FACILITIES
พื้นที่ส่วนกลางที่นี่แบ่งออกเป็นหลากหลายโซนเลยค่ะ รวมพื้นที่กว่า 10 ชั้น โดยแต่ละส่วนนั้นก็ออกแบบการใช้งานมาได้อย่างน่าสนใจ โดยเค้าจะให้ความสำคัญในเรื่องพื้นที่สีเขียวและการเลือกใช้วัสดุ ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนเราก็จะได้มุมมองที่ผ่อนคลายผ่านพื้นที่สีเขียวอยู่เสมอ
ซึ่งภาพรวมของดีไซน์การออกแบบ ถ้าเรามองให้ลึกเราจะเห็นว่าวัสดุที่เค้าเลือกนั้นเน้นวัสดุที่มาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นหิน ไม้ หรือเหล็ก ดีเทลเล็ก ๆ ที่นำมาประกอบกันทำให้ภาพรวมออกมาเป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นนึง ส่วนนี้เราว่าเค้าถ่ายทอดความตั้งใจออกมาได้ดีทีเดียว เป็นส่วนกลางที่ไม่ได้ดูหรูหราจนเกินไปแต่ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเหมือนได้อยู่บ้าน
มาเริ่มกันที่หน้าโครงการตรงนี้จะมุมที่นั่งในสวนค่ะ เวลาที่เรากลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ แล้วเห็นพื้นที่สีเขียวรับการกลับบ้านแบบนี้ก็ช่วยลดความวุ่นวายจากการทำงานมาทั้งวันได้ดี
ต้นจามจุรีใหญ่นี้เป็นต้นไม้เดิมที่อยู่ในที่ดินแปลงนี้อยู่แล้วค่ะ โครงการย้ายตำแหน่งมาไว้ด้านหน้าตั้งแต่ตอนที่เปิดโครงการใหม่ ๆ และยังเป็น sale gallery อยู่ ตอนนั้นน้องโดนตัดใบหมดเลย แต่วันนี้น้องเติบโตแตกกิ่งใบ โดย AP เสียเงินหลักล้านย้ายเพื่อน้องมาตรงนี้ เราว่าคุ้มแล้วค่ะเป็น Right Place สำหรับน้องมาก ๆ
ก่อนจะไปเริ่มทัวร์ Facilities เราขอพามาดูโซนด้านล่างกันก่อนค่ะ ตรงนี้จะแบ่งเป็นทางเข้าห้องนิติบุคคลและห้องประชุมกับทางเข้า Lobby
ด้านหน้าโซนห้องนิติบุคคลจะมี Smart Locker พื้นที่สำหรับเก็บของเพื่อให้บริการลูกบ้าน
ส่วนทางเข้า Lobby เราจะได้บรรยากาศที่ดู Contrast กับด้านนอก มีการใช้โทนสีทึม ๆ เล่นกับวัสดุลายไม้และพื้นหินอ่อนสีขาวให้ความรู้สึกที่ดูสงบ เหมือนเป็นการที่บอกว่าตอนนี้เราได้ถึงบ้านแล้ว
เข้ามาด้านในจะเป็น Lobby การตกแต่งที่ดูเรียบ ๆ แต่เน้นการเล่นกับวัสดุต่าง ๆ ทำให้โซนนี้ออกมาดูหรูหราในความรู้สึกที่ยังเข้าถึงง่ายเหมือนกับการอยู่บ้าน โดยจะมีจุดรวมสายตาเป็นพื้นที่ Mail Box ที่ออกแบบมาเป็นส่วนหนึ่งกับตัว Lobby
ด้านข้างจะเป็นทางขึ้นลิฟต์ไปโซนห้องพักอาศัยก็ยังเลือกใช้โทนไม้ค่ะ ดูเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย
ซึ่งส่วนนี้เค้าก็จะมีเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED – Automated External Defibrillator) ไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉินค่ะ
ถ้าเราเข้ามาดูพื้นที่ Mail Box ดี ๆ เราจะเห็นว่าตรงนี้มีดีเทลที่น่าสนใจหลายอย่าง เด่น ๆ เลยคือ Feature Trees ที่ห้อยลงมาเติมเต็มพื้นที่ตรงได้เป็นอย่างดี และอย่างผนังด้านหลังจะเป็นหิน Platinum Sand Marble จากมุมนี้เหมือนเป็นภาพศิลปะชิ้นนึงเลยค่ะ
