หากใครเป็น FC ของแสนสิริ หรือติดตามเพจเราอยู่ตลอดจะรู้กันดีกว่าแสนสิริได้พัฒนาโครงการแนวราบใหม่ๆ ปักหมุดไปทุกทำเลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งหนึ่งในโลเคชันที่หากให้นับแล้วถือว่ามีจำนวนโครงการของแบรนด์นี้ตั้งอยู่เยอะเลยทีเดียว 

นั่นก็คือโซนราชพฤกษ์ โดยรอบนี้โครงการที่จะมารีวิว อยู่ตรงข้ามบ้านผู้เขียนที่เป็นของแสนสิริเช่นเดียวกัน ซึ่งดีเลยเราจะได้มีเพื่อนเพิ่มอีกแล้วครับ มาๆ เดี๋ยวจะพาไปชมโครงการน้องใหม่มาแรงล่าสุดกับ สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 (Saransiri Ratchapreuk – 345)

ขอเล่าแบบเป็นเทรลเลอร์ตัวอย่างซะเล็กน้อยนะครับ สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ตั้งอยู่บนทำเลตามชื่อโครงการเลย ซึ่งปัจจุบันเส้นนี้นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์ครบทั้งการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ช่วยซัพพอร์ตโครงการให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งภายในโครงการก็สร้างความโดดเด่นได้ไม่แพ้กัน ทั้งในเรื่องของบรรยากาศไปจนถึงการดีไซน์ส่วนกลาง และที่สำคัญคือการออกแบบบ้านพักให้น่าอยู่อาศัยพร้อมเติมเต็มทุกพื้นที่ให้เกิดความสุขในแบบฉบับเฉพาะตัว

ข้อมูลโครงการ

สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345

Saransiri Ratchapreuk – 345

LOCATION : ทำเลโครงการสราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345

ภาพรวมของทำเลราชพฤกษ์ 345 ณ ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าครบครัน มีทุกอย่างในการใช้ชีวิตได้แบบพร้อมเสิร์ฟโดยไม่ต้องไปโซนอื่นเลยก็ว่าได้ โดยโครงการ สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ก็ตั้งอยู่บนโซนราชพฤกษ์ ถนนซอยเกษตรพัฒนา 2  ที่ห่างจากถนนหลักเพียง 1 กิโลเมตร ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ในซอยแต่การสัญจรคล่องตัวทีเดียว คือใช้เวลาแป๊บเดียวก็ออกถนนใหญ่ได้แล้วครับ

โดยส่วนตัวที่ใช้ถนนราชพฤกษ์เป็นหลักจะบอกว่าเดินทางสะดวกสบายเส้นทางไม่ซับซ้อน ซึ่งจะเชื่อมต่อออกไปได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นวิ่งตรงยาวไปทางวงเวียนพระราม 5 และเลยออกไปทางปิ่นเกล้าได้สบายๆ อีกทั้งยังไปถนนรัตนาธิเบศร์ มุ่งหน้าเข้าสู่งามวงศ์วานก็ใช้เวลาไม่นาน

ไม่เพียงเท่านั้นหากอยากจะไปเส้นแจ้งวัฒนะ เมืองทองธานี ก็สามารถใช้เส้นชัยพฤกษ์แล้ววิ่งตรงยาวก็ถึงรวดเร็วอีกเช่นกัน ซึ่งเส้นนั้นจะมีทางด่วนอุดรรัถยาให้เป็นอีกทางเลือกในการใช้เข้าเมือง และอีกทางหนึ่งคือถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง ที่ฝั่งหนึ่งจะไปทางบางใหญ่ ส่วนอีกฝั่งมุ่งหน้าไปสรงประภา ศรีสมาน และดอนเมืองได้อย่างง่ายดาย

ประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานี และนั่งรถไฟฟ้าไปทำงานแบบชิลๆ

แต่ที่เปิดบริการใหม่ล่าสุดก็จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) โดยสถานีแยกปากเกร็ดจะใกล้โครงการมากที่สุด

ส่วนเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่อยู่มาตั้งแต่มีแค่ถนนและหมู่บ้าน แต่ตอนนี้คือมีทุกอย่างแบบใกล้แค่เอื้อมคือรู้สึกแฮปปี้เลยล่ะครับ >< เริ่มตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าที่ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็ถึงโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ อยากซื้อของกินของใช้เข้าบ้านก็สะดวกสุดๆ

หรือจะเลยไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเจอกับ โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ ของกินเยอะไม่แพ้กัน นอกจากนี้โซนใกล้เคียงก็จะมีเซ็นทรัล เวสต์เกต และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะให้ได้เที่ยวได้เดินช้อปกันแบบไม่ไกลจากโครงการมากเท่าไหร่

ถัดมาเป็นสถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการอย่าง SISB Nonthaburi, Denla British School, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ และโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซีสเซเวียร์

สำหรับสถานพยาบาลก็อยู่ใกล้อีกแล้วทุกคน ประมาณ 2 กิโลเมตร คือ โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ห่างออกไปอีกประมาณหนึ่งก็จะมี โรงพยาบาล เวิลด์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ และโรงพยาบาลชลประทาน

The Project

รีวิวโลเคชันรอบนอกไปแล้วก็ไปชมกันต่อกับโครงการ Saransiri Ratchapreuk – 345 ซึ่งซีรีส์ใหม่ของแบรนด์สราญสิริจะมาในคอนเซ็ปต์หลักได้แก่ Farmhouse Village  แต่จะมีความแตกต่างกันไปในส่วนของดีไซน์และแนวคิดที่จะมีลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละโครงการ อย่างโครงการนี้มีแนวคิด Love makes life complete เติมความสุขให้เต็มพื้นที่

ขณะที่การออกแบบก็สร้างสรรค์ได้อย่างโดดเด่นเริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่ฝั่งหนึ่งถูกดีไซน์เป็นอาคารทรงจั่วโดยด้านหลังถูกตกแต่งให้เป็นสวนต้อนรับลูกบ้านและแขกผู้มาเยือน ซึ่งรับกันกับซุ้มทางเข้าทรงโค้งได้อย่างสวยงาม

โดยจะเห็นได้ว่าบริเวณ Main Gate การป้องกันขั้นแรกจะเป็นประตูรั้วอัตโนมัติ และมีพื้นที่ขนาดใหญ่มากพอให้แบ่งทางเข้า-ออกแยกกันคนละส่วน ไม่เพียงแค่นั้นยังจัดสรรพื้นที่สำหรับทางเข้า-ออกของ Resident และ Visitor ได้แบบชัดเจน ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้ RFID Sensor ระบบอัตโนมัติเข้าบ้านได้เลย ด้าน Visitor จะเป็นระบบ VMS System บันทึกผู้มาติดต่อที่มีความรวดเร็วและแม่นยำ  ต่อเนื่องไปถึง CCTV-Video Analytics ระบบวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเหตุการณ์ต่างๆ และ Real-Time Guard Tour ตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตามจุดของ รปภ. แบบ Real-Time ทั้งหมดนี้คือระบบ LIV-24 ยกระดับความปลอดภัยจากแสนสิริ

Facilities : พื้นที่ส่วนกลาง

มาถึงพื้นที่สำคัญที่เป็นจุดศูนย์กลางของลูกบ้านทุกคนอย่างส่วนกลางกันต่อครับ โดยจะพบกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่แบ่งโซนการใช้งานหลากหลายเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว มีทั้งทางเดิน และ Jogging Track ไว้วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าหรือยามเย็น

ติดกันเป็น Sansiri Backyard สเปซสำหรับปลูกพืชผักสวนครัว ที่เป็นกิมมิกแต่ใช้งานได้จริงของแสนสิริ

และ Bee Fun Playground สนามเด็กเล่นเสริมทักษะอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับเด็กๆ

แต่ที่ขาดไม่ได้ต้องยกให้ Saran Club เป็นคลับเฮ้าส์ 2 ชั้น ที่ออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกวางให้อยู่ติดกับคลอง เพื่อให้ได้รับลมเย็นและมองเห็นทัศนียภาพที่สบายตา 

และแบ่งโซน Jacuzzi สำหรับมุมแช่น้ำผ่อนคลาย รวมถึงกั้นสระเด็กแยกเอาไว้ต่างหาก เพื่อการใช้งานที่สะดวกและปลอดภัย

รอบข้างสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่นั่งทั้งแบบซุ้มและ Sunbed ให้ลูกบ้านหรือผู้ปกครองได้ออกมานั่งเล่นและนั่งเฝ้าเด็กๆ เล่นน้ำได้แบบใกล้ชิด

อีกหนึ่งจุด Facilities ที่อยู่ข้างกันเป็นสวนสีเขียวอยู่ติดกับฝั่งคลอง ซึ่งก็มีที่นั่งรองรับไว้ให้เช่นเดียวกันครับ

