โดยประตูนี้จะออกไปยังซักล้างด้านข้างบ้าน
ติดกันจะเป็นห้องน้ำใต้บันไดให้สุขภัณฑ์ครบทั้งโซนทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำ
แต่ชั้นล่างนี้ยังมีดีเทลสำคัญอีกหนึ่งจุดนั่นก็คือห้องนอน ที่ออกแบบเป็น Elder Care รองรับผู้สูงอายุได้อย่างลงตัว
โดยทางโครงการได้ติดตั้งปุ่ม SOS ไว้กดยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะดังส่งสัญญาณเตือนให้สมาชิกภายในบ้านได้รับรู้
ขณะที่ฟังก์ชันใช้งานสามารถวางเฟอร์นิเจอร์ห้องนอนได้ครบเซต อีกทั้งการวาง Layout ให้อยู่บริเวณหน้าบ้าน จะช่วยให้ได้ช่องแสงรอบทิศทางทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น
มาพร้อมห้องน้ำในตัวที่ยังคงคอนเซ็ปต์รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การดีไซน์ให้ไม่มีสเต็ปธรณีกั้น โดยใช้การฝังรางน้ำเรียบไปกับพื้นแทน รวมถึงมีที่นั่งอาบน้ำ และมีอุปกรณ์มือจับช่วยในการพยุงตัว เพิ่มความปลอดภัยทุกตารางเมตร
ซึ่งหากชั้นล่างออกแบบพื้นที่ส่วนรวมมาได้สมบูรณ์แบบแล้ว บอกเลยครับว่าชั้นบนกับพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนก็ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว
แต่ขอพาไปดู Family Room ที่อยู่ตรงโถงบันไดที่ให้พื้นที่มากว้างขวางมากพอให้มีหลายฟังก์ชันใช้งาน ทั้งมุมนั่งเล่นและเชื่อมเป็น Working Area ได้ หรือจะกั้นห้องทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ได้เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือมีระเบียง Outdoor ทำให้ได้ช่องแสงที่ส่องเข้ามาทางประตู รวมถึงการมีหน้าต่างด้านข้างบ้าน ทำให้บริเวณนี้สว่างไสว และเป็นช่องเปิดรับลมให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
มาถึงโซนส่วนตัวห้องแรกที่เป็นห้องนอนใหญ่สุดของบ้าน ที่จะขอเรียกว่า Grand Master Bedroom เพราะมีขนาดกว้างขวางที่วางการใช้งานไว้ได้หลากหลายรูปแบบ
แน่นอนว่าฝั่งหนึ่งเป็นมุมพักผ่อนซึ่งวางเตียง 6 ฟุตได้แบบเหลือเฟือ
แต่นอกจากนี้ยังมีมุม Living Area ที่จัดสรรสเปซให้สามารถวางได้ทั้งโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ก็ยังมีพื้นที่ว่างแบบรอบด้านเลยทีเดียว
ต่อเนื่องไปที่ Walk-in Closet ที่ทางโครงการกั้นห้องให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็ยังมีพื้นที่ให้บิวท์ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งไซส์ใหญ่ได้ครับ
ติดกันเป็นห้องน้ำ ที่แยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ด้วยการลดสเต็ป หรือจะเลือกติดฉากกั้นเพิ่มเติมก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ส่วนสองห้องนอนที่เหลือจะอยู่ด้านหลังบ้าน ห้องที่อยู่ติดกับ Grand Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่กว่าอีกห้อง วางเตียง 5 ฟุต และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ได้อย่างเพียงพอ
มาพร้อมห้องน้ำในตัว เพื่อสะดวกในการใช้งานของผู้อยู่อาศัย