ด้านหน้าที่เราเห็นจะเป็น Vertical Facilities ค่ะ โดยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2-6 ซึ่งจริง ๆ จะเป็นส่วนของชั้นจอดรถค่ะ แต่เค้าเปลี่ยนพื้นที่ด้านหน้าเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบแนวตั้งแทน หลัก ๆ ของโซนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 โซน ฝั่งซ้ายจะเป็น Social Zone และฝั่งขวาจะเป็น Quiet Zone ค่ะ
ใครที่ชอบออกกำลังกายเค้าก็จะมีบันไดเชื่อมไปยังพื้นที่แต่ละโซน แต่สิ่งที่น่าสนใจตลอดเส้นทางการเดินเราจะเห็นพื้นที่สีเขียวได้จากทุกชั้นเลย
ขึ้นบันไดมาเราก็จะวนมาที่ Social Zone ก่อน ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่สามารถพาเพื่อนมานั่งคุยเล่นได้ เราจะเห็นว่าการออกแบบโซนนี้จะเน้นไปที่วัสดุที่มีลวดลายตัดกับเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบ ๆ เป็นสเปซที่ดู Active เหมาะกับการมานั่งเล่นเม้ามอย
ส่วนนี้จัดที่นั่งมาให้หลายแบบเลยเลือกนั่งกันได้ตามชอบ พื้นที่ตรงนี้เป็นกระจกบานใหญ่ยาวเชื่อมต่อกันถึงชั้น 3 เทควิวพื้นที่สวนด้านนอกได้แบบเต็ม ๆ
ส่วนนี้จะมีลิฟต์ขึ้นไปตรงทางเชื่อมไปชั้นพักผ่อน Quiet Zone ได้
ออกจากห้องนี้ก็จะเจอกับบันไดที่เชื่อมไป Quiet Zone ค่ะ
มุมมองจากบันไดก็จะเห็นพื้นที่สีเขียวจากสวนด้านล่างและตรงส่วนบันไดที่มีการตกแต่งด้วยไม้พุ่ม
เข้ามาส่วนนี้จะเป็น Quiet Zone ค่ะ โดยชั้นนี้จะเป็นโซนห้องประชุมส่วนตัวมีทั้งหมด 2 ห้อง
และด้วยความที่เค้าเน้นใช้บานกระจกเลยทำให้พื้นที่ในอาคารได้รับความร่มรื่นจากพื้นที่สีเขียวด้านนอกได้แบบเต็ม ๆ
สำหรับห้องประชุมทั้ง 2 ห้องก็จะมีการตกแต่งจะให้ Mood & Tone ที่ดูจริงจังขึ้นมาแต่ยังรู้สึกได้ถึงความหรูหรา เน้นการตกแต่งจากวัสดุธรรมชาติตัดกับเฟอร์นิเจอร์ลายโดดเด่นเพิ่มความน่าสนใจ
ซึ่งสิ่งที่ดู Pop-up ขึ้นมาเลยคือ Wallpaper จาก MOOOI ที่ช่วยทำให้บรรยากาศของประชุมนั้นดูไม่เรียบจนเกินไป
ชั้นถัดมาก็จะเป็นในส่วนของ Quiet Zone เหมือนกันค่ะ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่รองรับแขก สำหรับลูกบ้านที่ต้องการมานั่งคุยงานในบรรยากาศที่ Casual ขึ้นมาหน่อย
ส่วนนี้จะเป็นโถงแบบ Double Volume ดูโปร่งมาก ยังคงเลือกใช้เป็นกระจกเต็มบานเหมือนเดิมแม้จะอยู่ชั้นบนก็ยังมองเห็นพื้นที่สีเขียวด้านล่างได้ค่ะ
ขึ้นมาถึงตรงนี้เราจะเห็นเลยว่าการตกแต่งของแต่ละส่วนที่ผ่านมาให้ Mood & Tone ที่ดูแตกต่างกันเลยค่ะ เหมาะกับยุค Social Media เรียกว่าถ่ายรูปกันได้ทุกมุม
การตกแต่งของโซนนี้เน้นใช้พวกลายไม้ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่นมีหลายมุมให้เลือกนั่งเลยค่ะ สามารถเลือกนั่งกันได้ตามชอบ
เดินตรงผ่านทางเชื่อมเราก็กลับเข้ามาในบริเวณโถงของส่วน Social Zone ที่เราเข้ามาตอนแรกได้ค่ะ
ซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมกับลิฟต์ถ้าเราอยากมาใช้งานโซน Quiet ก็สามารถขึ้นลิฟต์ตรงขึ้นมาจากชั้นล่างได้เลย
งั้นเดี๋ยวเราพาขึ้นบันไดไปดูชั้น 7 กันค่ะ