แต่ถ้าอยากนั่งได้ตลอดทั้งวันแนะนำเป็นด้านในคลับเฮ้าส์กับพื้นที่ Co-Working Space ที่เป็นแบบ Semi-Outdoor โดดเด่นด้วย Double Volume เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่รู้สึกอึดอัด

แบ่งโซนที่นั่งเอาไว้หลากหลายมุมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบโซฟานั่งชิล หรือโต๊ะขนาดใหญ่แบบนั่งทำงานจริงจัง

ด้านบนจะเป็น Fitness ออกแบบด้วยกระจกเปิดโล่งมองเห็นคลองและสวนสีเขียว ที่แน่นอนว่าจัดเตรียมเครื่องออกกำลังมาให้อย่างดี

HOME TYPE   :แบบบ้าน Saransiri Ratchapreuk – 345

• แบบ Cottage บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. 

• แบบ Shady บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม.

• แบบ Valley บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 มุมพักผ่อนด้านบน​ 1 ห้องครัว 1 ห้องแม่บ้าน 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.

• แบบ River บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 มุมพักผ่อนด้านบน​ 1 ห้องครัว 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 290 ตร.ม.

แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Cottage

4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องอเนกประสงค์

1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ 

พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 50  ตร.วา

บ้านหลังแรกที่จะพาไปชมเป็นขนาดเล็กสุดของโครงการ ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่การออกแบบของชั้นล่างให้มีความแตกต่างจากบ้านทั่วไป โดยเขยิบบันไดไปอยู่ในส่วนหลังบ้านแทน ทำให้ใช้งานทุกพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งนอกจากพื้นที่ส่วนรวมและห้องครัวแล้ว ยังมีห้องนอนและห้องอเนกประสงค์อยู่ที่ชั้นนี้อีกด้วย โดยให้ความสูง Floor to Ceiling อยู่ที่ 2.7 เมตร

ส่วนชั้นสองของบ้านแน่นอนว่าต้องเป็นห้องนอน โดยแบ่งออกเป็น Master Bedroom ที่ดีไซน์มาสมบูรณ์แบบครบทั้ง Walk-in Closet ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีอีกสองห้องนอนที่มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ โดยใช้ห้องน้ำร่วมที่อยู่ระหว่างกลาง ทำให้ใช้งานได้สะดวกทั้งสองห้องครับ

อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าคอนเซ็ปต์จะเป็น Farmhouse Village ทำให้ตัวบ้านก็จะยึดคอนเซ็ปต์เดียวกัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านฝั่งยุโรปประมาณบ้านไร่ชนบทแต่ดูดีมีสไตล์ ด้วยการดีไซน์ให้มีความโมเดิร์นเข้ากับทุกยุคทุกสมัย

ซึ่งปกติเราจะพูดถึงเรื่องหน้าตา Facade ของตัวบ้านเป็นอันดับแรก แต่รอบนี้ขอยกเรื่องสีมาพูดก่อนเลย เพราะโดยส่วนตัวแล้วชอบโทนสีของโครงการ Saransiri Ratchapreuk – 345 อย่างหลังนี้จะเป็นสีเขียววินเทจอมเทานิดๆ ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีสีอื่นๆ อีกด้วยครับแต่เดี๋ยวเก็บไว้บอกหลังถัดไป แต่บอกได้คำเดียวว่าสีที่โครงการเลือกมาทั้งหมดคือเป็นสีที่ถูกต้องใช่เลย 

ส่วนดีไซน์ตัวบ้านนั้นความเป็นคาแรกเตอร์ทรงหน้าจั่วยังคงชัดเจน ซึ่งก็สอดรับกับทางเข้าทรงโค้งเพื่อให้บ้านไม่ดูเป็นเหลี่ยมเป็นมุมมากเกินไป ประกอบกับ Facade มีการตกแต่งเพิ่มลูกเล่นบริเวณกรอบหน้าต่างยิ่งทำให้บ้านดูโฮมมี่มากยิ่งขึ้น

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Foyer เป็นพื้นที่โล่งไว้สำหรับวางตู้รองเท้าตู้เก็บของ ก่อนเข้าสู่พื้นที่ด้านในบ้านครับ

พื้นที่ตรงนี้จะเป็นศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว ซึ่งก็คือห้องนั่งเล่นที่ยาวต่อเนื่องไปยังห้องรับประทานอาหาร โดดเด่นด้วยช่องแสงฝั่งด้านข้างบ้าน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งน่าอยู่อาศัย

โดยโซนห้องนั่งเล่นให้สเปซมากว้างขวางพอให้วางเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่ง บวกกับวางโต๊ะกลางและชั้นวางทีวีได้แบบจัดเต็ม

