บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ใจป้ำตอบแทนผู้ถือหุ้น หลัง บอร์ดไฟเขียว จ่ายปันผล 130 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสด 100 ล้านบาท และหุ้นปันผลมูลค่า 30 ล้านบาท ที่ กำหนดขึ้น XD 8 มีนาคมนี้ ด้าน ผู้บริหาร “ พีระพงศ์ จรูญเอก ” โชว์ฟอร์มดี ประกาศกำไรสุทธิปี 2558 ทุบสถิติเติบโตโดดเด่น 450% แตะ 387 ล้านบาท ตอกย้ำการสร้างผลิตภัณฑ์โดนใจกลุ่มลูกค้า
“ ORI ” ประกาศปันผลหุ้น – เงินสด เหตุกำไรปี 58 พุ่งทะยาน 450 %
· ~ 1 min readนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติเห็นชอบจ่ายปันผลสําหรับผลการดําเนินงานของบริษัทฯงวด 6 เดือนหลังของปี 2558 ในอัตรา 0.21667 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 130,000,000 บาท โดยบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนบางส่วน เป็นจํานวน ไม่เกิน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000,000 บาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น และเงินสดบางส่วน ในอัตราหุ้นละ 0.16667 บาท หรือคิดเป็นจํานวน เงินไม่เกิน100,000,000 บาท โดยกำหนดขึ้นสัญลักษณ์ XD (วันที่ผู้ซื้อไม่มีสิทธิได้รับปันผล) ในวันที่ 8 มีนาคม 2558
ทั้งนี้ สาเหตุที่ บริษัทฯสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยการปันผลเป็นหุ้น และ ปันผลเป็นเงินสด เนื่องจาก ผลการดำเนินงวดปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 386.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450 % เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยในปี 2558 นี้บริษัทฯ มีโครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่ม 5 โครงการ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเร็จ ได้แก่ โครงการ B-Loft สุขุมวิท 115 โครงการ B.Republic สุขุมวิท 101/1 โครงการ Villa Lasalle สุขุมวิท 105 โครงการ Pause สุขุมวิท 107 A และ โครงการ Pause สุขุมวิท 107 B ตามลำดับ
ดังนั้นจากการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรพย์ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 2558 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ร้อยละ 42.85 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 18.81 อีกทั้งต้นทุนโครงสร้างการเงินที่ปรับลดลงจากการเพิ่มทุน IPO ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ลดลงเหลือ 0.91 เท่าจากเดิม 5.66 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD Ratio) ลดลงเหลือ 0.40 เท่า จากเดิม 3.60 เท่า ซึ่งส่งผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจได้ดีขึ้น
“ ผลการดำเนินงานในปี 58 ที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทฯ ได้พยายามทำงานอย่างหนักและเต็มที่เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ สร้างสรรค์โครงการคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งมอบการบริการหลังการขายที่ประทับใจเสมอมา สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/2559 มองว่ายังปรับตัวคึกคัก เพราะด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ” นายพีระพงศ์ กล่าว