ขึ้นมาชั้นนี้เราก็จะเจอ Floating Garden ก่อน ส่วนนี้มีการจัดสวนเป็นแบบขั้นบันได ให้ความรู้สึกที่ดูมีมิติ มีจังหวะก้าวเดินให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติ เสียงน้ำ และพื้นที่สีเขียวค่ะ
บรรยากาศดูร่มรื่นมากแบบไม่น่าเชื่อเชื่อเลยว่านี้คือส่วนกลางที่อยู่ชั้นบน
ขึ้นมาก็จะเจอกับพื้นที่สระน้ำมีกิมมิคเป็นพื้นที่นั่งให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อนฮีลใจกันได้ หลัก ๆ ชั้นนี้จะประกอบไปด้วย Grand Terrace, Tea Pavillion และ Theatre Pavillion ค่ะ
พื้นที่สวนมีการวางต้นไม้ใหญ่ไว้ในบางจุดเป็นมุมมองที่ดูผ่อนคลาย จะว่าไปบรรยากาศมุมนี้แอบคล้ายรีสอร์ทเลยนะคะ
จากชั้นนี้มองขึ้นไปเราจะเห็นการออกแบบ Texture ลายเส้นของตัวตึกที่ออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจ มีการใช้สีแดงและสีเทาเข้มเพื่อเพิ่มมิติให้กับตัวตึก
เราขอพามาดู Grand Lobby กันก่อน จริง ๆ ส่วนนี้พิเศษมากค่ะ เป็นพื้นที่ Lobby ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากชานบ้านรองรับการใช้งานหลากหลายฟังก์ชันแบบเชื่อมต่อกันได้
ด้านข้างเค้าจะจัดเป็นจุดที่นั่งชมวิวมองลงไปเห็นพื้นที่สวนสีเขียวด้านล่างได้
เข้ามาใน Grand Lobby ส่วนนี้เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า RHYTHM ตัวนี้เค้าตั้งใจเรื่องดีไซน์งานคราฟมาก ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุ ทำให้การตกแต่งออกมาดูหรูหรา
ด้านข้างเค้ามีฟังก์ชันพิเศษเป็นประตูบานหมุนที่สามารถเปิดรับมุมมองพื้นที่สวนด้านนอกได้ เชื่อมพื้นที่ข้างในกับพื้นที่ข้างนอกได้แบบ Open Air
ส่วนนี้ก็จะมีที่นั่งให้เลือกหลายมุมเลยค่ะ เป็นบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายมานั่งคุยเล่นกับเพื่อนได้แบบสบาย ๆ
มุมด้านในจะเป็นมุมโต๊ะพูล มุมนี้เลือกใช้เป็นกระจกล้อมรอบเปิดรับมุมมองพื้นที่สีเขียวจากด้านหน้าโครงการ
สำหรับคนที่ชอบความ Private ชั้นนี้เค้าก็จะมี Tea Pavillion เป็นห้องสำหรับจิบชายามบ่ายกับเพื่อน ๆ ได้ ส่วนนี้ลูกบ้านต้องทำการจองก่อนเข้ามาใช้งาน
ส่วนนี้จะมีกิมมิคเป็นรูปลายต้นจามจุรีด้านหลัง ตัวนี้เป็น Hand-painted ค่ะ ลิงก์กับบรรยากาศด้านนอกได้ดี ดูร่มรื่นและผ่อนคลาย
การตกแต่งของโซนนี้ก็จะให้ Mood & Tone ที่ดูโทนไม้ ๆ ซึ่งโซนนี้เลือกเป็นกระจกล้อมรอบ มองเห็นสระน้ำและสวนด้านนอกได้ด้วยค่ะ
ก่อนจะเข้าส่วน Theatre Pavilion ตรงนี้ก็จะมีจุดนั่งพักด้านหน้า มุมตรงนี้รับลมได้ดีนั่งรับลมกันได้แบบฟิน ๆ
ใครที่ชอบดูหนังต้องชอบห้องนี้แน่นอน กับ Theater Pavillion ห้องดูหนังส่วนตัวที่ติดตั้งจอโปรเจคเตอร์และระบบเครื่องเสียงเอาไว้ให้ จะชวนเพื่อน ๆ มาเปิดตี้ดูหนังก็ดูน่าสนุกค่ะ
ส่วนตัวเรามองว่าดีเทลการออกแบบในชั้นนี้ให้ความสำคัญกับงานคราฟตั้งแต่การเลือกวัสดุไปจนถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติและยังดูหรูหรา ตัดกับพื้นลายสีส้มและพรมสีเขียวทำให้ดูไม่น่าเบื่อ