ฝั่งห้องรับประทานอาหารเองก็สามารถวางโต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ หรือจะปรับเป็น 6 ที่นั่งก็ยังได้ โดยทางโครงการบิวท์แพนทรี่ด้านข้างมาให้สวยงามแต่หน้าตาของจริงอาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ

ซึ่งหากมองกลับไปทางห้องนั่งเล่นจะเห็นว่ามีห้องอเนกประสงค์อยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน ซึ่งเราจะเลือกกั้นเป็นห้องปิด หรือจะปล่อยโล่งแบบบ้านตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ยังมีห้องนอนอยู่ที่ชั้นล่าง โดยจะอยู่ตรงฝั่งบริเวณโรงจอดรถ ที่บ้านไหนมีผู้สูงอายุห้องนี้คือตอบโจทย์แน่นอน

ห้องน้ำจะอยู่ใกล้กับห้องนอนครับ เตรียมสุขภัณฑ์มาให้ครบครันตั้งแต่โซนทำธุระส่วนตัวไปจนถึงโซนอาบน้ำ

มาต่อกันที่ห้องครัว ที่บอกเลยว่าใครชอบทำอาหารเห็นแล้วจะต้องปลื้ม เพราะโครงการให้มาเกือบครบทั้งเคาน์เตอร์ครัวรูปตัวแอลพร้อมหน้าบาน  ส่วนหน้าต่างระบายอากาศและกระเบื้องปูพื้นก็ได้หน้าตาสวยงามแบบนี้เลย

อีกทั้งยังมีห้องเก็บของอยู่ในห้องครัวที่ให้ความสูงแบบไม่ต้องกลัวหัวชน เพื่อการใช้งานที่สะดวกและปลอดภัย

ก่อนจะขึ้นไปชั้น 2 แวะดูตรงบันไดซะเล็กน้อย โดยจะเห็นว่าโครงการทำชานพักไว้ให้ระหว่างทาง ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุในการก้าวขึ้น-ลงบันได

ทาง Master Bedroom ของที่นี่จะกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นบน ตั้งแต่หน้าบ้านที่จะมีระเบียงออกไปข้างนอกได้ด้วย และยาวต่อเนื่องไปจนถึงท้ายบ้าน

โดยจัดสรรพื้นที่ใช้งานออกเป็นสองฝั่ง ฟากหนึ่งสำหรับมุมพักผ่อนไว้วางที่นอนขนาด 6 ฟุต ซึ่งปลายเตียงก็ยังมีสเปซเหลือให้บิวท์ชั้นวางทีวี และพื้นที่นั่งเล่นก่อนเข้านอนได้

ฝั่งหลังบ้านจะเป็น Walk-in Closet ที่แบ่งเป็นมุมบิวท์ตู้เสื้อผ้ารูปตัวแอล ส่วนอีกมุมที่อยู่ติดหน้าต่างสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง

และถ้าจะให้ครบสูตร Master Bedroom ก็ต้องมีห้องน้ำในตัวครับ โดยจะได้ทั้งอ่างล้างหน้า กระจกเงา โถสุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติ ฝักบัว หน้าต่างระบายอากาศ และติดตั้งฉากกั้นมาให้พร้อมใช้งาน

ห้องนอนถัดมาจะมีขนาดใหญ่รองจาก Master Bedroom ตั้งอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ได้ช่องแสงค่อนข้างเยอะ ทำให้ห้องดูกว้างและโปร่ง พอนอนแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ได้ฟังก์ชันในการเป็นห้องนอนครบถ้วน

สุดท้ายที่ห้องนอนทางหลังบ้าน ที่โครงการทำเป็นห้องทำงานให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่จะเปลี่ยนเป็นห้องนอนก็อยู่อาศัยได้สบายครับ

แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Shady 

4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน

1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ 

พื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 54 ตร.วา

หลังต่อมาขยับเป็นบ้าน Type ใหญ่ขึ้นอีกนิด โดยชั้นล่างได้ฟังก์ชันใช้งานหลากหลาย มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นคอนเน็กกับห้องกินข้าว นอกจากนี้ยังมีห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ที่ก็จัดสรรปันส่วนได้อย่างพอเหมาะพอดี

ขณะที่ชั้นบนรูปแบบ Layout ก็จะคล้ายกับบ้านหลังแรกที่ได้รีวิวไปครับ แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่ใช่แค่ Master Bedroom ที่ได้ห้องน้ำในตัว แต่อีกสองห้องนอนที่เหลือก็มีห้องน้ำในตัวให้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อดีตรงที่ทุกคนจะได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

หน้าตาของแบบบ้าน Shady จะเหมือนกับแบบบ้านหลังแรก โดยยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นบ้านสไตล์ฟาร์มเฮ้าส์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศแห่งการพักผ่อน

โดยสีของตัวบ้านยังคงเป็นโทนสีวินเทจที่มองแล้วสบายตาแต่เปลี่ยนเป็นเฉดสีน้ำเงิน ที่ไม่ค่อยเห็นบ้านเฉดสีนี้เท่าไหร่นัก ซึ่งสร้างความแตกต่างสวยงามไม่ซ้ำใคร

บริเวณโรงจอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังเฉลียงทางเข้าด้านหน้าบ้าน

เดินเข้ามาด้านในจะเจอกับ Foyer ที่จะพาไปสู่พื้นที่เปิดโล่งระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องกินข้าว ซึ่งมีขนาดกว้างขวาง ยิ่งพอบวกกับหน้าต่างเกือบจะเต็มผนังด้านข้างบ้าน ยิ่งทำให้โซนนี้ดูโปร่งโล่งสบายมากยิ่งขึ้น

โดยห้องนั่งเล่นให้พื้นที่มาค่อนข้างยืดหยุ่นพอสมควร ทำให้เลือกวางเฟอร์นิเจอร์รวมถึงบิวท์อินชั้นวางทีวีได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย

ต่อเนื่องไปที่โซนรับประทานอาหาร ที่นอกจากวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งแล้ว ก็ยังมีสเปซด้านข้างที่ทางโครงการบิวท์เป็นแพนทรี่ให้เพิ่มเติม

นอกจากนี้ทางฝั่งหน้าบ้านยังมีห้องอเนกประสงค์ที่ดีไซน์ให้ช่องแสงเข้ามาได้ทุกทิศทาง ที่มองแล้วเหมือนเป็นห้องกระจก ทำให้ได้ใกล้ชิดและเห็นวิวสวนสีเขียวข้างนอกบ้านได้แบบเต็มสายตา

อีกฝั่งหนึ่งของบ้านจะเป็นห้องนอนที่ 4 ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ได้ห้องน้ำในตัว ขณะเดียวกันขนาดห้องก็กว้างขวาง ทำให้บ้านไหนมีผู้สูงอายุ 2 คน ก็อยู่ร่วมกันได้สบายๆ 

ตรงข้ามห้องนี้จะเป็นห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่างครับ  แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งให้เรียบร้อย  ส่วนห้องน้ำด้านนอกในส่วน common area ของบ้านจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room 

ติดกันเป็นห้องครัว ซึ่งยังคงให้พื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่  รวมถึงได้เคาน์เตอร์ครัวเหมือนที่เห็นในบ้านตัวอย่าง โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินต่อเติมเอง ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายไปได้เยอะทีเดียว

ส่วนโถงทางเดินขึ้นมาชั้นสองจะอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งระยะในการเดินขึ้นบันไดจะไม่ชันมากและมีชานพักระหว่างทางก่อนถึงชั้นบนครับ

โดยห้องนอนแรกที่จะพาชมคือ Master Bedroom ไฮไลต์ของบ้านที่ไม่ใช่แค่มีขนาดใหญ่ แต่ยังจัดฟังก์ชันการใช้งานออกมาได้น่าสนใจ อย่างช่องแสงขนาดใหญ่ด้านหน้าบ้านจะเป็นประตูระเบียงให้ออกไปนั่งเล่นชมวิว หรือจะเปิดกว้างรับลมเพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้สะดวกครับ

ซึ่งฝั่งทางหน้าบ้านจะเป็นโซนพักผ่อน สามารถวางเตียง 6 ฟุต หรือเตียงสั่งทำพิเศษก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ

ส่วนทางฝั่งปลายเตียงก็บิวท์ได้ครบทั้งชั้นวางทีวีและตู้เก็บของ หรือจะปรับเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรูปแบบอื่นๆ ก็ทำได้หมด

ห้องนี้ยังไม่จบนะครับเพราะอีกฝั่งหนึ่งยังมีพื้นที่มากพอให้ทำเป็น Walk-in Closet บิวท์ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนัง และมุมโต๊ะเครื่องแป้งเองก็ยังเหลือสเปซให้ทำเป็นมุมนั่งเล่นเพิ่มเติมอีกด้วย