ต่อมาชั้น 31 จะเป็นสระว่ายน้ำแบบ 360 Infinity Edge Pool ความพิเศษคือชั้นนี้จะเป็นสระว่ายน้ำแบบวนแบบทั้งชั้นเลยค่ะเทควิวเมืองได้แบบพาโนราม่า ซึ่งจุดนี้เค้าจะมีแยกสระเด็กเอาไว้ให้
สระใหญ่มากสามารถว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจัง เทควิวเมืองสุขุมวิทได้แบบบฟิน ๆ ขณะว่ายน้ำเลย
ตรงนี้จะเป็นทางเดินลอดใต้สระว่ายน้ำที่มีกิมมิคเป็น Sunken มองเห็นสระว่ายน้ำด้านบนได้แบบนี้เลยค่ะ อันนี้เจ๋งมากเหมือนในอควาเรียมเลย
ซึ่งส่วนนี้ก็จะเชื่อมไปยังพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่อีกด้านของสระว่ายน้ำได้ค่ะ
ออกมาในชั้นเดียวกัยเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นแบบนี้ค่ะ จุดนี้เค้าจะทำเป็นสเต็ปขั้นบันไดเพื่อให้แต่ละมุมได้ความเป็นส่วนตัว
มุมที่นั่ง Honeymoon Sunken Seat บอกเลยว่าถ้ามานั่งตอนเย็น ๆ มานั่งเล่นตากอากาศรับลมธรรมชาติได้แบบเต็มที่
และในชั้นนี้จะมีอีกหนึ่งกิมมิคพิเศษคือ Observation Deck จุดชมวิวที่ด้านล่างเป็นพื้นกระจกส่องลงไปเห็นพื้นข้างล่างได้
ตรงนี้วิวสวยแต่แอบรู้สึกหวิว ๆ ใครชอบความท้าทายลองมายืนชมวิวที่มุมนี้กันได้ค่ะ
เราขึ้นมาถึงชั้น 32 กันแล้วค่ะ โดยขึ้นมาเราจะเจอกับพื้นที่ Sky Lounge เหมาะทั้งมานั่งคุยงานหรือจะมานั่งเล่นชมวิวก็ดูน่าสนใจเลยค่ะ
เราจะเห็นว่าการตกแต่งในชั้นนี้จะมีความแตกต่างกับชั้นก่อน ๆ เพราะดูมีความแกรนด์ การออกแบบยังคงเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบ ๆ แต่มีดีไซน์ที่โดดเด่นเติมเต็มด้วย Chandelier อันใหญ่เพิ่มความอลังการ
ซึ่งพื้นที่นี้จะมีบานประตูพับเปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่ Sky Library ได้
พื้นที่ Sky Library ก็จะมีความ Casual ขึ้นมา มุมนี้เทควิวเมืองได้เหมือนกันค่ะ สามารถมานั่งเล่นกันได้
ส่วนด้านในจะเป็นห้อง Fitness
ห้อง Fitness แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 โซน ได้แก่ Sky Fitness และด้านในจะเป็นพื้นที่ Private Fitness ค่ะ
ส่วน Sky Fitness มีอุปกรณ์ออกกำลังกายของ Technogym จัดมาให้อย่างครบครับ ออกกำลังกายกันได้ครบทุกส่วน
โครงการใช้เป็นกระจกบานใหญ่ล้อมรอบแบบนี้ทำให้ก็เทควิวเมืองได้เต็มที่ขณะออกกำลังกาย
สำหรับพื้นที่ด้านในจะเป็น Private Fitness ลูกบ้านคนไหนอยากจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาออกกำลังกาย ก็มาจองใช้บริการห้องนี้กันได้ค่ะ
ชั้นนี้จะชั้น Rooftop ค่ะ เดิมพื้นที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับเก็บแท้งค์น้ำและงานระบบอาคารต่าง ๆ แต่ที่นี่เค้าก็ไม่ได้ปล่อยให้เสียเปล่าจัดทำเป็นพื้นที่สวนลอยฟ้ามาให้แบบนี้เลยค่ะ
พื้นที่สวนเค้ามีพื้นที่เยอะพอสมควรเลยค่ะ ประดับทางเดินด้วยต้นไม้และพุ่มไม้เพิ่มมุมมองพื้นที่สีเขียวในโครงการขึ้นไปอีก
จุดนี้ใครที่ชอบเดินออกกำลังกายน่าชอบเลย มาเดินกันได้แบบชิล ๆ บรรยากาศดีน่าเดินเล่นมากค่ะ