มาพร้อมห้องน้ำในตัวซึ่งจะได้ทุกอย่างเหมือนกับ Master Bedroom ของบ้านหลังแรกครับ

อีกหนึ่งห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้านก็มีห้องน้ำให้ในตัวเหมือนกัน ซึ่งจะอยู่ใกล้กับบริเวณทางเข้าห้อง โดยจัดเตรียมสุขภัณฑ์มาให้พร้อมใช้งาน

เดินลึกเข้าไปถึงจะเป็นโซนส่วนตัวที่ไว้สำหรับพักผ่อน สามารถวางเตียง 5 ฟุต หรือจะเป็น 3.5 ฟุต เหมือนบ้านตัวอย่างก็ช่วยให้เหลือสเปซโล่งๆ มากกว่าเดิม

มาถึงห้องนอนที่อยู่ด้านหลังบ้าน ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยแล้วก็สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้แบบครบเซต ทั้งเตียง ตู้ รวมถึงโต๊ะ และที่สำคัญคือได้ห้องน้ำในตัวครับ

แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Valley 

4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน

1 ห้องอเนกประสงค์ 1 มุมพักผ่อนด้านบน​ 

1 ห้องครัว 1 ห้องแม่บ้าน 2 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา

ไล่สเต็ปขนาดของตัวบ้านใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบการวางแปลนบ้านภายในที่ชั้นล่างจะไม่ต่างจากแบบบ้าน Shady เท่าไหร่นัก แต่มีการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและโยกย้ายสับเปลี่ยนฟังก์ชันบางส่วน และที่เพิ่มเข้ามาคือห้องแม่บ้านนั่นเอง

เช่นเดียวกับชั้นสองทั้ง Layout และการได้ห้องน้ำในตัวทุกห้องก็เหมือนกับแบบบ้านก่อนหน้าครับ แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่การได้พื้นที่ของมุมพักผ่อนด้านบน ที่ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่รวมตัวของสมาชิกภายในบ้าน โดยชั้นนี้ให้ความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 2.9 เมตร ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีจำนวนหลายคนได้อย่างลงตัว

สำหรับสถาปัตยกรรมของตัวบ้านจะทิ้งความเป็นสไตล์ Urban Farmhouse ไปไม่ได้ ทรงหน้าจั่วยังคงสะดุดตาทำให้บ้านดูมีมิติที่หลากหลาย หลอมรวมไปกับ Facade ที่นอกจากได้ช่องแสงขนาดใหญ่แล้ว ยังตกแต่งกรอบหน้าต่างเพื่อสร้างกิมมิกให้แก่ตัวบ้านไม่ให้เรียบจนเกินไป ที่มองแล้วก็มีความทันสมัยไปในตัว

ส่วนโทนสีของบ้านหลังนี้จะเป็นโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งเท่ากับว่าโครงการจะมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเขียว สีน้ำเงิน และสีน้ำตาล ซึ่งในแต่ละ Type ก็จะมีครบทุกสี เพื่อให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ขณะที่โรงจอดรถสามารถจอดรถไซส์ใหญ่ 2 คันได้สบายๆ และเชื่อมต่อไปยังเฉลียงทางเข้าหน้าบ้านได้เลย ซึ่งบริเวณนี้จะมีห้องเก็บของข้างนอกเอาไว้ให้ด้วยครับ

ลักษณะพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านจะมีความใกล้เคียงกับแบบบ้าน Shady ที่พอเข้ามาแล้วจะเจอกับโซน Open Plan ขนาดใหญ่บวกกับการได้ช่องแสงของหน้าต่างและประตูด้านข้างบ้านยิ่งทำให้ห้องดูโอ่โถง ที่ต่อให้รวมตัวกันหลายๆ คนก็ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด

โดยจุดแรกที่รอต้อนรับจะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งต่อให้วางเฟอร์นิเจอร์ไซส์ใหญ่แบบ Full Option ก็ยังมีที่ว่างให้เดินผ่านรอบด้านได้อย่างสะดวกสบาย

ต่อเนื่องไปถึงพื้นที่รับประทานอาหาร ที่จัดสรรสเปซมาพอสมควรให้วางโต๊ะกินข้าวได้ถึงขนาด 6 ที่นั่งครับ

แต่จุดที่น่าสนใจของบ้าน Type นี้อยู่ตรงที่ห้องอเนกประสงค์ฝั่งหน้าบ้าน โดยก่อนที่จะไปถึงห้องนั้นจะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ซ่อนตัวอยู่อย่างเป็นสัดเป็นส่วน

และที่บอกว่าห้องอเนกประสงค์มีความพิเศษตรงที่ทางโครงการได้กั้นเป็นประตูบานทึบมาให้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ถัดมาคือห้องนอนชั้นล่างซึ่งมีขนาดกว้างขวางพอสมควร เพราะเลือกขนาดเตียงเป็น 6 ฟุต ก็ยังเหลือพื้นที่ให้วางเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกประมาณหนึ่ง

นอกจากนี้ยังได้ห้องน้ำในตัวสร้างความไพรเวซี่ให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยไม่ต้องออกจากห้องไปใช้ร่วมกับคนอื่น

ส่วนห้องครัวยังคงจัดเต็มให้เหมือนเดิม

โดยห้องครัวจะเชื่อมออกไปยังห้องแม่บ้านที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน ที่มีห้องน้ำมาให้เรียบร้อย  แยกเป็นสัดส่วน

เดินขึ้นมาที่ชั้นสองนอกจากจะมีส่วนพักผ่อนทั้ง 3 ห้องแล้ว ยังมี Family Area เพิ่มให้อีกหนึ่งจุด ทำเป็นมุมนั่งเล่นนั่งพักผ่อนก่อนแยกย้ายกันเข้าห้องนอนได้ครับ

Master Bedroom ให้พื้นที่ใช้งานมาแบบกว้างขวางของจริง โดยจะพบกับมุมพักผ่อนที่วางเตียงคิงไซส์ พร้อมสตูลปลายเตียงต่อด้วยบิวท์ชั้นวางทีวี ก็จะเห็นเลยว่ายังมีสเปซเหลือเยอะอีกพอสมควรทีเดียว

และที่สำคัญคือมีระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าบ้าน โดยจะทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้เพิ่มความเขียวขจีสดชื่นก็ล้วนแล้วแต่เป็นไอเดียที่ดีงาม

กลับเข้ามามองไปสุดทางจะเป็น Walk-in Closet ซึ่งสายแฟชั่นต้องชอบแน่นอน เพราะสามารถบิวท์ตู้เสื้อผ้าได้ทั้งสองฝั่งขนาบข้างซ้ายขวาให้เก็บเสื้อผ้ากันแบบจุใจ

เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำที่จัดฟังก์ชันเอาไว้ครบครัน ได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ครบตามที่เห็นในภาพ  ยกเว้นในส่วนของพร๊อพและของตกแต่งต่าง ๆ ครับ

ห้องนอนถัดมามีขนาดใหญ่รองจาก Master Bedroom ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบ้าน ซึ่งเข้ามาแล้วจะเจอกับมุมแต่งตัวก่อนเป็นส่วนแรก 

ติดกันเป็นห้องน้ำในตัวให้พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางได้มาตรฐาน

คอนเน็กไปยังมุมพักผ่อนที่วางเตียงขนาด 5 ฟุต และโต๊ะขนาดใหญ่ ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูคับแคบลงแต่อย่างใด แถมยังเหลือพื้นที่ให้มองแล้วสบายตาอยู่แล้วสบายใจ

ปิดจบด้วยห้องนอนขนาดเล็กสุดของบ้าน แต่พื้นที่ใช้สอยไม่เล็กเลยครับ สามารถเลือกวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระ

ห้องน้ำก็มีมาให้อย่างดี ซึ่งจะอยู่บริเวณทางเข้าห้องเหมือนกับห้องนอนก่อนหน้านี้

แบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น River 

4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน

1 ห้องอเนกประสงค์ 1 มุมพักผ่อนด้านบน​ 

1 ห้องครัว 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ

พื้นที่ใช้สอย 290 ตร.ม. ที่ดินเริ่มต้น 69.9 ตร.วา

หลังสุดท้ายเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ แต่เนื่องจากทางโครงการทำ Type นี้เป็นส่วนของ Sale Gallery เลยไม่ได้เก็บภาพพื้นที่ด้านในมาฝากครับ แต่มีภาพตัวบ้านภายนอกมาให้ชมกันเล็กๆ น้อยๆ ที่ก็สวยงามไม่แพ้หลังอื่นๆ เลย

ราคา สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345

(Saransiri Ratchapreuk – 345)

โครงการ สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ส่งมอบเป็นบ้านเปล่า ราคาเริ่มต้น 7.49-14 ล้านบาท* แต่มีความพิเศษตรงที่ทุกยูนิตจะได้นวัตกรรมทั้ง Home Security และ Solar Panel ที่จะเข้ามาช่วยเสริมทั้งด้านความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ทำให้คุ้มค่าคุ้มราคาในทุกพื้นที่อย่างมีระดับ 

• แบบ Cottage พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม.
  • ขนาดที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา  ราคาเริ่มต้น 7.49 ล้านบาท 
• แบบ Shady พื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม.
  • ขนาดที่ดินเริ่มต้น 54 ตร.วา  ราคาเริ่มต้น 8.39 ล้านบาท 
• แบบ Valley พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม. 
  • ขนาดที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา  ราคาเริ่มต้น 9.59 ล้านบาท 
• แบบ River พื้นที่ใช้สอย 290 ตร.ม. 
  • ขนาดที่ดินเริ่มต้น 69.9 ตร.วา  ราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท 

หมายเหตุ  รายละเอียดราคา เป็นข้อมูลที่ทางทีมงานเก็บรวบรวม ณ วันที่เขียนบทความเท่านั้น  โครงการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้  รายละเอียดและโปรโมชั่นต่างๆ  กรุณาสอบถามโดยตรงจากทางโครงการอีกครั้ง

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 

• ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตารางวา/เดือน

*หมายเหตุ :  ข้อมูลรีวิวเป็นข้อมูลที่ทีมงานรวบรวมมา ณ วันเขียนบทความเท่านั้น  โปรดสอบถามรายละเอียดโดยตรงจากโครงการอีกครั้ง

Summary

.

ภาพรวมโครงการ

•  สราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 อยู่บนโลเคชันโซนราชพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี
• ทั้งโครงการมีจำนวนเพียง 171 ยูนิต บนพื้นที่ประมาณ 46 ไร่ ซึ่งจำนวนนี้กับขนาดที่ดินทั้งหมดก็ถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง
• พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ตั้งแต่ซุ้มโครงการ ไล่เรียงไปจนถึงสวนสาธารณะสีเขียว และจบที่คลับเฮ้าส์ที่ตั้งอยู่ติดกับคลอง ซึ่งจะมี Facilities แบบจัดเต็มตอบสนองทุกความต้องการได้เป็นอย่างดี 
• แบบบ้านมีให้เลือกถึง 4 แบบ ตั้งแต่ขนาดพื้นที่ใช้สอย 182-290 ตร.ม. และขนาดที่ดินตั้งแต่ 50-110 ตร.วา
• การดีไซน์ตัวบ้านมีความสวยงามในสไตล์  Farmhouse Village แต่ดูโมเดิร์นทันสมัย และโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการออกแบบบ้านให้มีโทนสีที่หลากหลายไม่ซ้ำใคร
• การออกแบบ Layout ของตัวบ้านมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะชั้นล่างที่เขยิบบันไดไปทางหลังบ้าน ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยต่อเนื่องและได้ฟังก์ชันครบครัน
• เลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน และมีนวัตกรรมที่ล้ำสมัยทั้งระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 รวมถึง Home Automation และ Solar Panel

ทำเลและการเดินทาง

• โครงการตั้งอยู่บนถนนซอยเกษตรพัฒนา ที่ห่างจากถนนหลักราชพฤกษ์ เพียง 1 กิโลเมตร
• การเดินทางไปยังโลเคชันต่างๆ ไม่ซับซ้อน เชื่อมต่อไปได้หลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น วงเวียนพระราม 5 ยาวไปถึงฝั่งปิ่นเกล้า รวมถึงถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนชัยพฤกษ์ และถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนอุดรรัถยา 
• เป็นอีกหนึ่งโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่ก็ถือว่าอยู่ใกล้ขนส่งสาธารณะ อย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ
• สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและอยู่ใกล้โครงการเลยทีเดียว เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ ประมาณ  3 กิโลเมตร และโลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ ประมาณ 6 กิโลเมตร 
• ใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติชื่อดังคือ SISB Nonthaburi, Denla British School, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ และโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซีสเซเวียร์

เหมาะกับใคร

• เหมาะกับคนท้องถิ่นเคยอยู่พื้นที่ละแวกนี้มาก่อน ที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่โซนราชพฤกษ์ นนทบุรี
• กลุ่มครอบครัวตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนสมาชิกตั้งแต่ 2-6 คน หรือมีสัตว์เลี้ยงแสนรัก
• คนที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านและต้องการฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
• เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านแบบใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งห้าง โรงพยาบาล ยิ่งโดยเฉพาะโรงเรียน โดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองให้เหนื่อย
• กลุ่มระดับหัวหน้า CEO นักธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือเจ้าของธุรกิจส่วนตัว
• สำหรับคนที่มีงบประมาณในการซื้อบ้าน 8 ล้านบาทขึ้นไป